คอลัมน์ : ละครชีวิต
ประชาชนบ่นมามากมายว่า นโยบายของรัฐบาลที่จะนำรายได้ที่อยู่ “ใต้โต๊ะ” ขึ้นมาอยู่ “บนโต๊ะ” อย่างถูกต้อง โปร่งใส และดำเนินการจัดสรรเงินให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ผิดด้วยหรือ?
คำถามนี้ผมยังไม่ตอบ เพราะถ้าตอบว่า “ไม่ผิด” ก็ถูกปรักปรำว่าเป็นพวกไร้คุณธรรม จริยธรรม หลงใหลในอบายมุข
หลังจากศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีหวยบนดินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 47 คน
โดยใน 3 คนเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้แก่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน และ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ รมช.คมนาคม ซึ่งก็ต้องติดตามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เรื่องของคดีก็ต้องไปว่ากันในศาล แต่ประเด็นนี้มีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน
ผมจำได้ว่าเรื่องของ “บ่อน” และ “หวย” ในบ้านเมืองเรานั้น มีการเถียงกันแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น ฟังแล้วก็น่าปวดหัว
แต่เท่าที่ดูแล้ว รู้สึกว่าคนที่พยายามผลักดันสิ่งเหล่านี้จะเหนื่อยไม่น้อย แม้จุดมุ่งหมายจะดีเลิศขนาดไหน เพราะคนที่ต่อต้านก็งัดเหตุผลและคำพูดที่สวยหรูมาหักล้างได้ดีเช่นกัน
อย่าลืมว่าการคัดค้านสิ่งต่างๆ เหล่านี้ สามารถแจ้งเกิด “นักการเมือง” หรือ “เอ็นจีโอ” หลายต่อหลายคนแล้ว
คนประเภทนี้เรียกว่า “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง”
การที่รัฐบาลของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ดำเนินนโยบายเอาหวยใต้ดินมาอยู่บนดินนั้น สร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดินมากมาย
เพราะเป็นการนำเงินจากการขายหวยบนดินไปให้เด็กได้เรียนหนังสือ ไม่ใช่เอาเงินไปให้มาเฟีย ซึ่งเป็นเงินปีละหมื่นๆ ล้าน
การให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กยากจนและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการผันเงินจากการขายหวยบนดินมาเป็นทุนการศึกษาสารพัดรูปแบบ
เช่น โครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียนจากทุกอำเภอ และกิ่งอำเภอ ในระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) หรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน”
ตามด้วยโครงการเขียนเรียงความสำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อรับทุนการศึกษาตามนโยบายของรัฐบาล
รวมทั้งโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาบุตร-ธิดา ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ทราบหรือไม่ว่า ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยกเลิกการเล่นหวยบนดิน ส่งผลให้การพนันหวยใต้ดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย เนื่องจากปล่อยให้เงินไหลลงสู่หวยใต้ดินหมด แทนที่จะนำขึ้นมาบนดินแล้วนำไปใช้ทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติ
ผมมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเสียดายแทนน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ที่จะหมดโอกาสต่างๆ เหล่านี้ไปเพียงเพราะมี “ผู้ใหญ่ใจดำ” มองข้ามความสำคัญ
“ผู้ใหญ่ใจดำ” เหล่านี้ มองข้ามคุณค่าในความเป็นคน มองข้ามคุณค่าคนด้อยโอกาส มองข้ามคุณค่าในความยากจนของคนชั้นล่าง รวมทั้งดูหมิ่นศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ด้วย
น้องๆ นักเรียน นักศึกษา ต้องจดจำไว้ว่า เหตุผลทั้งหมดทั้งปวงมาจากคะแนนนิยมในตัวของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สิ่งนี้เองจึงทำให้นโยบายนี้ต้องหยุดดำเนินการทันที ไม่ว่าจะดีแสนดีขนาดไหน เหมือนๆ กับนโยบายประชานิยมที่กำลังโดนกำจัดและใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา
ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้ “คนไทย” ได้ประโยชน์
แบบนี้ที่เขาเรียกกันว่า มือไม่พาย...เอาเท้าราน้ำ
สงสารแต่ “คนชั้นล่าง” ไม่รู้ว่าจะอยู่กันต่อไปอย่างไร!
ลวดหนาม (แทน)