คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
ประชาชนคนไทยเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของคนบางกลุ่ม บางพวก เขาเริ่มทนไม่ได้ที่มีการชุมนุมนอกกรอบกฎหมายที่กำหนดให้ไว้ สร้างความเดือดร้อนปั่นป่วน ทั่วบ้าน ทั่วเมือง การทำมาค้าขาย สะดุดหยุดลง เพียงเพราะคนเพียงแค่หยิบมือเดียว เดินไปเดินมาจะต่างอะไรกับฝูงวัว ฝูงควาย ที่ถูกไล่ต้อนไปตามผู้คุม ไม่ได้ใช้สติปัญญาคิดและไตร่ตรองถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมชาติ ไม่เคารพหลักการประชาธิปไตย
ความกดดันนี้กำลังจะก่อเกิดและแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นและชิงชัง ให้กับกลุ่มคนที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับประเทศชาติบ้านเมือง และพร้อมจะออกมาปกป้องพิทักษ์สิทธิ เสรีภาพ ภราดรภาพ ของพวกเขาเอง เพื่อให้สังคมกลับคืนมาสู่ความสงบสุขอีกครั้ง
วันนี้ ประเทศไทย อยู่ในสภาวะไม่แตกต่างอะไรกับความเป็น บ้านป่าเมืองเถื่อน!!! คนกลุ่มหนึ่งได้อภิสิทธิ์ จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของส่วนรวม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้กระบวนการยุติธรรมเข้าจัดการได้
มีการชุมนุมปิดล้อมบุกรุกสถานที่สำคัญ ๆ ของชาติ ไม่ว่าจะเป็น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา สนามบินนานาชาติ ทั้ง 2 แห่ง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย
มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีการกระทำที่เรียกได้ว่าเป็น การดูหมิ่นซึ่งหน้า ทั้งที่อยู่ในเครื่องแบบที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
การแก้ไขสถานการณ์ จากเบาไปหาหนัก ไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้?
กระบวนการการเจรจา กับกลุ่มคนพวกนี้ดูจะไร้ผล เพราะเปลี่ยนข้อเรียกร้องไปเรื่อยๆ เพื่อให้ไม่มีข้อยุติ เริ่มต้นจากการ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บานปลายไปเป็นการไล่รัฐบาล ซึ่งไม่เป็นเหตุเป็นผลแม้แต่น้อย
การจัดการขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นกระบวนการสากลน่าจะเป็นทางออกเดียวที่หลงเหลืออยู่ในขณะนี้ แต่ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ หรือแม้จะมีคนกล้าตัดสินใจแต่ในการข่าวทางลึก ซึ่งทุกคนในประเทศรู้กันดีว่ามักจะถูก “มือที่มองไม่เห็น” สั่งเบรกเอาไว้ ประชาชนไทยในภาวะกดดันแบบนี้จะทำอย่างไร?
การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ไม่เป็นผล คนไทยผู้รักชาติและรักความเป็นธรรมย่อมได้รับความกดดัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น จะเอาแค่ใจคนกลุ่มเดียวโดยไม่ฟังคนกลุ่มอื่นๆ ในสังคม ทั้งที่เป็นมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่ร่วมกัน เมื่อมีการกระทำอันไม่ชอบธรรม เกินขีดเส้นแห่งความคั่งแค้น เมื่อนั้น ประชาชนเหล่านี้พร้อมระเบิดขึ้นมาได้ทุกที่ ทุกเวลา ทำทุกวิถีทางแม้กระทั่งการลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้ห้ำหั่น ทวงความเป็นธรรม ดังที่เห็นใน ประวัติศาสตร์ประเทศน้อยใหญ่ในโลกน้อยๆ ใบนี้
กองบรรณาธิการ ประชาทรรศน์ ขอประณาม แกนนำและผู้ร่วมเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ตลอดไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม สมคบคิดกันวางแผนใช้อาวุธสงคราม ที่ขโมยของส่วนราชการมาใช้ก่อเหตุ ในการปลุกระดมสร้างความปั่นป่วนหวังให้เกิดความรุนแรงในชาติไทยของเรา ส่งผลให้มีผู้ได้รับผลกระทบวงกว้างมากมายมหาศาลทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชน ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
เราเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กับคนเหล่านี้โดยพลัน ไม่ต้องไว้หน้าแม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นใคร ก่อนที่เหตุการณ์ความไม่สงบนี้จะบานปลายขยายตัวไปในมิติทั้งวงกว้าง และลึก มากกว่าปัจจุบัน