ระยะนี้เราจะเห็นว่าความแตกแยกของผู้คนในสังคมมีลดน้อยลง อันเนื่องจากพันธมารธิปไตยเริ่มจะสิ้นฤทธิ์ เพราะผู้คนไม่ชอบการกระทำในลักษณะที่เป็นการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง การทำให้ผู้คนเดือดร้อนด้วยการปิดถนนหลายเส้นทาง การใช้วาจาหยาบคาย และการพูดจาโกหกบนเวที
เห็นจะมีก็แต่ ส.ส. และ ส.ต. ของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสี้ยวหนึ่ง ที่ว่ากันว่าเป็นสายของ “กลุ่มป่วน และ กลุ่มอกหัก” ทางการเมือง ที่ออกมา สร้างความร้าวฉานรายวัน ด้วยการ ใช้เครื่องมือปล่อยข่าวต่างๆ นานา จนเกือบจะทำให้พรรคแกนนำรัฐบาลที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา เกือบมีอันพังพาบลงคามือ
แน่ใจแล้วหรือว่า พร้อมจะแตกหัก
แน่ใจแล้วหรือว่า พร้อมจะเลือกตั้ง
แน่ใจแล้วหรือว่า พร้อมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
และที่สำคัญ แน่ใจแล้วหรือว่า พร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน
เป็นคำถามที่ต้องตั้งถามกับแกนนำ “ฝ่ายป่วน” อย่างตรงไปตรงมาว่า คิดการใหญ่ มีความสุขุมรอบคอบเพียงใด
หรือจะหวังเอาเพียงแค่ความสะใจเพียงฝ่ายเดียว
หรือจะหวังเอาเพียงแค่การช่วงชิงเป็นแกนนำ
หรือจะหวังเอาเพียงแค่การชนะคะคานกัน
วันนี้หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลพ่ายแพ้ จะเพราะการแตกความสมัครสมานสามัคคีภายในพรรค
ไม่ใช่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแพ้เพียงพรรคเดียว!!!
กระบวนการทั้งหลายทั้งปวง ที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการกอบกู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ให้กลับคืนมาสู่ประเทศชาติ มีหวังต้องพังทลายลงไปด้วยอย่างหลีกหนีไม่พ้น
วันนี้ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะใช้กลเกมทางการเมืองมาทำร้าย การเปิด เบี้ย ให้มีการโจมตี ขุนเบี้ย โคน ม้า และเรือ ซึ่งเป็นการกระทำของ ฝ่ายเดียวกัน!!! เป็น “ทัพใหญ่” กุมกำลังส่วนมากในกระดาน เท่ากับเป็น ความพยายามล้มกระดาน โดยไม่มีเหตุผล
ความหวังจะให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาพที่เป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในการสร้างบรรยากาศความเข้าใจของคนในชาติ ให้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงในสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา เรื่องนี้ต้องอาศัยกระบวนการพอสมควร ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าไประดับหนึ่ง สาธารณชนเริ่มจะเห็นความจริงมากขึ้น
การใช้ ความสะใจ ทำร้าย ทำลายล้างกันเอง โดยไม่คำนึงถึงว่าจะเกิดผลกระทบต่ออะไรบ้างในอนาคต เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง เพราะนั่นเท่ากับจะ ยิ่งทำให้สถานการณ์เพลี่ยงพล้ำ และ ยากจะพัฒนากลับคืนไปสู่ความปกติได้
วันนี้ควรจะตั้งคำถามสำหรับนักการเมืองภายในพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจว่าจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ใดในการต่อสู้บนเกมอันดุเดือดนี้ วันนี้จะต้องใช้...ยุทธศาสตร์ 3 Save…นั่นคือ Save Samak …Save Thaksin …Save Democracy …หากทำให้ยุทธศาสตร์นี้บรรลุได้ นั่นแหละที่จะทำให้ความแข็งแกร่งทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแท้จริง…เมื่อมีเอกภาพ เมื่อมีความปรองดองกัน จะทำอะไรก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ
ละ ลด เลิก ผลประโยชน์ส่วนตัว เพื่อรักษาส่วนรวมกันเสียทีได้ไหม?