WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 19, 2008

ป.ป.ช. ยิ่งกว่าลิงแก้แห

รายการ “ความจริงวันนี้” คืนวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2551 นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้เริ่มรายการด้วยเรื่องการคว้าชัยชนะของ มนัส บุญจำนงค์ นักชกทีมชาติไทย ที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประเด็นข้อถกเถียงอมตะของการได้มาซึ่งตำแหน่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. และประเด็นร้อนเรื่องการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบรายการ “ความจริงวันนี้” รวมทั้งเอกสารข้อมูลเพื่อเปิดโปงข้อเท็จจริง โดยมี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างถึงใจ

วีระ – สวัสดีครับ ความจริงวันนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2551 มีคนพูดถึงรายการ “ความจริงวันนี้” กันมากพอสมควร เราไม่สามารถรวมมาอยู่ในที่นี้ได้ ขออนุญาตที่จะคัดเอาบุคคลสำคัญ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ชม และเราผู้จัดรายการบ้าง มี 2 รายที่เราต้องพูดถึง รายแรกขอให้เป็นมงคลหน่อย และเป็นกำลังใจ นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช รายการในเช้าวันนี้ (สนทนาประสาสมัคร) ได้กรุณากล่าวพาดพิงรายการ “ความจริงวันนี้” ซึ่งมันเป็นกำลังใจสำหรับผู้จัดเป็นอย่างดี เพราะท่านได้กล่าว ขออ่านซ้ำสักหน่อย เอาละครับ “ต้องขอประทานโทษ ที่ต้องทำให้อธิบดี และผู้อำนวยการกรมประชาสัมพันธ์เดือดร้อน เพราะว่าอะไรครับ เพราะว่ามีเรื่องต้องแจ้งให้ท่านฟังอยู่ 2 เรื่อง 1.คือการตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีมีผู้ร้องเรียนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สำนักงานป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้หนึ่ง ร้องเรียนว่า ปล่อยให้คนพวกนี้จัดรายการออกอากาศ ชื่อรายการ “ความจริงวันนี้” ออกอากาศพูดได้พูดเอา พูดอยู่ข้างเดียว ผิดวิสัยสื่อมวลชนชั้นดี อันเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าคำร้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มาตรา 84 มาตรา 85 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามและทุจริต ปี 2542 จึงรับไว้พิจารณา”
กล่าวถึงเราพร้อมอธิบายว่า เราทำรายการมีมารยาท สุภาพ แค่นี้ก็เป็นเกียรติสูงสุดแล้วครับ กับการที่ผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ได้มองรายการ “ความจริงวันนี้” อย่างที่ท่านได้กล่าวมา นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีก็มีพูดต่อไปอีกหน่อยนะครับ ความจริงพวกผมก็คิดอยู่เหมือนกัน พวกผมวางแผนกันว่า วันจันทร์นี้จะพูดถึงคนกลุ่มนี้ ก็คือ “กลุ่มสันติอโศก” กลุ่มนี้เป็นกำลังหลักของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ที่สะพานมัฆวานฯ เรื่องของสันติอโศกเป็นเรื่องที่ผ่านมานานพอสมควร ผมเชื่อว่าปัจจุบัน คนชุมนุมที่อยู่นั้นยังไม่รู้จักพวกนี้ดีพอ ยังไม่รู้จักเบื้องหน้าเบื้องหลัง เราเห็นว่าถ้าปล่อยให้คนพวกนี้ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้ แล้วก็เป็นเครื่องมือในการชุมนุมที่ยืดเยื้อและยาวนานต่อไปเช่นนี้ เป็นพิษเป็นภัยต่อบ้านเมือง ต่อศาสนา ฉะนั้นเราจะเอาข้อมูลซึ่งเป็นความจริงวันวาน แต่จะเอามาในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ คุณวิชา มหาคุณ ซึ่งเป็นกรรมการคนหนึ่งของ ป.ป.ช. ได้พูดถึงพวกเราพอสมควร ผมต้องขอแรงผู้ร่วมรายการของผมทั้ง 2 ท่าน รบกวนขอเสียงท่านหน่อยว่า มีประเด็นที่ คุณวิชา มหาคุณ พูดถึงเราว่าอย่างไรนะครับ

ณัฐวุฒิ – คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ หนังสือพิมพ์มติชนลงว่า “วิชาปลื้ม...ปกขาว เรตติ้งดี ประชาชนเข้าใจ ปัดแก้แค้นแก๊ง 3 เกลอ” 3 เกลอ หมายถึงพวกเรานะครับ “ยันร้องจริง” ความโดยสรุป คุณวิชา มหาคุณ หนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชน เพราะมีการตั้งประเด็นถามคุณวิชา เหมือนที่เราตั้งประเด็นไว้ในรายการ ต้องขอบคุณสื่อมวลชน ที่อย่างน้อยก็ได้เก็บเกี่ยวประเด็นจากในรายการ ขยายผลต่อเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏต่อสังคม คุณวิชาก็ให้สัมภาษณ์ว่า ดีใจที่สมุดปกขาวได้รับการตอบรับอย่างเข้มข้น มีคนสอบถามมาที่สำนักงาน ป.ป.ช. จำนวนมาก ทีนี้คุณวิชาก็บอกว่า รู้สึกว่าประชาชนทั่วไปก็เข้าใจ ส่วนคนที่ตั้งธงว่าไม่เข้าใจ ชี้แจงอย่างไรก็ไม่ยอมรับอยู่ดี คือผมเรียนว่า ผมไม่ได้ตั้งธงว่าไม่เข้าใจนะครับ แต่ว่าถ้าท่านไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง อย่างไรก็จะไม่เข้าใจ คุณวิชาจะพูดถึงกรณีรายการเราระบุว่า ป.ป.ช. ยื่นขอให้มีการโปรดเกล้าฯ การทำหน้าที่ของ 9 ท่านให้มีผลย้อนหลัง เพื่อรองรับการทำหน้าที่ก่อนมีกำหนดว่า ยืนยันว่าไม่เคยให้ย้อนหลัง เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเอง ที่ส่งเรื่องขึ้นไป ไม่ใช่เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. เลย คือ...จะเป็นความผิดของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่ผมแน่ใจว่าเป็นความเท็จของ คุณวิชา มหาคุณ ด้วยความเคารพครับ ที่ผมต้องพูดตรงๆ แบบนี้ คุณวิชาเป็นผู้พิพากษาใหญ่ เป็นผู้อาวุโส ผมให้ความเคารพครับ แต่ที่ผมให้ความเคารพมากกว่าคือ ความจริง ที่บอกว่าคุณวิชาพูดความเท็จ เพราะอะไร เพราะว่าคุณวิชาจำหนังสือที่ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน ฉบับนั้นได้ไหมครับ ที่ คุณศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการ ป.ป.ช. นำเสนอต่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปนั้น ในวรรคสุดท้าย คุณศราวุธบอกไว้ว่า “จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง” พร้อมกับแนบรายชื่อทั้ง 9 คน และในบรรทัดสุดท้ายเขียนไว้ว่า “ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม เป็นต้นไป จักขอบคุณยิ่ง” นี่ก็ชัดเลยครับว่า เป้าประสงค์ที่จะให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งมาจาก ป.ป.ช. ไม่ใช่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อย่างที่คุณวิชากล่าวอ้างในบทสัมภาษณ์เมื่อเช้านี้แต่อย่างใด ผมยืนยัน ประเด็นต่อมา การที่รายการเรายกกรณีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเลขาธิการ ปปง. พ.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน เทียบเคียงว่า ป.ป.ช. ต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ โดยอ้างว่า แต่งตั้งยุครัฐประหารเหมือนกัน การแต่งตั้ง ปปง. กับ ป.ป.ช. ต่างกันนะครับ คุณวิชาบอกว่าต่างกัน โดย ป.ป.ช. แต่งตั้งจาก คปค. สอบถามไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็สอบถามไปยังสำนักราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการก็บอกว่า การแต่งตั้งจาก คปค. ถือเป็นกฎหมายแล้ว คือพอตั้งปุ๊บก็สมบูรณ์ด้วยตัวเอง หากยังสงสัยต้องไปถามที่ต้นเรื่องว่างั้น ประเด็นนี้ผมก็เรียนว่า คุณวิชา มหาคุณ พูดไม่ตรง และผมก็มีข้อสังเกต หากคุณวิชากล่าวอ้างว่าการแต่งตั้งใดๆ โดยประกาศ คปค. และก็มีความสมบูรณ์ทันที
ผมก็จะถามคุณวิชาว่า เคยเห็นประกาศของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 11 ไหมครับ ฉบับลงวันที่ 20 กันยายน เรื่อง การแต่งตั้งบุคคลสำคัญดำรงตำแหน่งในคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรายชื่อคนใน คปค. ทั้งหมด 6 คน หนึ่งในนั้นคือ หัวหน้า คปค. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หลังจากนั้น ในวันเดียวกันก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พล.อ.สนธิ เป็นหัวหน้าคณะ คปค. นี่ก็ชัดเจนนะครับคุณวิชา ที่ว่าหากใครแต่งตั้งโดยประกาศ คปค. แล้วก็เป็นทันทีไม่ต้องโปรดเกล้าฯ เนี่ย ก็ไม่เป็นความจริง ขนาด พล.อ.สนธิ ที่คุณวิชากล่าวอ้างว่ามีอำนาจเต็มบ้านเต็มเมือง และกล่าวอ้างว่าลายเซ็นคนนี้แหละที่จะคุ้มครองให้คุณวิชาอยู่ในตำแหน่งได้ครบ 9 ปี ยังต้องมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง แล้วของคุณวิชาคืออะไร

จตุพร – ผมว่าในวันนี้สิ่งที่เราพูดมา ผมว่าสิ่งที่ ป.ป.ช. ขาดนอกเหนือจากการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ก็คือเรื่อง “หิริโอตตัปปะ” หมายถึงความไม่เกรงกลัวต่อบาป

วีระ - ตอบเราด้วยนะ ว่ากินเงินเดือนจริงๆ น่ะวันไหน กินเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน หรือว่ามากินตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม ตอบมาให้ชัดหน่อยนะครับ

ณัฐวุฒิ – ผมเคยบอกไว้แล้วครับว่า ป.ป.ช. ยิ่งกว่าลิงแก้แห ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง ประเด็นต่อมา ผู้สื่อข่าวอ้างชื่อเลยครับว่า ประเด็นที่คุณณัฐวุฒิตั้งข้อสังเกตในรายการว่า การตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนเป็นเรื่องแก้เผ็ดหรือไม่ ที่เราไปวิจารณ์ ป.ป.ช. แล้วต่อมาก็ การที่ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการโดยมีการอ้างว่า ประชาชนผู้หนึ่ง มันมีตัวตนหรือมีน้ำหนักอย่างไร คุณวิชาตอบว่ามันไม่ใช่การแก้เผ็ด ทำตรงไปตรงมาตามกฎหมาย และคนผู้หนึ่งที่ลงชื่อให้ตรวจสอบก็คือมีอยู่จริง แต่เป็นความลับ เปิดเผยไม่ได้ ป.ป.ช. ให้ความสำคัญกับประชาชนมากจริงๆ

ณัฐวุฒิ - อันที่ผมจะอ่านต่อ คุณวีระต้องตอบด้วย เพราะมีการพาดพิงถึงคุณวิชาระบุถึงกรณีที่คุณวีระบอกว่า ป.ป.ช. เลือกปฏิบัติงาน เพราะในผลงานสมุดปกขาว ระบุผลงานชิ้นโบแดงของ ป.ป.ช. หลายชิ้น ทั้งๆ ที่เรื่องใหญ่ๆ หลายเรื่องไม่มีการระบุ แสดงว่า ป.ป.ช. ไม่ให้ความสำคัญ คดี ปรส. ที่เสียหาย 59 แสนล้านก็ไม่ได้ระบุไป คุณวิชาบอกว่า ความจริงเรื่อง ปรส. อยู่ในกระบวนการไต่สวนแล้ว และประธาน ป.ป.ช. เองก็ได้มีการแจ้งหนังสือไปยังคุณวีระแล้วนะครับ เอ้า คุณวีระ เขาแจ้งมาแล้วทำไมยังตั้งข้อสังเกตอยู่อีกล่ะครับ

วีระ – อ้าว!! แจ้งมาแล้วถึงได้ตั้งข้อสังเกตได้ถนัดๆ เพราะในมือผมคือหนังสือที่แจ้งมา เรื่องผลการพิจารณาผมจะอ่านให้ฟังย่อๆ ก็แล้วกันนะครับ หนังสือที่แจ้งมาลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2551 เรื่องการขอทราบผลการดำเนินการ ตามหนังสือที่ท่านขอทราบผลการดำเนินการกล่าวหาคณะกรรมการเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการขายทรัพย์สินที่ปิดกิจการให้บริษัท โกลด์แมนแซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ โดยมิชอบ ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาดังกล่าว เรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวนตามนัยประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ นายสมชิต สตภูมินทร์ รองเลขาธิการปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช. นี่ชัดเจน ซึ่งก็ชัดเจนว่า ผมขอทราบความคืบหน้าในการดำเนินการ และก็มีความชัดเจนว่า ยังไม่คืบหน้า นี่หมายความว่ายังอยู่ในระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ไปอยู่ที่ ป.ป.ช. กี่ปีแล้ว ที่ทวงเพราะมันนานจนเกินเหตุ และที่ต้องเอาเรื่องนี้มากล่าวซ้ำคือว่า มีคนร้องเมื่อวานซืน และก็มีการตั้งคณะอนุกรรมการสอบอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กับผู้อำนวยการสถานีเอ็นบีที ตั้งอนุกรรมการสอบทันทีนะครับ แต่อันนี้มันเป็นความเสียหาย 4 แสน 5 หมื่นล้าน ไปอยู่กับท่านหนึ่งปีแล้ว แหม! แล้วก็ไม่บอกด้วยนะว่าตั้งคณะอนุกรรมการสอบเมื่อไร อยากให้ผมพูดไหมครับว่า ตอนที่ตั้งคณะอนุกรรมการกันน่ะ มีกรรมการคัดค้านว่าไม่ควรตั้งอนุกรรมการสอบสวน สรุปแล้วเป็นไง สอบกันมาจนถึงบัดนี้ จนกระทั่งจะหมดอายุความไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้ว แปลว่ายังไง ผมสรุปสั้นๆ นะครับ ผมถามความคืบหน้า ความคืบหน้าก็คือยังไม่คืบหน้า...

จตุพร - โครงการนี้ความเสียหาย 4 แสน 5 หมื่นล้าน บวกกับภาษีอีก 2 แสนล้าน ปรากฏว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ยอมบรรจุอยู่ในสมุดปกขาว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ รวมกระทั่งการฮั้วประมูล 16 โครงการของ กทม. 2 หมื่นล้าน ก็ไม่อยู่เหมือนกัน

วีระ – เพราะว่าอย่างนี้ครับ ท่านเขียนว่า ผลงานที่กำลังดำเนินการสอบสวนคดีสำคัญ ท่านยกมา 13 หัวข้อ ในนั้นไม่มีเรื่องนี้ แสดงว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ ผมจะเรียนถามต่อไปว่า เรื่องที่ผมถามไป มันไม่มีแค่นี้ มันมีหลายเรื่อง คือคดีที่ไปสู่ ป.ป.ช. โดยเฉพาะคดี ปรส. มัน 5-6 คดี และไม่ปรากฏอะไรสักเรื่อง เพราะมันไม่สำคัญ? เอาละครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ผมทวงถามไปอีกว่า เรื่อง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ไปปาฐกถาในที่สาธารณะ 3 ที่ ว่ามีคนมาวิ่งเต้นเป็นอธิบดี ยินดีจ่ายเงิน 40 ล้าน ในฐานะที่เป็นหัวหน้า คปค. ก็ไม่จับ นี่ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แล้วเป็นไงครับ เรื่องนี้ทิ้งลงตะกร้าหรือยัง

จตุพร - คือถ้าเรื่องอีกฝ่ายหนึ่งจะรีบเร่งดำเนินการ เรื่องของ พล.อ.สนธิ กลายเป็นเหมือนเรื่องของคุณหญิงจารุวรรณ เรื่องสินบนร้อยล้าน ที่กลุ่มปฏิรูปการเมืองไปร้อง พร้อมเรื่องบ้าน เรื่องที่ดิน ก็ไม่ได้อยู่ในโครงการของ ป.ป.ช. เหมือนกัน แต่รายการ “ความจริงวันนี้” หันหลังให้กับ ป.ป.ช. ปัญหาคือ จะไปสอบองค์รัฐาธิปัตย์ได้อย่างไร

วีระ – มันเกิดความอยุติธรรม นี่ที่บอกว่า กระบวนการยุติธรรมไม่เป็นไปตามหลักสากล ไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรม เรื่องการตอบรับของสมุดปกขาวนั้น คนเขาเข้าใจดีแล้วว่าท่านไม่ได้มาจากการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่ท่านยังไม่สำนึก ในสมุดเล่มนั้นบอกความจริงทั้งหมด คือคำรับสารภาพของท่านทั้ง 9 แต่ที่ทั้ง 9 คนสำนึกได้แค่นี้ ต้องบอกว่าน่าเสียใจ ที่คนที่อ้างเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แปลความเรื่องกฎหมายพระราชอำนาจว่า คนธรรมดาสามารถใช้แทนได้ โดยที่ท่านไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ ถามทีว่า เวลามีงานพระราชพิธีต่างๆ ท่านไปนั่งกลุ่มไหน ปนกับคนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ท่านรู้สึกบ้างไหม และก็คงไม่เคยรู้สึกอาย ขอเรียนว่า คณะของพวกผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนตีความเรื่องกฎหมายว่า อำนาจที่เป็นของพระเจ้าอยู่หัวนั้น คนอื่นจะใช้แทนได้ แม้แต่พระราชเลขาธิการก็ไม่ยอม หากมีความนัยซ่อนอยู่ระหว่างหนังสือจากราชเลขาธิการ ท่านควรสำนึกได้ว่า ต้องถอยไป แล้วจึงจะอ้างได้ว่ามีความจงรักภักดี เทิดไท้องค์ราชัน เรื่องนี้อย่างไรก็จบไม่ได้

จตุพร – เรื่องวุฒิภาวะเป็นเรื่องที่สำคัญ การที่เราวิจารณ์ ป.ป.ช. และมีการตั้งอนุกรรมการตรวจสอบ มันสะท้อนได้ว่า การที่จะเป็นองค์กรอิสระ จะต้องใช้หลักสติ หากใช้หลักอคติก็จะมีการสำแดงอย่างไม่มีเหตุผล วันนี้คุณเข้ามาไม่ถูกต้อง แต่ควรออกไปอย่างถูกต้อง

ณัฐวุฒิ – มีเสริมครับ ที่ประกาศ คปค. ฉบับที่ 33 น่าสนใจมาก พูดเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชู ยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ.2536 แต่ที่น่าสนใจคือ ในบัญชีการขอเครื่องราชฯ ในบัญชีที่ 26 มีการขอให้กับกรรมการ ป.ป.ช. บัญชีที่ 34 มีการขอให้กับคู่สมรสกับกรรมการ ป.ป.ช. หมายความว่าไง ตอนมาไม่ต้องมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งก็ได้ แต่พอขอเครื่องราชฯ กลับมีการขอให้กับตัวเองและคู่สมรส

วีระ – คืออยากได้...แต่พระบรมราชโองการซึ่งบัญญัติไว้ด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีใครจะล้มได้ ไม่มีใครมาล้ม หรือประกาศ พ.ร.บ.ปปช. 2542 เมื่อ “ไม่ล้ม...ก็ข้ามไม่ได้” ท่านทั้ง 9 คนนั้นลืมอะไรไปรึเปล่า ลองกลับไปสำรวจตัวเอง ก่อนที่ประชาชนเขาจะทวงถาม...