คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย อัฐศิริ
มิคสัญญีกลางกรุง เกมนี้ต้องจบครับ แม้ว่าฝ่ายพันธมิตรฯ ตั้งหน้าตั้งตาขับไล่ให้ “ออกไป” แต่อีกฝ่ายรัฐบาลก็สวนกลับทันควันว่า “ไม่ออก” ก็ต้องอยู่ที่เหตุผลและพฤติกรรมพฤติการณ์ที่ผ่านว่าฝ่ายไหนได้ทำอะไร อย่างไร เพื่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองบ้าง
เกมนี้จะออกหัวหรือออกก้อยอย่างไรต้องคอยดู
ฝ่ายพันธมิตรฯ ชัดเจนว่า ต้องการล้มล้างรัฐบาล โดยทำมาตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช จนมาถึง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถ้าใครมาเป็นต่อ แต่ยังอยู่ในสายของ “นายก ทักษิณ ชินวัตร” คนเหล่านี้ก็จะขับไล่ไสส่ง โดยไม่ฟังเหตุผลและไม่ยอมรับรู้ถึงผลกระทบที่ประเทศชาติบ้านเมืองต้องได้รับ
ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็นรัฐบาลก็ต้องเจอปัญหานี้ คือ ทำงานไม่ได้ จึงทำให้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ที่รอการแก้ไข ต้องสะดุดลง และหมักหมมทวีความรุนแรงขึ้น ส่วนเรื่องใหม่ๆ ที่จะมาพัฒนาประเทศชาติก็ทำไม่ได้
อีกหน่อยคงได้อายเขมร อายลาวกันบ้าง
ยืนยันว่าใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้ก็มีปัญหาครับ นอกจากพรรคพวกตัวเอง ซึ่งจะไม่พ้น “พรรคประชาธิปัตย์” ที่พอกล้อมแกล้มไปได้ จาก “เงาของประชาธิปไตย” ที่พาดผ่าน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี
อย่าทำเป็นเล่นไป เรื่องนี้อย่าเผลอเชียว ขนาดวิ่งราวตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” กลางสภา พรรคการเมืองนี้ ยังประพฤติปฏิบัติมาแล้ว
มาดูทางฝ่ายรัฐบาลที่ยืนยันจุดยืนว่า “ไม่ออก” บอกว่าจะทำงานต่อ เพราะมีงานต้องทำ ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศเสียด้วย
ในเดือนธันวาคมปลายปีนี้ มีงานใหญ่ที่เป็นความภูมิใจของคนไทยอย่างน้อย 2 งานคือ
งานเฉลิมฉลองในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 81 พรรษา
กับงานประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญระดับโลก การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 3 และการประชุมอาเซียนกับโลก ที่มีผู้นำอาเซียนร่วมประชุมกับเลขาธิการสหประชาชาติ และผู้นำสถาบันการเงินสำคัญของโลกและเอเชีย ปีนี้ไทยเป็นประธานอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่เชียงใหม่
งานนี้เป็นที่จับตาของประชาคมโลก เพราะเป็นเรื่องที่พูดถึงถึงเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีปัญหาอยู่ในขณะนี้
ต้องถามว่า เหตุผลแค่นี้พอไหมที่จะให้รัฐบาลอยู่ทำงานต่อไป เพราะปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำย่ำแย่อยู่ทุกวันนี้ จะต้องได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาให้ก้าวหน้า
คนไทยยังเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นที่จะมาจัดการกับเรื่องหนักหนาสาหัสนี้ได้ และนานาประเทศก็มองอย่างนี้ด้วยความเชื่อมือเชื่อมั่น เพราะเศรษฐกิจนั้นถ้าดียกพวง ถ้าร่วงก็มีผลกระทบกันไปถ้วนหน้า ประเทศเล็กประเทศใหญ่ไม่มีข้อยกเว้น
ที่สำคัญ ต่างชาติยอมรับในตัวอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยคนนี้ เพราะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ทำให้คนยากคนจนได้ลืมตาอ้าปาก เศรษฐกิจของประเทศฉลุยไปโลด ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศมีรายได้เข้ามาอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ไปยืนบนเวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะมีปัญญาและทำงานเป็น
ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมมารับงานนี้
เพราะฉะนั้น ประเด็นอยู่ที่ว่า ที่มีการจุดประกายเสนอขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จาก นายวีระ มุสิกพงศ์ ในรายการ “ความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 3” ที่วัดสวนแก้ว ของ พระอาจารย์พยอม กัลยาโณ โดยให้ “คนเสื้อแดง” ส่งไปรษณียบัตร 5 ล้านชื่อนั้น สำหรับคนเสื้อแดง คนรักทักษิณ คนรักประชาธิปไตย คนที่ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร รวมทั้งคนที่อยากจะเห็นความสงบสุขเกิดขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ แม้กระทั่ง “พลังเงียบ” ด้วยแล้ว ผมว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วเหลือเกินครับ
ที่พูดอย่างนี้ เพราะมีที่มาที่ไป มีความเป็นไปได้สูงมาก ระหว่างเรื่องของประเทศชาติกับไปรษณียบัตรแผ่นละ 2 บาท ต้องเรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ
จากข้อเขียน ในหัวข้อ “ทวงคืนความยุติธรรมให้ทักษิณ” ปรากฏว่ามีท่านผู้อ่านที่เป็นแฟน “ประชาทรรศน์” แสดงความคิดเห็นมาจำนวนหนึ่ง แต่มีอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่า คนไทยทั้งประเทศต่างก็เห็นพ้องต้องกันกับท่านนี้ และมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน ท่านเขียนมาว่า...
แม้สิ้นสิทธิ์เสรีสิ้นศรีศักดิ์
ก็ไม่สิ้นคนรักหรอกทักษิณ
แม้เหยียบย่ำซ้ำถมให้จมดิน
ก็ไม่สิ้นชีวีมีลมปราณ
อยู่อย่างไรอยู่ที่ไหนก็อยู่ได้
ร่อนเร่ไปเหมือนเจ้าไม่มีศาล
แต่ความดีมีผลอยู่ทนนาน
ใครล้างผลาญไม่ตายวายชีวัน
การโฟนอินเข้ามาหาเพื่อนพ้อง
เพื่อเรียกร้องสู้ไปใฝ่สร้างสรรค์
เพื่อประชาธิปไตยเป็นสำคัญ
เพื่อคงมั่นสิทธิ์เสรีที่เชิดชู
ปฏิวัติรัฐประหารอันโสมม
จะต้องล่มจมไปด้วยใจสู้
เผด็จการอย่าหาญมาพาลขู่
บอกให้รู้ว่า “กูไม่กลัวมึง”
ครับ...พวกกูก็ไม่กลัวมึงจริงๆ เพราะพวกมึงไม่มีอะไรดีหลงเหลืออยู่เลย มีแต่สร้างความอัปยศอดสู ไม่หยุดไม่หย่อน
เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาประจานตัวเองว่า ไม่ใช่ “คน”
พันธมิตรฯ จึงต้องดิ้นรน ประกาศทำสงครามครั้งสุดท้าย แต่กลับกลายเป็นการตอกย้ำความชั่วช้าสามานย์ ความเถื่อนถ่อยให้ปรากฏมากขึ้น เด่นชัดขึ้น ซึ่งผิดกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่พูดออกมาชัดเจนว่า...
“ถ้าผมได้บริหารประเทศ ผมจะนำความมั่นใจกลับสู่ไทย”
จะเลือก “ทักษิณ” หรือจะไล่ส่งล้างบาง “พันธมิตรฯ” รีบคิดรีบตัดสินใจเสียแต่เดี๋ยวนี้ครับ