ผมเห็นใจรัฐบาลจริงๆ ครับ ถึงจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบริหารราชการงานเมือง ดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างไร แต่ทำอะไรไม่ถนัดนัก ดูมันติดขัดไปหมด พอจะขยับตัวเป็นโดนเป่านกหวีด ถูกหาว่าทำฟาล์ว ทำผิดรัฐธรรมนูญ จนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ไหนจะศึกในศึกนอกที่ประดังเข้ามา
ที่เป็นอย่างนี้เพราะถูกรัฐธรรมนูญฉบับ “โจราธิปไตย” ภายใต้การบงการของอำนาจ
“เผด็จการ” ปิดทางไว้หมด
ในขณะเดียวกันก็เปิดทางอ้าซ่า ให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล เล่นนอกกติกาแอบต่อยใต้เข็มขัดมาตลอด ถ้าเป็นนักมวย ที่แน่ๆ อย่าง มนัส บุญจำนงค์ ก็คงหงุดหงิดเหมือนกัน
ในเมื่อรัฐธรรมนูญมีความพิกลพิการอย่างนี้ อยู่ต่อไปก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ที่เห็นแน่ๆ คือ เกิดความแตกแยกที่รุนแรงขึ้น เห็นความชัดเจนในการทำงานขององค์กรอิสระที่เป็นผลพวงมาจากเผด็จการที่จะค้านกับชื่อองค์กร เห็นความพยายามที่ต้องการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
หลายฝ่ายพูดตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความไม่สมบูรณ์ จึงควรแก้ไข เพราะเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้คณะรัฐมนตรีถูกพักงาน ถูกถอดถอนเอาได้ง่ายๆ หากมีผู้ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.
เป็นการพิสูจน์ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เป็นตัวสร้างปัญหาและสร้างทางตันให้กับการเมืองไทยจริงๆ
ไม่มีกูรูทางการเมืองคนไหน สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ว่า รัฐบาลจะมีอายุครบ 4 ปีหรือไม่
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ มือกฎหมายเคยกล่าวว่า ที่มาที่ไปของรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการปฏิวัติ จึงไม่สามารถรับได้ และฝ่ายที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็มองพรรคการเมืองและนักการเมืองเลวร้ายกันไปหมด
เรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เมื่อมีตุลาการบางคนบอกว่า จะให้อาชญากรแก้รัฐธรรมนูญหรือ
ทันทีก็มีการตอบโต้การแสดงถึงวุฒิภาวะและการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงเกินไปว่า เป็นคำพูดที่ใช้ไม่ได้
ถ้ามีการถามกลับไปว่า คุณร่างรัฐธรรมนูญเอง แล้วก็มาเป็นองค์กรอิสระเสียเอง คุณไม่คิดบ้างหรือว่านี่เป็นการกระทำแบบไหน
ผมยังเชื่อว่า คนชั้นใดร่างกฎหมายก็เพื่อประโยชน์ของคนชั้นนั้นครับ ขณะที่คุณร่างกฎหมายคุณเป็นอะไรอยู่ แล้วคุณก็กลับมาเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เป็นเรื่องที่เหมาะสม สมควรหรือไม่
ผมมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีอคติกับพรรคการเมือง นักการเมือง เกินเลยไปกว่าที่ควรจะเป็น เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาต่อการบริหารงานของรัฐบาล และการดำรงตำแหน่งก็ต้องแก้ไขกันได้ เป็นเรื่องปกติธรรมดา
แต่นี่เล่นกันจนแทบไม่เหลือพรรคการเมืองในสภา แล้วอย่างนี้การเมืองจะเดินไปได้อย่างไร
จะหวังการเมืองภาคประชาชนข้างถนนที่มีการชุมนุมประท้วงกัน ก็จะได้ “การเมืองใหม่” ที่ต้อนคนของตัวเองไปไว้ในสัดส่วน 70 ส่วนที่เหลืออีก 30 ให้ประชาชนเลือก อย่างนั้นหรือ
นี่เป็นปัญหาใหญ่ของการเมืองเชิงระบบ ที่ต้องพิจารณากันให้ถ้วนถี่
อยากให้ฝ่ายที่ต่อต้าน มาสู้กันในระบบเลือกตั้ง แต่ถ้าเล่นการเมืองกันแบบหยาบๆ อย่างทุกวันนี้ สุดท้ายก็จะลงเหวกันหมด อยากจะเสนอกว่าการยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่หลายคนอาจไม่รับ เพราะยังเชื่อว่า การเมืองไม่มีทางตัน
น่าอดสูยิ่งนัก ไม่มียุคใดสมัยใด ที่บ้านเมืองแตกแยกรุนแรงมากกว่ายุคนี้ เพราะต้องการเอาชนะ เอาความสะใจเป็นที่ตั้ง โดยไม่มองว่าควรหรือ ไม่ควรทำ
วันนี้...คนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี สร้างคุณูปการให้บ้านเมืองมากมาย ถูกกระทำยิ่งกว่าอาชญากรแผ่นดิน ถูกออกหมายจับประจานให้เสื่อมเสียชื่อเสียง มีการประจานกันไปทั่วโลก
นี่ขนาดไม่ใช่รัฐบาลเผด็จการ ยังทำกันถึงขนาดนี้
ทั้งๆ ที่รู้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีตอนนี้พำนักอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไม่ใช่เป็นคนร่อนเร่เสียเมื่อไร ควรให้สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง แต่ดูเหมือนต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่
แต่หารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการสะสมบ่มเพาะ ความรักความเห็นใจให้เกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยที่มีความเป็นธรรมในหัวใจทั้งหลาย
ผมพยายามนึกภาพ แต่นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเป็นยุค “การเมืองใหม่” ที่กลุ่มพันธมิตรฯ คิด หรือนำความคิดมาจากใครหรือฝ่ายใดก็ตาม เหตุการณ์จะไปถึงขนาดไหน
ในขณะนี้เราอยู่ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีพรรคการเมืองที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้มาทำงาน เข้ามาทำหน้าที่ และกำลังทำงานอยู่ ยังทำกันได้ถึงขนาดนี้
มีเสียงจากฝ่ายที่ร่างรัฐธรรมนูญ อย่าง นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานชมรม สสร.50 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีความประสงค์จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยุติการเสนอแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะจะก่อให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติมากขึ้น ซึ่งชมรม สสร.50 ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 ดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 แต่หากจะมีการแก้ไขในอนาคตก็ขอให้มีการศึกษาปัญหาการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ให้มีความชัดเจนก่อน ซึ่งการศึกษาจะต้องประกอบด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประกอบด้วยบุคคลที่ต้องการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตนเอง
วันนี้ภาคประชาชนล่ารายชื่อเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญกันส่งให้สภาไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะดึงดันกันไปทำไม
มีการยืนยันชัดเจนมาจากแกนนำของพันธมิตรฯ ที่ถูกมองว่าเป็นกระบวนการสืบทอดรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร ระบุว่าจะต่อต้านขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างถึงที่สุด และพร้อมเป่านกหวีดรวมพลได้ทันที เพราะฉะนั้นการเผชิญหน้ากันคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ โอกาสที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองก็มีสูงขึ้น
ผมไม่อยากนึกภาพว่า ต่างประเทศจะมองเราอย่างไร เพราะเมื่อครั้งที่มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ ก็หนักหนาสาหัสพอแล้ว จนมาถึงวันนี้มีการเลือกตั้ง ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตย แต่ก็มีความพยายามจะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีก
อยากให้ผู้ที่เรียกร้องบนสะพานมัฆวานฯ มาสู้กันในระบบเลือกตั้ง แต่ถ้าเล่นการเมืองกันแบบหยาบๆ สุดท้ายก็จะลงเหวกันหมด ถ้าจะถามผมในขณะนี้ อยากเสนอว่าการยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่หลายคนอาจไม่ยอมรับ เพราะเชื่อว่า การเมืองไม่มีทางตัน
ในเมื่อไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ก็ต้องไปให้ประชาชนตัดสินกันใหม่ดีไหม
จัดแถวประชาธิปไตยกันใหม่ดีไหม จะได้แก้ปัญหาหลายๆ อย่าง
ในเมื่อยอมรับกันว่า ประชาธิปไตยของประชาชนชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
ให้ประชาชนตัดสินเถอะครับ เพราะเสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์