WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 19, 2008

ยิ่งกว่า 2 มาตรฐาน

ย้อนกลับไปไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านได้ยื่นซักฟอก สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะ รมว.ยุติธรรม ที่สรรหากรรมการ ปปท. ล่าช้ากว่ารัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 5 วันมี พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แห่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนลงมืออภิปราย
ด้วยข้อหาว่า นายสมพงษ์บกพร่องต่อหน้าที่ และทำท่าว่าจะเอากันให้ถึงขั้นถอดถอนพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีกันเลยทีเดียวซึ่งการกระทำของฝ่ายค้านดังที่ว่า ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดแปลกอะไร และอย่างไรเสียก็ต้องนับว่าเป็นบทบาทที่น่าชื่นชม เพราะเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในสภา
เป็นการแสดงบทบาทตามครรลองของรัฐธรรมนูญ ที่สง่างามกว่าการออกไปแสดงความคิดความเห็นข้างถนน โดยเฉพาะบนเวทีที่อาจล่อแหลมว่ามีการปฏิบัติส่อไปในทางที่ผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ การพกพาอาวุธ การซ่องสุมผู้คน ตลอดจนการก้าวล่วงเบื้องสูง หมิ่นประมาทผู้คนไปทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งยังไม่นับถึงกิริยาเถื่อนถ่อยอื่นๆ
และบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ดังว่านั้น จะไม่หยิบยกมากล่าวถึงในเชิงตำหนิเลย หากพฤติกรรมในเรื่องอื่นๆ จะช่วยให้เชื่อได้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการไปด้วยใจบริสุทธิ์เพราะในกรณีของ สตง. ที่รัฐธรรมนูญมาตรา 301 ระบุไว้ว่า จะต้องมีการสรรหาผู้ว่าการ สตง. คนใหม่ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่มีประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้าน ภายหลังการเลือกตั้งครั้งแรกตาม รธน.50 เพื่อให้ทั้ง 2 คนมาร่วมเป็น 2 ใน 7 คณะกรรมการสรรหา
แต่จนถึงขณะนี้ เลยเวลาดังว่ามาแล้วนับร้อยวัน บอกเล่าความละเลยชัดเจนยิ่งกว่ากรณีของนายสมพงษ์ แต่กลับไม่มีสัญญาณใดๆ ออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์
แม้กระทั่งมีผู้สื่อข่าวไปทวงถามถึงเรื่องดังกล่าว ผู้คนของ ปชป. ก็ยังเรียงหน้าปฏิเสธกันได้หน้าตาเฉย ด้วยข้ออ้างง่ายๆ ไม่ขอพูดบ้าง หรือไม่มีข้อมูลบ้าง
ไม่ว่าจะเป็น พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่เคยอภิปรายนายสมพงษ์มาแล้ว แต่งานนี้กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเดียวกันอย่างกับแกะ จะต่างกันก็แค่คนที่ตกเป็นจำเลย เป็นใคร อยู่ซีกข้างไหน เท่านั้นเช่นเดียวกับ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบมากมายหลายเรื่อง ก็ไม่พูดจาอะไร
จนมาถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. ที่โบ้ยให้ไปถาม อลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ก็คงพอทำให้อนุมานได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจตนาที่จะแตะต้องเรื่องนี้จริงๆ
และยิ่งเมื่อไปสอบถาม อลงกรณ์ พลบุตร จอมแฉของ ปชป. แล้วได้รับคำปฏิเสธอีกคน ยิ่งดูเหมือนว่าอภิสิทธิ์แค่พยายามผลักเรื่องให้พ้นตัว
จนมาถึงสุดท้าย เทพไท เสนพงศ์ ที่รู้ไปทุกเรื่อง ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร นายกรัฐมนตรีจะทำอะไร ถึงขนาดยึดพื้นที่สื่อทุกบ่ายวันอาทิตย์ คอยปล่อยคำพูดเด็ดๆ โต้แย้งรายการ “สนทนาประสาสมัคร” เพื่อขอเกาะกระแสดังด้วยคน ก็ยังอ้างไม่รู้ข้อมูล
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วบอกตรงๆ ว่า พรรคประชาธิปัตย์สุ่มเสี่ยงมากที่จะถูกประชาชนมองว่า 2 มาตรฐาน หรือมองว่าจะเลือกค้านเฉพาะประเด็นที่ตัวเองและพวกพ้องได้ประโยชน์เท่านั้น
ซึ่งหากประชาชนเกิดความเชื่อเช่นนั้นขึ้นมาวันใด ก็สุ่มเสี่ยงต่อการที่จะถูกมองต่อไปอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่จริงใจต่อประเทศชาติและประชาชน เป็นพรรคการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
เมื่อถึงวันที่มีการเลือกตั้ง ก็อาจจะกลายเป็นประเด็นที่คู่แข่งทางการเมืองนำไปบอกชาวบ้านว่า พรรคการเมืองที่ดีแต่ภาพภายนอกเช่นนี้ ไม่ควรเลือกเข้ามาทำงานบริหารบ้านเมือง ซึ่งก็อาจจะเป็นผลร้ายกับพรรคประชาธิปัตย์เอง
และเมื่อพูดถึงเรื่องที่ทำท่าว่าจะมี 2 มาตรฐาน ก็ยังมีกรณีของ ชวน หลีกภัย ที่เมื่อไม่กี่วันออกมาเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยมาสู้คดี และให้มีการนำตัวมาดำเนินคดี จึงมีการตั้งคำถามว่า เมื่อคราวกรณีของ ระลึก หลีกภัย มีคดีในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารใหญ่ และไปอยู่ในต่างประเทศ นายชวนได้เคยเรียกร้องแบบเดียวกันหรือไม่
ซึ่งแน่นอนว่า นายชวนอาจจะพร่ำบอกน้องชายทุกวี่ทุกวันก็เป็นได้ เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว ที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้ เพียงแต่มีความจริงในเรื่องนี้อีกอย่างน้อย 2 ประการก็คือ ในระหว่างนั้น นายชวนเป็นนายกรัฐมนตรี และนายระลึกอยู่ในต่างประเทศจนหมดอายุคดีความ ไม่มีการตัดสินหรือลงโทษตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน เมื่อกลับไปมองกรณีของการสรรหาผู้ว่าการ สตง. ก็ปรากฏการปฏิบัติที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญชัดเจน ปรากฏตัวผู้ที่ต้องรับผิดชอบคือ ประธานวุฒิสภา นายประสพสุข บุญเดช ส.ว. จากการสรรหา ที่เคยมีเสียงครหาว่าอาจจะเป็นคนที่มีความคิดอ่านทางการเมือง แบบเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรอิสระบางแห่ง หรืออาจรวมถึงคนบางกลุ่ม
ในกรณีของ สตง. อาจพอทำใจให้เชื่อได้ว่า คนของประชาธิปัตย์พร้อมใจกันตกข่าว ตกประเด็นจริง แต่เมื่อมีข่าวออกมาชัดเจนเช่นนี้ ปชป. คิดจะทำอย่างไรต่อไป คงต้องรอดูกัน ผมฝากทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยวิธีคิดแบบกลางๆ ว่า คนเราจะรักพวกรักพ้องไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากยิ่งกว่า
และเชื่อแน่ว่า ประชาชนไม่อยากได้คนแบบนี้เข้ามาบริหารบ้านเมือง...!!