WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, November 26, 2008

‘นักวิชาการ’ชี้รัฐคะแนนท่วมสาวกท้อ!ม็อบชั่วปลุกไม่ขึ้น


“นักวิชาการ” เรียงหน้าฉะพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวไร้จุดหมายทำประชาชนเดือดร้อนทั่วบ้านทั่วเมือง ระบุงานนี้มีแต่เสียกับเสีย กลายเป็นกระแสตีกลับ แม้แต่คนที่อยู่ตรงกลางก็จะหันไปให้กำลังใจรัฐบาล เพราะปรากฏภาพของความเป็นผู้รุกรานชัดเจน ถ้าไม่เปลี่ยนยุทธวิธีคนเบื่อม็อบจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน ขนาดบรรดาสาวกยังออกอาการท้อแท้ บอกเลิกขีดเส้นได้แล้วว่าจะชนะวันไหน เพราะไม่เคยทำสำเร็จซักครั้ง

การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ประการรบครั้งสุดท้าย และเป็นการเคลื่อนไหวที่คุยเอาไว้ว่าจะจัดการรัฐบาลแบบ “ม้วนเดียวจบ” กลับกลายเป็นเรื่องโจ๊กที่ไม่สมราคาคุย ไม่ได้มีประชาชนร่วมการชุมนุมคึกคักอย่างที่ประกาศไว้ รวมทั้งท่าทีเถื่อนถ่อย ทั้งการปล้นรถเมล์ การพกพาอาวุธหนัก การทำลายข้าวของทางราชการ ก็ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเทใจมาทางด้านรัฐบาล เพราะเริ่มเห็นชัดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมือง
นายสุขุม นวลสกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าตอนนี้กระแสตีกลับเพราะภาพมันออกมากลายเป็นผู้รุกราน อย่างการปิดล้อมที่ดอนเมือง ถือว่าหมิ่นเหม่มากในสายตาของคนทั่วไป ตนมองว่าคนเป็นกลาง ที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ คงไม่อยากให้เกิดภาพเช่นนี้
“ในสายตาของผู้คน เงื่อนไขการชุมนุมของพันธมิตรฯก็จะหายไป เพราะที่พันธมิตรฯชูขึ้นมาคือคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลก็บอกว่าไม่แก้ ทำให้เงื่อนไขนี้หายไป ดังนั้นเงื่อนไขที่แท้จริงของพันธมิตรฯคือ ต้องการล้มรัฐบาล ตรงนี้เป็นเงื่อนไขที่ต้องดูว่า คนส่วนใหญ่จะเอาด้วยหรือไม่”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลต้องระวังคือ มือสอดแทรก ที่ใจร้อน ทนไม่ไหว เพราะถ้าเกิดขึ้น สถานการณ์จะเปลี่ยนอีก
นายปริญญา เทวานฤมิตกุล รองอธิการอธิบดีธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ดาวกระจายทั้ง 2 วันของพันธมิตรฯ ตนมองว่าไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติเลย โดยเฉพาะการเดินไปประท้วงอย่างไร้จุดหมาย ซึ่งทำให้คนที่กลางไม่ได้ฝักใฝฝ่ายใดมีความรู้สึกไม่ชอบพันธมิตรฯมากขึ้นเรื่อยๆ
“แม้ว่าทหารออกมาปฏิวัติก็ไม่จบ เพราะกลุ่มเสื้อแดงก็จะออกมาต่อต้านรัฐบาล ผมอยากจะเกิดการเจรจา แต่เท่าที่มองแล้วพันธมิตรฯ ก็ไม่ยอมเจรจา ดังนั้นการเมืองก็จะลากยาวกันไปแบบนี้ โดยให้ประชาชนตัดสินว่าฝ่ายไหนที่ทำลายชาติ
ด้าน รศ.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พันธมิตรฯ ต้องคำนึงถึงการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้ให้สิทธิคุ้มครอง แต่ถ้าการชุมนุมมีเหตุให้วุ่นวาย ขาดความสงบเรียบร้อยหรือทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจะทำให้พันธมิตรฯ ขาดความชอบธรรมไปในทันที
ทั้งนี้ตนมองว่าขณะนี้รัฐบาลได้ยอมถอยถึงที่สุดแล้ว เพราะจากเดิมที่ได้กำหนดประชุมครม.ที่ทำเนียบชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง แต่เมื่อพันธมิตรฯ ดาวกระจายมาปิดล้อมอีก รัฐบาลจึงเปลี่ยนไปประชุมที่กองทัพไทย แต่พันธมิตรฯ ก็บุกมาปิดล้อมอีกจึงทำให้ประชาชนมองพันธมิตรฯ ไปในทางลบทันที
“ผมมองว่าขณะนี้มันวุ่นวายกันไปหมด เพราะประชาชนที่อยู่ตรงกลาง ได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาการจราจร บางส่วนเกิดความรำคาญ เพราะมันมากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้คนเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ น้อยลงไปเรื่อยๆ ”
ขณะเดียวกันบนเวบไซต์ของ “ผู้จัดการ” เองก็ยังมีบรรดาสาวกไปโพสต์ข้อความตัดพ้อเอาไว้ว่าเลิกพูดเรื่องม้วนเดียวจบหรือขีดเส้นว่าจะสำเร็จวันนั้นวันนี้ได้แล้ว เพราะไม่เคยสำเร็จซักที

ม็อบโกเต็กซ์ทำจราจรป่วน
สำหรับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในวันที่ 25 พ.ย. เริ่มต้นที่เวลา 04.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยทำเนียบรัฐบาล ประกาศปลุกผู้ชุมนุมให้เก็บข้าวของบางส่วน และเคลื่อนย้ายไปขึ้นรถยนต์ 6 ล้อ ที่ทางพันธมิตรฯเตรียมไว้ไปรวมตัวกันที่บริเวณสนามม้านางเลิ้ง ถนนพิษณุโลก เพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง
ทั้งนี้มีนายพิภพ ธงไชย และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 2 แกนนำพันธมิตร ฯ คอยประสานงานดูแลการระดมพลที่บริเวณด้านหน้าสนามม้านางเลิ้ง โดยรถยนต์หัวขบวนตั้งแถวอยู่บริเวณทางด่วนยมราช รอให้ผู้ชุมนุมขึ้นรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะขึ้นทางด่วนยมราชไปยังดอนเมือง โดยได้มีการเจรจากับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ว่าจะให้รถยนต์ของพันธมิตรฯทุกคันขึ้นทางด่วนไปยังดอนเมืองฟรี โดยไม่เสียค่าผ่านทาง เพราะนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ประกาศย้ำกับผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะที่นำพาผู้ร่วมชุมนุมไปด้วย ให้นำรถขึ้นทางด่วน เนื่องจากเกรงว่า หากใช้เส้นทางตามปกติ จะไม่ได้รับความปลอดภัย
จากนั้นเวลาประมาณ 04.50 น. รถยนต์หัวขบวนได้เริ่มทยอยขึ้นทางด่วน ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก รถยนต์ที่จะแล่นผ่านบริเวณใกล้เคียง เช่น ถนนนครสวรรค์ ไม่สามารถเลี้ยวขวาผ่านแยกนางเลิ้งเพื่อเข้าสู่ถนนพิษณุโลกได้
อย่างไรก็ตาม ภายในทำเนียบรัฐบาลก็ยังคงมีผู้ชุมนุมบางส่วนที่ยังเฝ้าฐานที่มั่นอยู่ เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่บุกยึดคืน

บุกเคลื่อนปิดกองทัพไทย
ต่อมา เวลา 13.50 น. ภายหลังที่แกนนำพันธมิตรฯ ประกาศเคลื่อนประชาชนไปล้อมกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อปิดกั้นไม่ให้คณะรัฐมนตรีประชุมได้นั้น ได้มีประชาชนเดินทางไปสมทบพันธมิตรฯ ที่กองบัญชาการกองทัพไทยกว่า 1,000 คน
จากนั้นเวลา 14.23 น.มีรายงานว่า คณะรัฐมนตรีได้ยกเลิกการประชุมที่กองบัญชาการกองทัพไทยโดยกองทัพไทยได้แจ้งว่าไม่มีการจัดการประชุมหรือแถลงข่าวแต่อย่างใด ขณะที่ทหารได้ตรึงกำลังเข้ม เนื่องจากเกรงว่าพันธมิตรฯ จะบุกเข้าไปในทำเนียบฯ
ขณะที่บนเวทีพันธมิตรฯ ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และที่ทำเนียบชั่วคราว ดอนเมือง ได้ประกาศอย่างต่อเนื่องว่าจะยังเคลื่อนกำลังไปยังกองบัญชาการฯ โดยแกนนำพันธมิตรฯ ได้มอบหมายให้นายสุชาติ ศรีสังข์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม เป็นแกนนำในการนำทัพประชาชน

เคลียร์ “อู่ตะเภา” รับนายกฯ
เวลาประมาณ 15.30 น.ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มประชาชนประมาณ 1,000 คน พร้อมมือตบเดินทางไปปิดล้อมทางเข้าสนามบินสุวรรณทางด้านมอเตอร์เวย์ เพื่อเตรียมประท้วงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางกลับจากการร่วมประชุมเอเปกที่ประเทศเปรู ถึงไทยในเวลาประมาณ 12.55 น.วันที่ 26 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาเครื่องลากจูงเครื่องบินลำที่นายสมชายจะโดยสารกลับขัดข้อง ทำให้เครื่องบินต้องออกล่าช้ากว่ากำหนด
มีรายงานว่า เครื่องบินการบินไทยที่นายสมชายจะเดินทางกลับได้ออกจากกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรูแล้ว และจะลงเติมนำมันที่เมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ในเวลา 2 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณตี 2 ตามเวลาในไทย) แต่เนื่องจากเครื่องบินขึ้นช้ากว่ากำหนด ทำให้คาดว่าน่าจะถึงไปถึงเมืองซูริกหลังเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 06.00 น.ตามเวลาในไทย) จากนั้นจึงจะบินเข้ามาในไทย ซึ่งตามกำหนดเดิมจะถึงไทยในเวลา 12.55 น. แต่ถ้านับชั่วโมงที่เครื่องบินออกช้า น่าจะช่วงถึงในช่วงเย็นๆ
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น.มีรายว่า รัฐบาลได้สั่งให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เตรียมพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และสนามบินเชียงใหม่ ไว้รองรับ หากเที่ยวบินที่นายสมชายเดินทางมาไม่สามารลงที่สนามบินสุวรรณภูมิได้


“จตุพร” ฉะ “ยะใส” พวกโง่
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน แถลงตอบโต้กรณีนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่าในการประชุมสภาวันที่ 26-27 พ.ย.นี้ อาจจะมีการหมกเม็ดพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ว่า รัฐธรรมนูญ ม.291 ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นการประชุมร่วมสองสภา แต่การประชุมวันที่ 26-27 พ.ย.นี้เป็นการประชุมสภาเดียว คือสภาผู้แทนราษฎร ถ้านายสุริยะใสจะแสดงความโง่ก็ไม่ควรพาประชาชนไปโง่ตาม
ส่วนที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ อ้างว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ คปพร. ทำลายสถาบันองคมนตรีมาปลุกปั่นผู้ชุมนุมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ข้อเท็จจริงก็คือส่วนที่ว่าด้วยองคมนตรี อยู่ในหมวดของพระมหากษัตริย์ ซึ่งร่างคปพร.เขาไม่แตะต้อง แต่ไปยกจากรัฐธรรมนูญ 2550 มาใช้เหมือนเดิมทั้งหมด แต่เมื่อกลุ่ม 40 ส.ว.และแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ไปอ่านตัวร่างแล้วไม่เห็น ก็เข้าใจผิดว่าตัดหมวดองคมนตรีออกไป จึงมาบิดเบือนปลุกระดมกันใหญ่
“นอกจากนี้ยังมีการสร้างจินตนาการเสื้อแดงออกมาปลุกระดมผู้ชุมนุม แต่ผมบอกว่าวันนี้เสื้อแดงยังไม่ออก วานนี้ที่มีบางคนไปขัดขวางกลุ่มพันธมิตรฯย่านวิภาวดีนั้น ก็เพื่อปกป้องสถานวิทยุชุมชนแท็กซี่ เพราะกลัวว่าระหว่างที่พันธมิตรฯไปดอนเมืองจะมาบุกรุกสถานที่ แต่คนเสื้อแดงจะยังไม่ออกมา จะดูจนกว่าว่ากลุ่มพันธมิตรฯไปปิดล้อมวังสวนจิตรฯในวันที่ 4 ธ.ค.จริงตามที่ประกาศหรือไม่ ซึ่งจะรอดูด้วยว่าพล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะมีปัญญาจัดการหรือไม่ ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศไปชุมนุมปิดล้อมบ้านคนนั้นคนนี้นั้น บ้านผมและบ้านแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯหลายคนก็อยู่ใกล้กัน ถ้าบ้านผมไฟไหม้ บ้านมันก็ไฟไหม้เหมือนกัน ที่พูดเพราะผมไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯไปข่มขู่คนอื่น”นายจตุพรกล่าว

สังคมไทยต้องไม่ยอมแพ้พธม.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ออกแถลงการณ์ ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ไม่ใช่การใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการกระทำที่ใช้กำลังความรุนแรง ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น อันเป็นการขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง
นายจาตุรนต์ ทั้งๆที่ทราบดีอยู่แล้วว่า การประชุมรัฐสภาที่จะมีขึ้นไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลุ่มพันธมิตรฯกลับใช้เป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหว ที่ลุกลามบานปลายมากกว่าการขัดขวางการประชุมรัฐสภาไปอีกมาก แม้จะมีการเลื่อนประชุมรัฐสภาออกไปแล้ว การเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายนี้ยังไม่ได้ลดน้อยลง จนเห็นได้ชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การขัดขวางการทำหน้าที่ของรัฐ ทั้งฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพปกครองไม่ได้ สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการที่ผู้มีอำนาจทางทหารจะทำรัฐประหาร ล้มล้างประชาธิปไตย แล้วสร้างระบบการปกครองที่เป็นเผด็จการภายใต้ชื่อที่เรียกว่า “การเมืองใหม่”
การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ ไม่ต่างอะไรจาก “การรัฐประหารอีกรูปแบบหนึ่ง” ที่ยังไม่สำเร็จสมบูรณ์ และยังต้องอาศัยการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้พัฒนาไปสู่การรัฐประหารอย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง
การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯไม่เพียงแต่เป็นอุปสรรคต่อการที่รัฐบาลไทยจะเข้าร่วมกลุ่มประเทศอาเซียนบวกหกเท่านั้น แต่การขัดขวางการทำงานของรัฐบาลและรัฐสภา การเคลื่อนไหวที่เป็นอนาธิปไตยนี้กำลังทำลายภาพพจน์และความเชื่อมั่นที่นานประเทศมีต่อประเทศไทย ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้เลวร้ายหนักยิ่งขึ้นไปอีก
หากกลุ่มพันธมิตรฯไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 26 พ.ย.นี้จริง จะยิ่งทำให้ภาพพจน์ของประเทศเสียหายยับเยินหนักเข้าไปอีก
กรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่สามารถสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างร้ายแรงต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงง่ายๆนี้ เกิดขึ้นได้เพราะไม่มีการรักษากฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อาจบังคับใช้กฎหมายเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดการปะทะ และจะถูกนำไปเป็นข้ออ้างในการรัฐประหาร ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นี่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบยุติธรรมของประเทศ สังคมไม่ยึดหลักนิติธรรม ระบอบประชาธิปไตยยังอ่อนแอ ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจได้ทุกขณะ

กองทัพยันไม่ปฏิวัติ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วนในการทำให้สังคมสงบเรียบร้อย ส่วนหนึ่งเราจัดกำลังรวมกับตำรวจที่มีหน้าที่หลักไปรวมดูแลความสงบเรียบร้อย เดิมกองทัพดูอยู่ในพื้นที่ที่มีการชุมนุม ซึ่งจัดจุดที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยเพิ่มอีกหลายจุดรวมกับตำรวจ กองทัพเรือ กองทัพอากาศ อีกส่วนคือการดูแลกรณีที่จะมีกลุ่มพลังความเห็นต่างกันมาปะทะกัน เรามีแผนเตรียมไว้รองรับ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะเกิด แต่เราให้กำลังเตรียมพร้อมไว้แล้ว
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าพันธมิตรฯ ยั่วยุตำรวจจนเจ้าหน้าที่หมดความอดทน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นแนวทางที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการลงไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานมีความประนีประนอม อะลุ้มอล่วย ส่วนผู้ชุมนุมก็ไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งสองฝ่ายไม่มีสัญญาณหรือสิ่งบอกเหตุว่าจะมีความรุนแรง ดังนั้น ตำรวจคงไม่ต้องอดทน เพราะทำงานตามปกติ เราเป็นประชาชนเหมือนกัน เมื่อถามว่าส่วนตัวอยากให้กระแสสังคมตัดสินการชุมนุม แต่กองทัพอยู่เฉย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ก็ดี เพราะหากเราไปตัดสินไม่เป็นฉันทามติและจะไม่จบ

กองทัพยังเชื่อไม่รุนแรง
ต่อข้อถามที่ว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพจะดำเนินการอย่างไร เพราะพันธมิตรฯ ประกาศจะไปล้อมกองทัพไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีการพูดคุย เมื่อเช้าวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ตั้งแต่ปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มีการพูดคุยและประเมินว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ยืนยันว่าสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในสถานะที่เป็นการแสดงความคิดเห็นไม่มีความรุนแรง
“จุดยืนกองทัพเห็นตรงกันว่า 1.ทหารทุกเหล่าทัพจะดูแลประเทศชาติบ้านเมือง โดยมีแนวคิดดูแลสถาบันหลักของชาติ และประชาชนไว้ให้ได้ 2.ส่วนเรื่องประกันว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ผบ.เหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะใช้มาตรการและศักยภาพทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้คนมาปะทะกันทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น และ 3.ยึดแนวทางกระบวนการยุติธรรม หรือกฎหมายเป็นหลักในการช่วยกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมือง” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ ได้ตอบคำถามเรื่องทหารจะไม่ใช้การปฏิวัติตามที่หลายฝ่ายเรียกร้องว่า ทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าการปฏิวัติเป็นแนวทางอื่นที่ยังไม่น่าที่จะแก้ไขปัญหาประเทศได้ ซึ่งทุกส่วนและทุกเหล่าทัพเห็นตรงกันว่าจะยึดแนวทางหลัก 3 ประการ เพื่อประคองให้สถานการณ์ประเทศชาติ ผ่านวิกฤตไปได้

ตำรวจลั่นอดทนอดกลั้น
พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ในฐานะ รองโฆษก บช.น.กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ กทม.ภายหลังกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวในท่าอากาศยานกรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) ว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาปิดสถานที่ราชการต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ นั้นเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจน ไม่ใช่การชุมนุมที่สงบตามสิทธิรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 เพราะเมื่อที่ 24 พ.ย. เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมกลุ่มคนที่พกอาวุธมาร่วมชุมนุมดำเนินคดีที่ สน.นางเลิ้ง รวมทั้งการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ทำร้ายร่างกาย พ.ต.อ.พชร บุญญสิทธิ์ รอง ผบก.น.4 จนได้รับบาดเจ็บและแม้ล้มลงกับพื้นก็ยังตามลงไปทำร้ายซ้ำอีก ถือเป็นความผิดชัดเจน สั่งการให้ดำเนินการคดีต่อทุกคนที่มีส่วนร่วม รวมถึงแกนนำที่นำประชาชนออกมาชุมนุม หากการตรวจสอบจากวิดีทัศน์พบว่ามีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีด้วย
รอง โฆษก บช.น.กล่าวอีกว่า ในส่วนของพื้นที่ดอนเมืองนั้น ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ ผบก.น.2 ดำเนินคดีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำร้ายร่างกายรอง ผบก.น.4 ส่วน 6 ชายฉกรรจ์ที่ยึดรถเมล์สาย 53 และตรวจพบอาวุธทั้งปืนและระเบิดนั้นได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ซึ่งจะเห็นได้ว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯ นั้นไม่ใช่การชุมนุมที่สงบเพราะเป็นการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง
“แต่ส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้เน้นย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ใช้ความอดทนอดกลั้นถึงที่สุด แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการใช้ความรุนแรงใดๆ ขอให้มาลงที่ตำรวจ ขอให้ตำรวจเป็นที่รองรับอารมณ์นั้นแทนพี่น้องประชาชน เพราะเราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น สีทนได้” พล.ต.ต.อำนวย กล่าวติดตลก