“ประกาศจับ…”
ถึงคิวนี้คงมีคนสะใจกับชะตากรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร
เหมือนที่ครั้งหนึ่ง เคยมีคนสะใจกับชะตากรรมของ ปรีดี พนมยงค์
เป็นความสะใจที่มอบให้เป็นรางวัลแก่ผู้ที่เคยมีบทบาททางการเมืองอย่างสูง ทุ่มเททำประโยชน์ต่อบ้านเมืองอย่างสูง และได้รับความนิยมจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างสูง…
เป็นความสะใจบนชะตากรรมที่คนอีกส่วนใหญ่ทำใจได้ยาก หรือเข้าใจได้ยากเหลือเกินว่า “…จะเอากันขนาดนี้เลยหรือ”
เพราะอย่างที่ข้อความในแถลงการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีนั่นแหละว่า “…อาจไม่ใช่คนดีที่สุด แต่ก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่ถูกกล่าวหา…”
พูดกันตรงๆ ไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์ถ้อยคำสร้างภาพเหมือนพวกคลั่งจริยธรรมคุณธรรมจนตกขอบทั้งหลาย
เพราะบ้านเมืองที่มีแต่ “ผู้บริสุทธิ์” เดินเต็มเมือง แต่หาผลงานอะไรไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีไปทำไม
แต่บนความเปลี่ยนแปลงที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นำมาสู่สังคมไทย กลับกลายเป็นที่มาของข้อกล่าวหาสารพัด ที่พวกขวาจัด พวกล้าหลัง หรือกระทั่งพวกที่ก้าวหน้าแต่หลงติดกับความคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าชาวบ้าน…นำมาโจมตีได้เสมอ
ระบอบทักษิณ กลายเป็นคำนิยามถึงสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตพรรคไทยรักไทยคิดและสร้างเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือก…
ย้ำ…ว่าเป็นนโยบายที่ประชาชนทั่วประเทศมีโอกาสเลือก ผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยทุกประการ หาใช่การยัดเยียดให้โดยใช้อำนาจที่ได้มาจากปากกระบอกปืน หรือการโฆษณาชวนเชื่อ โดยประชาชนไม่มีโอกาสตอบโต้แต่อย่างใด
นโยบายที่ถูกใจชาวชนบท คนรากหญ้า หรือประชาชนอีกนับสิบล้านนั้น บางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์แบบ บางนโยบายอาจยังมีข้อตำหนิ และบางนโยบายก็ถูกคัดค้านจากนักวิชาการปัญญาชนบนหอคอยงาช้าง…
แต่แม้ยังไม่เป็นนโยบายที่ดีที่สุด แต่ก็หาใช่ “ยาพิษ” ที่หยิบยื่นให้แก่สังคมไทยอย่างที่ถูกคนส่วนน้อยในสังคมพยายามตราหน้ามาโดยตลอด
สิ่งที่ “ระบอบทักษิณ” มอบให้แก่บ้านเมือง คือการมองเห็นหัวคนยากคนจน คนที่ถูกเรียกว่ารากหญ้า คนที่ไร้ทั้งโอกาส หนทาง และทุนที่จะเข้าถึงทรัพยากร เข้าถึงคุณภาพชีวิตพื้นฐาน เข้าถึงโอกาสต่างๆ ที่ชนชั้นกลางและสูงได้รับเป็นปกติจนไม่รู้สึกพิเศษ…
แต่ด้วยนโยบายที่มุ่งตรงสู่คนเหล่านั้น ทำให้ชาวบ้านเริ่มเห็นอำนาจของตัวเองอย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้งว่า นี่แหละคือสิ่งที่ “ได้รับ” จากสิ่งที่พวกเขา “เลือก”
การหย่อนบัตรเลือกตั้งจึงกลับมามีความหมายถึงอำนาจแห่งการเลือกของประชาชนอีกครั้งอย่างแท้จริง…เพราะเป็นการแสดงอำนาจว่า ประชาชนเลือกได้ว่าต้องการอะไร
ไม่ต้องอ้าปากคอยอาหาร เป็นลูกนกที่ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองอีกต่อไปแล้ว…
แต่บัดนี้ ผู้นำความเปลี่ยนแปลงนี้มาสู่การเมืองไทย กลับต้องอยู่ในชะตากรรมที่แม้แต่มหาโจรบางคนก็อาจยังไม่เคยต้องได้รับ
เป็นชะตากรรมที่ชวนให้สงสัยว่า หากเขาไม่เคยทำงานหนัก ไม่เคยพยายามคิดใหม่ ทำใหม่ ไม่เคยพยายามเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงมากขึ้น…
ยังจะต้อง “โดน” อย่างวันนี้อีกหรือเปล่า
ชะตากรรมเช่นนี้ ของคนเช่นนี้ ชวนให้คิดว่า หรือประเทศนี้เป็นประเทศต้องคำสาป ที่บุคคลผู้ซึ่งทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อประชาชน เพื่อความเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีและทันสมัยขึ้น…
จะต้องกลายเป็นคนที่บ้านเมืองไม่ต้องการให้เหยียบอยู่บนแผ่นดินแม่…
ซึ่งถ้าชะตากรรม พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องเป็นเหมือนอีกหลายๆ ท่านเหล่านั้น คือไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทยได้…
คนที่ถือว่ามีกรรมก็คงจะไม่ใช่ใคร นอกเสียจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศก็เท่านั้น
เพราะเห็นบทเรียนซ้ำๆ กันในประวัติศาสตร์ชาติเช่นนี้แล้ว ต่อไปใครจะกล้าอาสาทำงานรับใช้บ้านเมือง…
ถ้าจะมี ก็มีแต่ที่ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานกันไป ภายใต้การเมืองเส็งเคร็งที่ไม่เคยหลุดพ้นออกจากกรอบเดิมๆ ได้ก็เท่านั้นเอง