WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, August 22, 2008

หยุดสร้างความชอบธรรมให้เผด็จการ

คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
เมื่อวันก่อนนี้ "เก่งกาจ จงใจพระ” หมอดูชื่อดัง ออกมาบอก หรือจะว่ามาเตือนก็คงไม่ต่างกันนัก ถึงการเกิด "จันทรคราสสีส้มแดง" ขึ้นในเดือนเดียวกับเกิด "สุริยคราส" ว่าให้ระวังภัยทางการเมือง ระวังเหตุพลิกผันทางการเมือง-ภัยธรรมชาติ อาจวุ่นวายยาวทั้งเดือน

เรื่องนี้ใครจะคิดอย่างไร...ไม่ว่ากันครับ

ผมว่าเรื่องธรรมชาตินั้นก็เห็นกันอยู่ ตอนนี้พี่น้องประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสาน ต่างได้รับความเดือดร้อนไปตามๆ กัน ทางพังงาก็มีภูเขาถล่ม ก็ต้องช่วยเหลือกันครับ ไม่มีใครรักและเป็นห่วงคนไทยเท่าคนไทยหรอกครับ ยกเว้นคนบางกลุ่มบางพวกที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติ ต้องการสร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง

ส่วนเรื่องการเมืองนั้น โดยเฉพาะเรื่องของ “ภัยทางการเมือง” ผมว่าได้มีการจับตามองกันอยู่แล้วเหมือนกัน

มีหลายเรื่องที่ต้องติดตาม นอกจากการที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดไว้ชัดว่า ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะเชื่อว่ามีการแทรกแซงองค์กรที่ทำการสืบสวนสอบสวน พูดให้ชัดคือ หมายถึง คตส. และ ป.ป.ช. นี่เอง แต่มีคนที่ไม่หวังดีพยายามโยงไปถึงศาลให้ได้

และไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงต้องออกไปอยู่ต่างประเทศ

โดยหวังว่าความขัดแย้ง ความแตกแยกทางการเมือง จะลดลง ความสมานฉันท์ที่รัฐบาลและคนส่วนใหญ่ในประเทศต้องการให้เกิดขึ้น น่าจะมีผลดีตามมา โดยเฉพาะในช่วงสำคัญของพสกนิกรชาวไทย จาก “วันแม่ถึงวันพ่อ” ที่จะมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเกิดขึ้นมากมาย

ความจริงแล้วได้มีความพยายามที่จะยุติความขัดแย้งในบ้านเมือง หยุดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของคนในประเทศ แต่ยังทำไม่สำเร็จให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างได้เสียที

มีแฟนหนังสือประชาทรรศน์ส่งเอกสารมาให้ฉบับหนึ่ง เป็นเอกสารที่ต้องการจะให้ยุติความขัดแย้งที่กล่าวถึงนี่แหละครับ แต่เอกสารนี้ไม่ได้รับการเผยแพร่จากสื่ออย่างที่หวังไว้ แทบไม่มีสื่อไหนให้ความสนใจว่างั้นเถอะ และยิ่งเป็นสื่อในเครือข่ายของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง...

เพราะนี่เป็นสิ่งที่ไปตอกย้ำ ไปเปิดแผลของคนกลุ่มนี้ว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปนั้น มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้านต่อต้าน...ไม่เห็นด้วย

เอกสารที่ว่านี้คือ จดหมายเปิดผนึก เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2551 จาก นายปกป้อง เลาวัณย์ศิริ ผู้ประสานชมรมกิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลง ที่ลงชื่อนักกิจกรรม นักวิชาการ นักศึกษา นักสหภาพแรงงาน ประณามกลุ่มพันธมิตรฯ

พลิกดูรายชื่อข้างล่างของจดหมายฉบับนี้ มีทั้งนักศึกษาปริญญาเอก ปริญญาโท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ประธานสหภาพแรงงาน ฝ่ายจัดตั้งสหภาพแรงงานย่านรังสิต นักกิจกรรมด้านสังคม นักกิจกรรมด้านมนุษยชน พยาบาลในโรงพยาบาลประเทศเบลเยียม เป็นต้น

เอกสารระบุว่า แม้การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่พันธมิตรฯ มีการปลุกปั่น สร้างกระแสความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม มีการใช้วาทกรรมพิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในการปราบปรามประชาชนช่วง 6 ตุลาคม 2519

และยังมีข้อเสนอที่ถอยหลังเข้าคลองของ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ที่เสนอให้ ส.ส. มาจากการแต่งตั้งร้อยละ 70 และการเลือกตั้งร้อยละ 30

ในจดหมายยังระบุอีกว่า ผู้มีรายชื่อท้ายจดหมายนี้ เรียกร้องให้พันธมิตรฯ ยุติการใช้กระแสชาตินิยม (วันนี้เอาเรื่องเชื้อชาติ สัญชาติ เรื่องลูกจีน มาใช้แล้วด้วย) และวาทกรรมพิทักษ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” มาเป็นเครื่องมือทำลายผู้เห็นต่างจากฝ่ายพันธมิตรฯ ยุติการให้ข้อมูลผิดพลาด และให้ยุติการเสนอแนวคิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจากการแต่งตั้ง

และข้ออ้างทุกรูปแบบ เพื่อความชอบธรรมให้เกิดรัฐประหาร

ขอประณามกลุ่มพันธมิตรฯ ในการสร้างความขัดแย้งแตกแยกให้เพิ่มขึ้นในสังคมไทย และไม่ดำเนินการไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย

หนังสือระบุอีกว่า ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการจัดชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ และได้ไปปักหลักชุมนุมหน้าที่หน้าทำเนียบรัฐบาล (ปัจจุบันถูกนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ไล่กลับมาที่สะพานมัฆวานฯ แล้วครับ) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี

แม้ว่าผู้ร่วมลงชื่อข้างล่างจดหมายนี้จะสนับสนุนสิทธิในการชุมนุม ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ว่าสามารถกระทำได้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน แต่...

- กลุ่มพันธมิตรฯ ได้มีการปลุกปั่นสร้างกระแสความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะต่อกรณี เขาพระวิหาร และการใช้วาทกรรมพิทักษ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นวาทกรรมแบบชาตินิยม ที่ได้มีการใช้เป็นเครื่องมือในช่วงของการเข่นฆ่าปราบปรามผู้นำกรรมกร ชาวนา นักศึกษา และประชาชน ในช่วงปลายทศวรรษ 2510 โดยตำรวจ ทหาร และกลุ่มอันธพาลฝ่ายขวา ที่กระทำไปโดยอ้างว่าเพื่อพิทักษ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทางการเมือง

- การเสนอให้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยให้มาจากการแต่งตั้งร้อยละ 70 และเลือกตั้งร้อยละ 30 ของ นายสุริยะใส กตะศิลา ถือเป็นข้อเสนอที่ “ถอยหลังเข้าคลอง” ขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยแบบตัวแทน

และเป็นการเปิดทางให้คณะรัฐประหารนิยมมาแทรกแซงการเมือง และฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้ง
ผู้เสนอจดหมายเปิดผนึกได้ขอแสดงจุดยืน ดังนี้

1.ขอประณามพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่อ้างเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ขอแสดงทรรศนะว่า การกระทำที่ผ่านมาของบุคคล 4 คนนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหล่านี้จะไม่มีจุดยืนเพื่อคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนอีกแล้ว

2.ขอเรียกร้องให้มีการยุติการปลุกปั่น การสร้างกระแสลัทธิชาตินิยม การใช้วาทกรรมพิทักษ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” มาเป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงข้าม หรือผู้ที่มีความเห็นต่างกับกลุ่มพันธมิตรฯ

3.กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องไม่ให้ข้อมูลที่ผิดพลาด โดยมิได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการพาดพิงบุคคลต่างๆ บนเวทีการประชุม รวมทั้งการใช้คำหยาบ รุนแรง และอารมณ์โกรธแค้น เพื่อสร้างความเคียดแค้นชิงชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อปลุกระดมผู้ชุมนุมบนเวที

4.กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องยุติการเสนอแนวคิดให้มีการแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และข้ออ้างทุกรูปแบบที่จะสร้างความชอบธรรมนำไปสู่การรัฐประหาร

หนังสือฉบับนี้ลงท้ายว่า เพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

จะเห็นว่า นอกจากคนที่เดือดร้อนจากการจัดชุมนุมประท้วงของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งดูยังไงก็เสมือนเป็นเครื่องมือของเผด็จการแล้ว ยังมีคนอีกหลากหลายสาขาอาชีพ และความเป็นอยู่ ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ

ก็หวังว่าเอกสารฉบับนี้คงไปถึงแกนนำพันธมิตรฯ เพราะได้ข่าวมาว่ามีการเช็กข่าวจาก หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ จาก เว็บไซต์ประชาทรรศน์ กันทุกวันอยู่แล้ว

ที่ผมนำจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้มาลง ก็เพื่อให้กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เกิดความสำเหนียกว่า การคัดค้านไม่เห็นด้วยนั้น เป็นสิทธิครับ สามารถทำได้อย่างผู้ที่มีวุฒิภาวะ มีการศึกษา ที่เขาพึงกระทำกัน โดยไม่ต้องใช้ความก้าวร้าว กักขฬะ หยาบคาย ให้คนเขารู้ถึง “สันดานดิบ” และ “กำพืด” ที่แท้จริงก็ได้

คงไม่ต้องสรุป เพราะทุกอย่างชัดเจน ทำให้อดคิดถึงคำโบราณไม่ได้ เช่น “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ...วันนี้พันธมิตรฯ ต้องยืมมือเด็กนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะมาช่วยแล้ว และ “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” ที่พบเห็นได้บนเวทีของพันธมิตรฯ มาจนถึงวันนี้

ว่าจะไม่สรุปแล้วเชียว แต่ก็เอาเสียหน่อย...ความก้าวร้าว หยาบคาย ถ่อย สถุล จะไม่พบในคนดีหรอกครับ

อัฐศิริ