“การเมือง” ถ้านิ่ง…แฟนพันธุ์แท้ก็คงเหงา
ระยะนี้เลยมีคิว “ร้อนฉ่า” หลายเรื่องเรียงกันมาให้ได้ตื่นเต้น
ในแง่สีสันก็ “มัน(ส์)” ดี แต่อย่าถามหาเสถียรภาพ หรือความเอาแน่เอานอน…เพราะเซียนบางคนก็ยังตอบไม่ได้
ได้แต่ประเมินกันไปวันต่อวันก็เท่านั้น…
คิวเช็กบิลแบบน้ำลดตอผุด ทยอยกันไปบ้างแล้ว
ยังเหลือคิวน็อกนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ด้วยข้อหาที่อาจกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก “เป็นลูกจ้างรายการทำอาหาร”
ต่อมาก็เป็นคิวสั่งเก็บพรรคการเมืองระดับหน้าแถว เก็บแต้มรวดทีเดียวกะให้กลายเป็นการเมืองฟันหลอ…(แปลว่าหายไปทั้งแถบ)
น่าจะเหลือไว้เฉพาะ “พรรคฟันกราม” ที่ดูกี่ทีก็เหมือนฟันคุด คืออยู่ไปก็เท่านั้น แค่ผู้มีบารมีเขาเปิดทางให้อยู่…แต่บดเคี้ยวอะไรไม่ได้
ไม่รู้ถ้าชนะการเลือกตั้งได้จริง จะยังกล้าภูมิใจกับชัยชนะของตัวเองอยู่หรือเปล่า
เพราะขนาดคราวที่แล้ว องค์รัฐาธิปัตย์ที่มีชื่อเล่นว่า คมช. ทั้งผลักทั้งดัน ภาษาวัยรุ่นก็ว่าสุดเท้า…
ก็ยัง “ว่าว” มาจนได้
หักกลบลบแต้มใบเหลืองใบแดงที่ “โคตรเป็นกลาง” ก็ยังไม่เฉียดใกล้ความฝัน
กลายเป็นค้างเติ่งกลางอากาศกันไปเท่านั้น
คราวนี้…เลยลุ้นกันตัวโก่งอีกครั้งว่า รายการ “ฝันที่เป็นจริง” จะแจ็กพอตแตกได้แจกรถเข็นสักทีหรือเปล่า
หรืออีกกรณีคือ ได้ใบแดงถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่เด็กเส้น เธอก็ได้ ฉันก็ได้…ตายหมู่
ซึ่งน่าจะดูดีกว่า ถ้าจะโดนยุบก็ต้องยุบกันให้หมด ถ้าจะรอดก็ต้องรอดกันทุกพรรค
มหกรรมล้างไพ่ใหม่ จะได้กลับมาอีกหน คืนอำนาจให้ประชาชนอีกสักที
นาทีนี้…ก่อนมีคำสั่งสายฟ้าฟาด จึงมีการพูดถึง “ยุบสภา” ถี่หน่อย…
แม้ช่วยอะไรไม่ได้กับคดียุบพรรคที่เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่จะทำให้พรรคใหญ่ที่ได้เปรียบมีโอกาสถ่ายเทคนไปอยู่ในที่ทางที่เป็นมงคลแก่ตัวมากกว่า…
โดยยังมีผลงานที่ผ่านมา บวกบารมีที่ติดตัวแต่ละคน เป็นปัจจัยหนุนให้ประชาชนตัดสินใจเลือก-ไม่เลือก
แต่ที่แน่ๆ นโยบายหาเสียงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญจากแต่ละพรรค คงจะหนักแน่นและแข็งขันกว่าเดิมไม่มีพลาด
เพราะทุกวันนี้ที่เล่นเอาพรรคการเมืองคอพาดเขียงกันทุกพรรค ก็คงไม่มีลูกแทงกั๊กเก็บไข่งูไว้กับตักอีกแล้ว…
ร้อนยิ่งกว่าเผือกเผา…ใครยังจะเก็บเอาไว้ก่อน ก็ท่าจะบ้า
ที่นักวิชาการหรือใครต่อใครคาดการณ์กันมาก่อนหน้า ถึงความเสียหายร้ายกาจของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่มีพลาดข้อไหน มีแต่จะร่ายเรียงเก็บแต้ม “ถูกต้องนะคร้าบบบ” กันมาทีละข้อ ทีละข้อ
จะรอให้ “ข้อเสีย” ประจักษ์แก่สายตากันทุกข้อ ก็พอดีเจ๊งกันทั้งประเทศ
ไม่ใช่พวก พาล-ทะ-มิด นะงานนี้ จะได้ยอมเจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย
อยากเจ๊ง อยากตาย ก็ปล่อยเขาไป คนไทยอีกทั้งประเทศยังอยากจะอยู่ดูโลก
หรือต่อให้ไม่มียุบพรรค ไม่ยุบสภา ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยิ่งต้องเอาจริงเอาจังเข้มข้น…
ถามใจฝ่ายค้าน ให้พูดกันตามตรงจากก้นบึ้งหัวใจ แน่ใจหรือว่าจะยอมรับได้กับรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร
วันหนึ่งการรัฐประหารที่อาจเคยเป็นคุณแก่ตัว แต่ระยะยาวก็เห็นอยู่ว่าใครมาทางไหนก็ต้องกลับไปทางนั้น
เหลือไว้แต่นักการเมืองด้วยกันที่ต้องอยู่ทำงาน และเผชิญสิ่งแวดล้อมคล้ายๆ กันต่อไป
กระทบกระทั่งกันไม่เท่าไร แต่เรื่องจะทำอย่างไรให้การเมืองไทยพัฒนาและสร้างสรรค์น่าจะสำคัญกว่า
สร้างสรรค์แล้วต้องรอไปอีกสิบปีกว่าจะได้เป็นรัฐบาล ก็อาจจะคุ้มหากเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตยให้เป็นแบบประเทศเจริญแล้ว…
แต่เลือกเอาความได้เปรียบเฉพาะหน้า เพื่อสุดท้ายการเมืองก็วนกลับมาจุดเดิม เหมือนพายเรือวนอ่างแบบนี้…อะไรจะคุ้มกว่า
เรื่องแบบนี้พูดง่ายทำยาก และไม่อยากจะคาดหวังกับนักการเมืองสักเท่าไร
เพราะอะไรที่มันขึ้นอยู่กับ “จิตสำนึก” มันเป็นเรื่องที่มักห่างไกลความเป็นไปได้เหลือเกิน