WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, November 27, 2008

‘คนเสื้อแดง’ฮึ่ม!ต้านปฏิวัติเงียบ


* ทุกฝ่ายเมิน‘ป๊อก เชิญยิ้ม’กดดันยุบสภา

ท่ามกลางการก่อความไม่สงบของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เกิดกระแสข่าวลืออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่าจะเกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง โดยมีแหล่งข่าวนายทหารระดับสูงระบุด้วยว่าทหารมีการพูดจากันเรื่องดังกล่าวจริง แต่ว่ามีเสียงแตกและความคิดต่างกันภายในกองทัพ โดยข่าวอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก และ พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้ซึ่งเคยชี้นิ้วขึ้นฟ้าต่อหน้าผู้สื่อข่าวพร้อมทั้งกล่าวว่า “ทหารไม่ได้มีแค่ ผบ.ทบ. คนเดียว” คิดที่จะทำการปฏิวัติ แต่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ไม่เห็นด้วย ทั้งๆ ที่ทหาร ม.พัน 4 มีการเตรียมพร้อมเพื่อปฏิวัติตามคำสั่งใน 24 ชั่วโมง

“อนุพงษ์”ไม่กดดันแต่ต้องยุบสภา

อย่างไรก็ดีหลังจากการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานความมั่นคง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เป็นประธาน

พล.อ.อนุพงษ์ ได้ออกมาแถลงมติที่ประชุมว่า จะไม่แก้ปัญหาโดยใช้ความรุนแรง พร้อมทั้งจะเสนอนายกฯยุบสภา และมีมติร่วมกันให้กลุ่มพันธมิตรฯ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยเร็วที่สุด และยุติการชุมนุม โดยจะมีการทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเป็นลายลักษณ์อักษร

พร้อมกันนี้ยังมีนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตสนช. ที่ถูกกล่าวหามาตลอดว่ารับใช้เผด็จการและเป็นพวกเดียวกันกับพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าวก็ระบุว่าหากนายกฯ ไม่ตัดสินใจตามที่แนะนำก็จะนำไปสู่การไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

ในขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ ได้สำทับในประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมทั้งระบุว่าไม่กลัวหากจะต้องถูกปลดกลางอากาศ ส่วนการจัดการกลับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ผบ.ทบ. กลับอ้ำอึ้ง และไม่มีหลักประกันว่าหากมีการยุบสภาแล้วไม่ยุติการชุมนุมจะดำเนินการอย่างไร รวมไปถึงไม่สามารถตอบคำถามของผู้สื่อข่าวได้ถึงการดำเนินคดีตามกฎหมายกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำผิดพร่ำเพรื่อ

คนเสื้อแดงพร้อมเคลื่อนพล

จากกรณีดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสคัดค้านพร้อมทั้งใกห้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ทำงานต่อไปอย่างกว้างขวาง
กลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้ออกมาให้สัมภาษ์ก่อนการแถลงของผบ.ทบ. โดยนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. ระบุว่าแนวร่วม นปช. ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ มีการเตรียมร้อมอยู่แล้วหากเกิดเหตุกาสรณ์ไม่ชอบมาพากล

ขณะที่นายนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวล่วงหน้าว่าหากมีการบีบนายกฯ หรือทำรัฐประหารเงียบ จะต้องมีการเคลื่อนไหวแน่นนอนโดยจะปิดล้อมกองบัญชาการกองทัพบก กองบัญชากองทัพไทย และสนามบินสุวรรณภูมิ และยืนยันว่าจะไม่มีการเผชิญหน้า

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข่าวการนัดชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ว่าทุกคนก็มีความรักชาติ รักแผ่นดินเพราะฉะนั้นคงไปห้ามกันไม่ได้

รออยู่บ้านก่อนยังไม่ต้องมากทม.

ทั้งนี้หลังจากได้รับฟังการแถลงของพล.อ.อนุพงษ์ ที่อ้างแนวทางแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย ที่ออกมาราวกับแกะพิมพ์มาจากข่อเสนอของพันธมิตรฯ กลุ่มผู้จัดรายการความจริงวันนี้และอดีตแกนนำ นปก. นำโดยนายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ร่วมแถลงท่าทีของคนเสื้อแดงต่อความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ

นายวีระ กล่าวว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมามีคนเสื้อแดงโทรศัพท์มายังพวกตนจำนวนมาก เรียกร้องให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุมแสดงพลังกดดันหรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อถ่วงดุลคนที่ก่อความเสียหายให้ประเทศ แต่พวกตนเห็นว่าคนเสื้อแดงต้องอดทนต่อไป โดยขอเรียกร้องไปยังคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดทั่วประเทศ ให้สวมเสื้อแดงแสดงพลังอยู่กับบ้าน ไม่ต้องเคลื่อนเข้ามาที่กทม.และสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนคนเสื้อแดงในกทม.และที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นที่ตั้งสนามบินสุวรรณภูมินั้นขอให้เตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อรับการชุมนุม เพราะพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯสร้างความเสียหายอย่างมาก มีการกักกันผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติ เหมือนเป็นตัวประกันนั้นเข้าข่ายการก่อการร้ายสากลซึ่งมีโทษมหันต์

แนะนายกฯใช้พรก.ฉุกเฉิน

นายวีระ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อดำเนินการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมอยู่ภายในสถานที่ราชการสำคัญหลายแห่งโดยเร็ว โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้มีความอุ่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจไม่มีกำลังใจทำงานและไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ถูกกดดันว่าจะยื่นถอดถอนและถูกฟ้องร้องต่างๆนานา จึงจะเห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯยึดบ้านเมืองสร้างความเสียหายได้อย่างง่ายดาย จึงจำเป็นต้องอาศัยกฎหมายพิเศษให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่เต็มที่ ถ้าให้เวลาแล้วยังไม่ประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้แล้วข้าราชการไม่ปฏิบัติงาน ยังปล่อยให้สถานการณ์เลวร้าย ให้พันธมิตรฯปิดสนามบินสุวรรณภูมิและทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวต่อไป เราคงขอนัดชุมนุมคนเสื้อแดง และถ้ามีใครฉกฉวยโอกาสนี้ทำรัฐประหาร เราจะออกมาต่อต้านทันที แต่ยังไม่เปิดเผยสถานที่เพราะถ้าแจ้งวันนี้จะมีการตีความว่านัดหมายแล้วให้มาเลย ก็จะยิ่งเพิ่มปัญหาให้เจ้าหน้าที่มากขึ้น ส่วนการนัดหมายชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่สนามหลวงวันที่ 29 พ.ย.นั้นเป็นคนละส่วนกัน

ผบ.ทบ.เข้าข่ายข่มขู่ขรก.ประจำ

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า คณะบุคคลที่เข้าร่วมประชุมเป็นข้าราชการฝ่ายประจำ หรืออย่างที่เราเข้าใจกันง่ายๆ ว่ากลุ่มอำมาตยาธิปไตย ที่คิดว่าตนเองมีอำนาจการจะทำการหรือสั่งการอะไรก็ได้
“ผมถือว่าการออกมากรำทำการดังกล่าวของคนกลุ่มนี้ถือว่าทำผิดหน้าที่ รัฐบาลจะดี จะชั่ว ก็เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน นี่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการออกมาแถลงมติที่ประชุมของทางผู้บัญชาการทหารบกเป็นการข่มขู่จากข้าราชการประจำโดยที่ไม่คำนึงว่าประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ และอำนาจเป็นของปวงชน และดูเหมือนว่าแนวทางจะเหมือนกับอพวกผู้ก่อการร้ายในขณะนี้”

นายศุภชัยได้กล่าวต่อว่า ทางสภาไปทำความผิดอะไร ถึงได้มาเสนอให้ยุบสภา ผู้บัญชาการทหารบกออกมาข่มขู่ให้นายกรัฐมนตรีลาออก ผมอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการครั้งเด็ดขาดตามกฎหมายกับคนกลุ่มคนดังกล่าว ถ้าใครที่ไม่ทำตามคำสั่งก็ขอให้ปลดอกไปเลย ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเข้มแข็ง

แดกผบ.ทบ.แน่จริงปฏิวัติไปเลย

ทางด้านรศ.ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนาพาณิช อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ทหารไม่มีอำนาจที่จะมาสั่งให้รัฐบาลยุบสภาได้ เนื่องจากทหารเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา การออกมาแถลงการณ์ดังกล่าวของทางผู้บัญชาการทหารบกเป็นเหมือนการรัฐประหารเงียบ

“ถ้าการออกมาแสดงท่าทีดังกล่าวของทางผู้บัญชาการทหารบก เป็นต่างประเทศคงถูกปลดออกไปนานแล้ว ไม่รู้ว่าทางรัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรี กลัวอะไรอยู่ ถึงไม่มีการออกมาตอบโต้อะไร นอกจากการตั้งรับอย่างเดียว”

รศ.ประสิทธิ์ เสนอว่าตนไม่เห็นด้วย และไม่มีความจำเป็นที่ทางนายกรัฐมนตรีจะต้องลาออก หรือยุบสภาตามที่ทางผู้บัญชาการทหารบกเสนอ เพราะว่าถ้าเขาแน่จริงก็ให้ทำการรัฐประหารไปเลย ถึงแม้ว่าตนจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว

“ผมอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีเข้มแข็ง ไม่ต้องลาออก เพราะว่าถ้าลาออกก็เท่ากับว่าเราแพ้ ทั้งๆ ที่เราเองก็มีที่มาจากกการเลือกตั้ง มากอำนาจของประชาชนที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ถ้ายุบสภาก็จะเข้าตำราเดิมของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยที่พร้อมจะเสนอรัฐบาลสมานฉันท์อย่างแน่นอน”

'จาตุรนต์' ให้กำลฃังใจนายกฯ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์เสนอข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ว่า การรัฐประหารไม่ใช่ทางออก เพราะว่าอาจทำให้สงบได้ชั่วคราว พันธมิตรไชโยโห่ร้อง แต่หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นความไม่สงบและจะนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น เพราะการทำรัฐประหารเป็นการทำผิดกฎหมาย

คิดว่ารัฐบาลต้องหนักแน่น นายกฯจะลาออกไม่ได้ เพราะหากนายกฯลาออกเท่ากับเป็นการซ้ำเติมปัญหา และปัญหาความไม่สงบก็ไม่จบสิ้น เพราะว่าหากนายกฯลาออกแล้วต้องมีการเลือกนายกฯคนใหม่และพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องเสนอคนในพรรคพลังประชาชนขึ้นมาอีกและกลุ่มพันธมิตรฯก็ยังไม่เลิกยึดสนามบินสุวรรภูมิและสถานที่ราชการ จึงไม่ใช่ทางออก ซึ่งหากคิดเอาอนายกรัฐมนตรีคนนอกก็เท่ากับการฉีกรัฐธรรมนูญและเป็นการทำรัฐประหารนั่นเอง

สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยในการแก้ปัญหาคือผู้นำกองทัพ ต้องยืนยันให้หนักแน่นว่าจะไม่ทำรัฐประหารและผบ.เหล่าทัพต้องมีความจริงใจในการช่วยแก้ปัญหาการกระทำผิดกฎหมาย การสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองในขณะนี้

ซัดผบ.ทบ.ทีหน้าที่ตัวเองไม่ทำ

ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลกว่า 30 คน นำโดยนายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคพลังประชาชน นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ร่วมกันแถลงข่าวโจมตีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ออกมาเสนอให้รัฐบาลยุบสภาและให้พันธมิตรฯยุติการชุมนุม โดยนายวิทยา กล่าวว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลไม่สามารถรับข้อเสนอของคตร.ได้ เนื่องจากเป็นบุคคลพวกตนยอมไม่สามารถยอมรับความเป็นกลางได้ อาทิ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ทั้งที่พวกเรามาตามระบอบประชาธิปไตย มีอำนาจในฝ่ายนิติบัญญัติ แต่พล.อ.อนุพงษ์ แถลงละเมิดสิทธิของพวกเรา อยากให้ไปตรวจสอบข้อกฎหมายว่าผู้ที่มีอำนาจในการยุบสภาเป็นใคร และทำได้โดยวิธีใดบ้าง ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ มีอำนาจในส่วนที่ทำได้แต่กลับไม่ทำ แต่กลับมาเสนอให้ยุบสภาทั้งที่ไม่ใช่อำนาจของท่าน

ด้านนายเอกพจน์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.ต้องทบทวนบทบาทหน้าที่ของตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลขอฝากให้นายกฯไปพิจารณาในฐานะผู้บังคับบัญชาของพล.อ.อนุพงษ์ ดเวยและ ขอถามพล.อ.อนุพงษ์ว่า คนที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมสภา สนามบิน ทหารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างไร ทั้งๆ ที่ควรสกัดกั้นไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่กลับปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นมาแล้วยังเสนอให้ยุบสภาอีก พรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีความเป็นกลาง ไม่สามารถชี้ชะตาประเทศได้

จ่อเสนอนายกฯ ปลดผบ.ทบ.

เช่นเดียวกับกลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชาชน นำโดย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.สงเชียงใหม่ได้แถลงตอบโต้ พล.อ.อนุพงษ์ ทันทีว่า หาก ผบ.ทบ.ไม่สามารถทำหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบได้ จะเสนอให้ นายกฯปลด ผบ.ทบ.พ้นจากตำแหน่ง ขณะนี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชนกำลังรวบรวมรายชื่อส.ส.ทั้งหมดในพรรคเพื่อยื่นให้ ปปช.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 157ให้พิจารณาลงโทษผบ.ทบ.ฐานละเลยปฎิบัติหน้าที่พร้อมจะยื่นหนังสือถึงนายกฯโดยเร็วที่สุด

ส่วนนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกมาแถลงข่าวร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์นั้นก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นฝ่ายพันธมิตร 100 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย

นายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ข้อเสนอของผบ.ทบ.สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายทหารไม่เข้าใจกระบวนการประชาธิปไตยถูกนักวิชาการหลอก ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวเปรียบเหมือนกับการปฎิวัติเงียบโดยกลุ่มอมาตยาธิปไตย ซึ่งถ้านายกรัฐมนตรีทำตามข้อเสนอนี้ระบบประชาธิปไตยก็จะล่มสลายทันที นอกจากนี้เท่าที่ตนทราบนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีม.ธรรมศาสตร์ ยังได้เสนอให้ใช้มาตรา 7 เพื่อให้มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งด้วย รวมทั้งนายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ อธิการบดีนิด้า ยังเป็นคนแรกๆที่เสนอให้ยุบสภา ซึ่งข้อเสนอของทั้ง 2 นักวิชาการสะท้อนให้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ

“กุเทพ”บอกถึงเวลาของเสื้อแดง

ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน พร้อม ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนได้ลงมาแถลงข่าวอีกชุดหนึ่งว่า การประชุมของ ผบ.ทบ.ที่เรียกข้าราชการมาเป็นการประชุมแบบสุมหัวกันเพราะคนที่มีอำนาจเรียกประชุมต้องเป็นระดับรองนายกฯเท่านั้นอีกทั้งข้อเสนอให้ยุบสภาเป็นข้อเสนอที่บ้องตื้นและขาดภาวะผู้นำ เพราะสภาไม่ได้ผิดอะไร เป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเพียงรับฟังความเห็นจากอธิการบดีมหาวิยาลัยหนึ่งเท่านั้น ทั้งๆที่ ผบ.ทบ.มีหน้าที่เอาผิดกับพันธมิตรที่ไปยึดปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ เหมือนเป็นการเอาประเทศ เป็นตัวประกัน

“ส.ส.พรรคพลังประชาชน เห็นว่านายกฯจะปฎิบัติตามข้อเสนอของ ผบ.ทบ.ไม่ได้เป็นอันเด็ดขาดโดยขอฝากไปยังกลุ่มเสื้อแดงว่าให้ออกมาต่อต้านข้อเสนอของ ผบ.ทบ.ไม่ว่าจะแสดงออกหรือจะรวมตัวอย่างไรก็สามารถทำได้แล้วแต่จะดำเนินการเพราะรัฐบาลจะยืนหยัดไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ซึ่งวันนี้เห็นชัดเจนว่า ผบ.ทบ.ที่ประชาชนฝากความหวังว่าจะเข้ามาจัดการกับกลุ่มที่สร้างปัญหาให้แก่ประเทศกลับลอยตัว ไม่กล้าตัดสินใจอะไรแต่มาสุมหัวกับข้าราชการประจำที่แข็งข้อ ประชุมลับๆเพื่อให้รัฐบาลยุบสภาทั้งๆที่ข้าราชการต้องฟังฝ่ายบริหาร”ร.ท.กุเทพ กล่าว

"บรรหาร" เมินข้อเสนอยุบสภา

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีทีมีการแถลงข้อเสนอของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยุติการชุมนุม นายบรรหาร ย้อนถามว่า ผบ.ทบ.สั่งพันธมิตรฯ ให้หยุดการชุมนุมได้หรือไม่ และถ้ารัฐบาลยุบสภาไปแล้ว คงไม่เกิดประโยชน์อะไร แล้วผบ.ทบ.รับประกันหรือรับผิดชอบได้หรือไม่ว่าพันธมิตรฯจะหยุดการชุมนุม ซึ่งตนเห็นว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของ ผบ.ทบ.มากกว่า อย่างไรก็ตามพรรคร่วมรัฐบาลคงต้องหารือกัน แต่การจะให้นายกฯยุบสภา ต้องไปถามนายกฯ พรรคชาติไทยเป็นพรรคเล็กนิดเดียว

ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ ผู้นำฝ่ายค้านไปเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ นั้น นายบรรหาร กล่าวว่า การที่ผู้นำฝ่ายค้านจะเป็นผู้ไปเจรจาถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะไปช่วยกัน เพราะในเดือน ธ.ค.จะมีการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ จ.เชียงใหม่ ถ้าประชุมไม่ได้ก็อายไปทั่วโลก ประเทศไทยสร้างชื่อเสียงและดำเนินการประชุมมากว่า 10 ปี ไม่เคยมีปัญหา เมื่อถามถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก นายบรรหาร ไม่ตอบคำถามได้แต่อมยิ้มก่อนจะโบกมือและกล่าวว่า บ๊ายบาย

ควรจะคิดปราบพธม.มากกว่า

ขณะที่ อ.วรพล พรหมิกบุตร คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับท่าทีของผบ.ทบ. เพราะประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียอมทำตามข้อเสนอของ ผบ.ทบ.โดยการประกาศยุบสภาก็จะเท่ากับว่าระบอบประชาธิปไตยยอมแพ้กับให้กับระบอบอนาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในอนาคตประเทศไทยก็จะมีบรรทัดฐานผิดๆ แบบนี้ไปอีกยาวนาน

ทั้งนี้ ตนอยากเสนอแนะวิธีการแก้ไขที่ดีกว่าคือให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการทั้งหมดปรึกษาหารือกันเพื่อดำเนินการจัดการกับพันธมิตรฯ อย่างจริงจัง แม้ว่าการจัดการกับพันธมิตรฯ ที่อาจจะต้องใช้ความรุนแรงบ้าง แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องทำเพราะพันธมิตรฯ ไม่ได้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง แต่มีอาวุธสงครามอยู่ในครอบครอง

ปชป.กระโดดงับข้อเสนอผบ.ทบ.

ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รีบออกมาแสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยระบุว่าถือเป็นทางออกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในบ้านเมือง เพราะทางออกของการแก้ไขปัญหามีเพียง 2 ทางเท่านั้น คือยุบสภา หรือ นายกฯลาออก ซึ่งรัฐบาลจะต้องนำข้อเสนอนี้ไปพิจารณา
แต่หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยใครก็บังคับไม่ได้ ทั้งนี้การออกมาเคลื่อนไหวของ ผบ.ทบ.ในครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการปฏิวัติเงียบ เพราะทหารไม่ได้ใช้อาจ แต่เป็นการใช้ปัญญาในการหาทางออกให้กับบ้านเมือง

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองทวีความรุนแรง หลัง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ออกมาขู่จะเคลื่อนไหว หาก ผบ.ทบ.กดดันนายกฯ

ยุบสภาเป็นแค่ทางออกระยะสั้น

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ผู้บัญชาการทหารบกออกมาแถลงเสนอให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาเพื่อหาทางออกในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้นั้นเป็นทางออกในระยะสั้น ซึ่งต้องดูว่าทางออกดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้หรือไม่และนายกรัฐมนตรีจะคิดเห็นอย่างไร อีกทั้งเห็นว่าการประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ควรอยู่ในกรอบที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ซึ่งขณะนี้นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยเห็นว่าเหตุการณ์การปิดสนามบินเป็นการทำลายภาพพจน์ของประเทศไทยที่เคยเป็นประเทศที่อบอุ่นและเป็นมิตรหายไปหมดแล้ว และทำให้การพบปะทางธุรกิจต้องยกเลิกออกไป

อย่างไรก็ตามนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เห็นว่าทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันในการหาทางออกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศ ขณะที่ภาคธุรกิจะต้องพยายามประคับประคองตนเองเพราะปีหน้าปัญหาเศรษฐกิจจะรุนแรงมากขึ้น