ในสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงแบบนี้ ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้คนที่มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหลายคนบอกว่า การจะยืนหยัดต่อสู้ให้มีพลัง ควรจะกระทำในทิศทางที่สร้างสรรค์มากกว่า
หลายคนบอกว่า วันนี้มีประชาชนรักและศรัทธา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวนมหาศาล ถ้าเราหยิบยกผลงานของท่านในอดีต และการทำงานเพื่อประชาชนแบบทุ่มเทจริงๆ ประชาชนก็จะไม่มีทางลืมอดีตนายกฯ ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้แน่นอน
ผมคิดว่าเป็นแนวทางที่ดี แม้วันนี้ฝ่ายคนสนับสนุนและรัก พ.ต.ท.ทักษิณ จะโดนด่าสารพัด แถมยังพยายามจะผลักไสไล่ส่งให้คนรักทักษิณถูกสังคมมองว่าเป็นคนไม่รักชาติ ไม่รักสถาบัน
เหมือนกับที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัครว่า ผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่สะพานมัฆวานฯ ขึ้นเวทีด่ารัฐบาลสัตว์นรก ลูกพระยาขายชาติ ด่าสาดเสียเทเสียออกอากาศ ถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ผมมองว่า ถ้าเราไม่ไปสนใจ และหยิบยกสิ่งดีๆ ในอดีต ผลงานที่ทำให้ชาวบ้านกินดี อยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็จะทำให้ลบข้อกล่าวหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นก็อยากแนะนำให้กลุ่มคนที่ยังศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยกันพูดถึงคุณงามความดี และต้องเตือนสติคนรอบข้างให้บ่อยๆ ว่า บ้านเมืองเราไม่ปกติ
ความผิดปกติเช่นนี้ อย่ามองว่าการดำเนินการใดๆ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความชอบธรรม จงคิดให้ลึกและมองให้ออกว่า “ไม่ปกติ”
ตอนนี้สิ่งที่พันธมิตรฯ ต้องการทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างเร็วที่สุดคือ การเร่งทำลายภาพลักษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลายเป็น “คนเลว” ในสายตาประชาชน
เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าประชาชนไม่ศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว พันธมิตรฯ ก็จะกลายเป็น “ผู้ชนะ”
แต่ถ้ายังไม่สามารถทำลายภาพลักษณ์ของ “ทักษิณ ชินวัตร” โอกาสที่พันธมิตรฯ จะชนะก็ถือว่าริบหรี่
แม้วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโดนย่ำยีแบบไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี จนแทบไม่เหลือความดีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรี แถมยังโดนเหยียดหยามออกหมายจับประณามไปทั่วโลก
ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านบางคนที่อาจหลงไปตามกระแส หรือเกิดความลังเลเพราะความผิดปกติของบ้านเมืองเราในเวลานี้
โปรดหยุดคิดสักนิด และรำลึกว่าหลังจากชัยชนะของพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 6 มกราคม 2544 ด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 248 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่ง
รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ นำความแปลกใหม่มาสู่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารแนวใหม่ ที่ใช้ปัญหาเป็นตัวตั้ง แล้วระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานแบบบูรณาการ
รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ กำหนดตัวเจ้าภาพรับผิดชอบ และผลักดันนโยบายคิดใหม่ ทำใหม่ มาปฏิบัติทันที เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการพักชำระหนี้สินเกษตรกร โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการธนาคารประชาชน โครงการโอทอป ฯลฯ
นโยบายแต่ละอย่างของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้คนในต่างจังหวัด หรือคนชั้นกลางลงมาระดับล่าง รู้สึกเป็นครั้งแรกว่าได้รับความเอาใจใส่ดูแลจากรัฐบาลอย่างแท้จริง และทำให้พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งสมัยที่สอง
การชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นอีกครั้งหนึ่ง สะท้อนความนิยมต่อพรรคและตัวผู้นำที่มีคะแนนสูงถึง 19 ล้านเสียง
หลักการบริหารบ้านเมืองของอดีตนายกฯ ทักษิณ มีความพิเศษตรงที่ เป็นผู้ใช้ความรู้ผสมกับความกล้า ความเชื่อมั่นในการดำเนินงานทางการเมืองอย่างได้ผล เรียกได้ว่าไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทยกล้าทุ่มเทขนาดนี้
พ.ต.ท.ทักษิณ ทำงานในแบบฉบับของผู้นำที่เสียสละและทำงานหนัก โดยยึดผลประโยชน์ของแผ่นดินเป็นที่ตั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล้าหาญ เด็ดขาดในการจัดการสิ่งที่จะกระทบต่อผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคล หรือระเบียบการต่างๆ แม้กระทั่งกฎหมายที่ล้าหลัง อันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศชาติ
นี่คือภาพรวมในความดี ความทุ่มเท ความตั้งใจอย่างหนัก ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พ.ต.ท.ทักษิณ
วันนี้ประเทศไทยมีตัวเลือก “ผู้นำ” ที่ใกล้เคียงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่มีก็จงเชื่อมั่นได้เลยว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในใจของประชาชนคนไทยอีกนานเท่านาน!