คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
นั่งดูปฏิทินสิ้นเดือนนี้ เหลือเวลาอีก 2 เดือน หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ สื่อทางเลือกของสังคม เพื่อประชาธิปไตย ก็จะมีอายุครบ 1 ปี
“เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก” ซึ่งผมไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนบัญญัติขึ้นมา แต่ขออนุญาตนำมาพูดซ้ำ
10 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์เกิดขึ้นมา ท่ามกลางบรรยากาศที่ประเทศไทยยังถูกครอบงำด้วยระบอบเผด็จการ แม้ว่ารัฐบาลขิงแก่ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการยึดวันเลือกตั้งไว้เป็นตัวประกัน ไม่ให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง คิดพิเรนทร์ก่อการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นมาอีก
เมื่อหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์เลือกเกิดขึ้นมาในฤกษ์ดาวโจรครองเมือง เราก็ต้องแก้เคล็ดด้วยสโลแกน เป็นสื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย
เป็นเพราะสโลแกนที่กำหนดขึ้นมาเพื่อแก้เคล็ดที่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์เกิดขึ้นมาในฤกษ์ดาวโจรครองเมืองกระมัง ทำให้หนังสือพิมพ์รายวันราคาถูกที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ได้รับการต้อนรับจากประชาชนผู้มีอุดมการณ์ร่วมกันอย่างอบอุ่น โดยไม่ได้ลงทุนเสียเงินค่าโฆษณาจากสื่ออื่นๆ เลยแม้แต่บาทเดียว
แต่เพราะปากต่อปากของผู้ที่ร่วมอุดมการณ์รักประชาธิปไตย ทำให้ยอดจำหน่ายสูงอย่างคาดไม่ถึง ถ้าภาษาของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องเรียกว่า ยอดจำหน่ายสูงอย่างเข็มขัดสั้น
จากวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ก็ต้องขยายออกมาวางแผงหนังสือทั่วๆ ไป และขยายออกไปวางแผงในพื้นที่ต่างจังหวัดบางจังหวัด และในอนาคตอันใกล้นี้จะวางแผงจำหน่ายทั่วประเทศ ตามเสียงเรียกร้องของท่านผู้มีอุปการคุณ
อีก 2 วันจะครบ 10 เดือนของอายุหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ผมยอมรับว่าเหนื่อยพอสมควรกว่าจะฟันฝ่ากับอุปสรรคต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาเป็นพายุบุแคม โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เริ่มวางแผง ถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากผู้ไม่หวังดีกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และพวกปากเสีย กล่าวหาว่า เป็นหนังสือพิมพ์เฉพาะกิจบ้าง หลังจากเลือกตั้งแล้วก็จะปิด เป็นสื่อเทียมบ้าง เพราะไม่นำเสนอข่าวที่สื่อโดยทั่วๆ ไปนำเสนอ สารพัดที่จะหยิบยกขึ้นมากล่าวหากัน
“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” สุภาษิตโบราณว่าไว้ วันนี้ได้พิสูจน์หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์แล้วว่า ข้อกล่าวหาก็คือข้อกล่าวหา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่า หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ คือสื่อทางเลือกของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ตามสโลแกนที่กำหนดขึ้นมาเพื่อแก้เคล็ดในฤกษ์ดาวโจรครองเมือง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ได้พิสูจน์ให้ท่านผู้มีอุปการคุณเห็นแล้วว่า เรายึดมั่นสโลแกนที่ประกาศไว้อย่างเหนียวแน่น เป็นสื่อทางเลือกของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาของข่าวสารต่างๆ ที่ท่านหาอ่านไม่ได้จากหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น
และ...ที่เรายึดมั่นเป็นเจตนารมณ์ นั่นคือ สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังจะเห็นได้ว่า ไม่ว่ากระแสสังคมที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่รับใช้เผด็จการ หรือพรรคประชาธิปัตย์ ปลุกระดมขึ้นมาเพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสื่อต่างๆ เห็นคล้อยตาม
แต่...
หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ ยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิม สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุผลเดียวคือ รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 หรือที่เรียกกันว่า ฉบับหน้าแหลมฟันดำ เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นกากเดนของเผด็จการ ร่างขึ้นมาจากการบงการของเผด็จการที่เข้ามาครอบงำประเทศไทย หลังจากรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
และ...เรามั่นใจว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และส่อเค้าว่าจะรุนแรงขึ้นในอนาคต พาประเทศชาติไปสู่วิกฤติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง เกิดมาจากรัฐธรรมนูญกากเดนของเผด็จการ
ดังนั้น ด้วยเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ ที่เราได้พิสูจน์ให้ท่านผู้มีอุปการคุณได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ จะยกเครื่องใหม่ให้แน่นเปรี๊ยะกว่าเดิม เพิ่มเนื้อหาสาระตามความต้องการของท่านผู้มีอุปการคุณ
โดยเฉพาะขบวนการปล้นประชาธิปไตย ขบวนการมารศาสนา คุณสอาด จันทร์ดี ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป จะต้องพบกับวิบากกรรมกับสิ่งที่ก่อขึ้นมา รับรองว่าเจาะกันถึงกึ๋นแน่นอน
นี่คือสิ่งที่เราจะบอกกล่าวกันล่วงหน้า วันที่ 1 สิงหาคม รอพิสูจน์ผลการยกเครื่องประชาทรรศน์นะครับ
เอกฉัตร