ราชดำเนินโลกแห่งความฝันของพันธมิตร
กรณีพันธมิตรฯ ได้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่ มีภาพและข้อความเป็นหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ดูเหมือนจะทำให้เกิดความรู้สึกสะเทือนใจกับผู้คนทั้งประเทศ
เป็นผู้คนที่แม้จะไม่ใช่กลุ่มคนที่รักนายกฯ ทักษิณ หากแต่เป็นคนที่มีจิตใจปกติ ที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีจิตใจเมตตากรุณา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้จักการให้อภัย อันเป็นลักษณะของคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏเช่นว่านี้ ย่อมอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้ยิ่งหากผู้ที่ได้เห็น คือคนที่รักนายกฯ ทักษิณ และชีวิตที่เคยเป็นอยู่กลับเปลี่ยนแปลงไปเพราะนโยบายของรัฐบาลที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ สงสาร นายกฯ ทักษิณ และครอบครัว คงทบเท่าทวีคูณและในทางกลับกัน การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้กระทำการเช่นว่านี้ ก็เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นตัวตนที่ชัดเจนของพันธมิตรฯ ยิ่งขึ้น
เป็นตัวตนของกลุ่มคนที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่เป็นเพียงชื่อ หากแต่วิธีคิดและการกระทำคือ อนาธิปไตย
ความรู้สึกหวั่นเกรงของบางคน ที่คิดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะเติบโตขึ้น และจะขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ คงผ่อนคลายลง เพราะยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้น ชัดขึ้นว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่พยายามยกระดับการชุมนุม จนถึงขนาดเรียกขานสถานที่ชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า “มหาวิทยาลัยราชดำเนิน” นั้น แท้จริงแล้วบรรดาแกนนำที่จะนำความรู้ประชาธิปไตยมาให้กับประชาชนผู้ร่วมชุมนุมนั้น ล้วนแล้วแต่คือ คนที่อ่อนด้อยทางปัญญา และขาดซึ่งสติ แยกแยะความดีชั่วไม่ได้ และอาจเลยเถิดจนถึงคิดเอาว่า ตนนั้นคือศาสดา หรือผู้นำทางความคิด และผู้มาร่วมชุมนุมกันทุกวี่วันคือเหล่าสาวก ที่ไม่ว่าจะชี้นำไปในทิศทางใดแล้ว ผู้คนเหล่านั้นก็จะน้อมนำทำตาม
แน่นอนว่า การชุมนุมย่อมเป็นเสรีภาพ ที่ประชาชนมีสิทธิกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ และการชุมนุมก็ควรจะกระทำได้ หากการชุมนุมนั้นไม่กระทำการล่วงละเมิดทางกฎหมายหรือต่อผู้อื่น
แต่นับจากวันแรกจนถึงวันนี้ ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมกัน นอกเหนือจากการกระทำผิดปิดถนนทางสัญจรไปมาของประชาชน หรือการใช้เสียงรบกวน ก่อความรำคาญเป็นที่อิดหนาระอาใจของประชาชนแล้ว
เฉพาะการกระทำผิดต่อกฎหมายที่มีการล่วงละเมิด โดยการหมิ่นประมาทบุคคลอื่นบนเวที ก็ดูเหมือนจะนับจำนวนคดีกันไม่ถ้วน ไม่รวมถึงการกล่าววาจาที่บังอาจล่วงละเมิด และเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคคลบาท หรือการปราศรัยที่เป็นการอาจเอื้อมอ้างอิงโดยมิบังควร ซึ่งเรื่องทำนองนี้ก็ยังเกิดขึ้นอยู่เรื่อยมา ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยราชดำเนินแห่งนี้
คำถามก็คือ ขณะที่บรรดาแกนนำทั้งหลายได้กระทำความผิดหลายข้อหาอยู่เป็นระยะๆ นั้น แกนนำได้นำความจริงมาบอกผู้ที่มาชุมนุมหรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว การกระทำที่ว่านั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง หรือยังกล้ามุสาว่า การกระทำหลายอย่างนั้นเป็นความชอบธรรม สามารถทำได้ เพราะ “กูคือพันธมิตร”
สิ่งซึ่งมหาวิทยาลัยราชดำเนินไม่เคยสอน หรือบอกให้นักศึกษาได้รู้ก็คือ การชุมนุมโดยสงบ โดยปราศจากอาวุธนั้น จะต้องมีหลักการสำคัญคือ ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย แต่หากการชุมนุมนั้น แม้จะสงบหรือปราศจากอาวุธก็ตาม แต่หากเป้าประสงค์นั้นมีเพื่อการกระทำผิดต่อกฎหมายแล้ว การชุมนุมนั้นคือ อั้งยี่ซ่องโจร
เวลานี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำลังแสดงให้เห็นว่า การกระทำทุกอย่างของตนคือความชอบธรรม การเคลื่อนขบวนไปยังสถานทูตอังกฤษก็ดี หรือไปกระทรวงการต่างประเทศก็ดีนั้น มิใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นตามนัยแห่งรัฐธรรมนูญ หากแต่เป็นการแสดงพลังเพื่อกดดัน อันเป็นกรณีที่ไม่ต่างจากวันที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปมอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
คงไม่ต้องบอกว่า การขึ้นป้ายประจานอดีตนายกรัฐมนตรีและภริยานั้น เป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาอย่างแน่นอน และเชื่อว่าแกนนำทุกคนก็รู้ ประเด็นก็คือ การกระทำเช่นนี้เป็นการประจานประเทศไทยไปด้วย
เพราะใครๆ ก็รู้ว่า จนถึงวันนี้ อดีตนายกฯ และภริยา ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาให้ถึงที่สุดว่า ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา และหมายจับที่ออกมา เป็นเรื่องการขัดหมายศาล
การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ จึงเป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญา
อย่างไรก็ตาม ก็คงจะว่ากล่าวอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งนานวันพันธมิตรฯ ก็ได้สำแดงให้เห็นว่า เป้าหมายของแกนนำพันธมิตรฯ บางคนนั้น เพียงเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของตน แม้ไม่ใช่บนโลกแห่งความเป็นจริง ก็ขอเป็นในโลกแห่งความฝัน ณ ถนนราชดำเนินก็ยังดี
เพื่อไทย
Friday, August 22, 2008
ราชดำเนินโลกแห่งความฝันของพันธมิตร
“...การกระทำผิดต่อกฎหมายที่มีการล่วงละเมิด หมิ่นประมาทบุคคลอื่น ที่นับคดีไม่ถ้วน ไม่รวมถึงการกล่าววาจาที่บังอาจล่วงละเมิด และเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคคลบาท ที่ยังเกิดขึ้นเรื่อยมา บรรดาแกนนำได้บอกความจริงกับผู้มาชุมนุมหรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว การกระทำที่ว่านั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง หรือยังกล้ามุสาว่า เป็นความชอบธรรม สามารถทำได้ เพราะกูคือพันธมิตรฯ...”