แกนนำ คปพร. โต้แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศ ที่ชี้แจงชาวโลกว่ากระบวนการยุติธรรมไทยมีความน่าเชื่อถือ และทำงานในนามพระปรมาภิไธย ระบุอาจลืมไปว่าว่าทั้งกระบวนการไม่ได้มีแค่ศาลอย่างเดียว แต่หลายองค์กรเกิดขึ้นภายใต้อำนาจเผด็จการ มีพฤติกรรมชัดว่าจงใจจองเวรอดีตนายกฯ แถมไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ ด้วยซ้ำไป ขณะที่ตั้งคำถามถึง “ชวน หลีกภัย” 2 มาตรฐานหรือเปล่า หากเทียบกรณีน้องชายที่เคยต้องคดี
จากกรณีที่ นายเตช บุญนาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงไปยังนานาชาติ โดยมีเนื้อหาตอบโต้ แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดถึงการขอลี้ภัยต่างประเทศ อันเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง ไม่มีความโปร่งใส โดยระบุอาจทำให้กระทบถึงกระบวนการยุติธรรมของประเทศ และออกมายืนยันถึงความเที่ยงธรรม ความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมไทย อีกทั้งยังเป็นการทำงานในนามพระปรมาภิไธยนั้น
นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศทำการชี้แจงกับต่างชาติว่า ศาลหรือกระบวนการยุติธรรม ได้ทำงานในนามพระปรมาภิไธย และมีความน่าเชื่อถือ อาจจะเป็นการหลงลืม เนื่องจากกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้หมายถึงศาลแต่เพียงอย่างเดียว ยังหมายความรวมถึงพนักงานสอบสวน หรือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และศาล
กระบวนการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ยังมีองค์กรอิสระที่มาโดยการแต่งตั้งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่งตั้งมาโดยการยึดอำนาจ ไม่ได้รับการลงพระปรมาภิไธยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ดังนั้นการที่กระทรวงการต่างประเทศทำการออกแถลงการณ์ต่อสากลเช่นนี้ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชน และต่อต่างประเทศ ทั้งนี้ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงการต่างประเทศอาจจะถูกกดดันจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ซึ่งหากไม่เป็นเช่นนั้นก็คงจะมีการหลงลืมประเด็นในข้อเท็จจริง
“ผมนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเมื่อฟังแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศแล้วก็เกรงว่า จะเกิดความเข้าใจผิด ก่อนหน้านี้เราก็จะเห็นได้จากคดียุบพรรคไทยรักไทย ศาลที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติ ทำการพิพากษาตัดสิน ไม่ได้สวมชุดครุย สวมสูทตัดสิน เพราะว่าไม่ได้ผ่านการลงพระปรมาภิไธย คตส. ป.ป.ช. ก็ไม่ได้ผ่านจุดนี้ แล้วจะถูกต้องตามคำชี้แจงของกระทรวงต่างประเทศได้อย่างไร นี่อาจจะเป็นการหลงลืม หรืออาจถูกกดดันจากแรงอะไรบางอย่างหรือไม่”
นอกจากนี้นายวิภูแถลงยังตอบโต้ นายชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ จากการที่นายชวนออกมาวิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ และเรียกร้องให้เดินทางมาสู้คดีในประเทศไทยโดยเร็ว ในประเด็นนี้ ตนอยากย้อนถามกลับไปว่า เมื่อครั้งที่ นายระลึก หลีกภัย อดีตผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย สาขาสงขลา น้องชายของนายชวน ตกเป็นผู้ต้องหาของธนาคารในคดีฉ้อโกง และได้หนีคดีโดยการหลบไปอยู่ต่างประเทศ จนคดีหมดอายุความ จึงได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย
นายชวนซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และในฐานะพี่ชายได้เคยทำการตักเตือน หรือเรียกร้องให้น้องชายของตนกลับมาสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เหมือนที่ตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ทั้งนี้เห็นได้ว่า การกระทำของนายชวน ส่อเป็นการกระทำ 2 มาตรฐาน ไม่มีความละอาย และไม่มีหิริโอตตัปปะ