WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, November 26, 2008

สงครามครั้งสุดท้าย ? ที่น่าสงสาร ไม่นำไปสู่อะไรเลย


บทความโดย...ลูกชาวนาไทย

เมื่อ พธม. ประกาศสงครามทำครั้งสุดท้าย และประกาศจะบุกยึดรัฐสภาในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่าไหร่ เพราะผมคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่า แม้จะยึดรัฐสภาได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนักต่อ "สงครามกลางเมืองระหว่างอำมาตย์กับฝ่ายประชาธิปไตย" ครั้งนี้ ก็แค่ยึดได้ตึกอีกตึกหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น

ทันทีที่ผมดูข่าวช่วงเช้าของ NBT เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับยุทธการสงครามเก้าทัพของ พธม. เห็นจำนวนคนที่กำลังเดินไปลานพระรูปฯ ผมหมดความสนใจ กับม็อบเหล่านี้ทันที เพราะผมรู้ได้จากการคำนวณคนคร่าวๆ ว่า อยู่ในระดับหลักพัน เท่านั้น คนแค่นี้ เทียบไม่ได้กับคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมที่วัดสวนแก้วเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งยังประมาณแค่ 30,000-40,000 คนเท่านั้น และยิ่งเทียบไม่ได้เลยกับการชุมนุมที่สนามรัชมังคลา ในวันที่ 1 พย. ที่ผ่านมา



ดังนั้นม็อบ พธม. เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เลยกลายเป็นม็อบแค่หยิบมือเดียว ผลในทางสงครามก็คือทำให้กุนซือของกองทัพฝ่ายประชาธิปไตยสามารถฟันธงได้ทันทีว่า ม็อบพันธมิตร หมดสภาพและไร้น้ำยาโดยสิ้นเชิงแล้ว กองทัพแบบนี้รอวันพ่ายแพ้หรือโดนบดขยี้ให้สิ้นซากเท่านั้น

ยุทธการสงคราม 9 ทัพของ พธม. ครั้งนี้จึงไร้น้ำยาและไร้ความหมายไปโดยสินเชิง ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองแต่อย่างใด การทำให้สภาเลื่อนการประชุมออกไป ไม่ได้มีผลอะไรต่อการเมืองทั้งนั้น เพราะสภาสามารถเปิดประชุมใหม่ได้อีกในวันใดก็ได้ ซึ่งหากม็อบพันธมิตร จะขัดขวางก็ต้องระดมคนออกมาอีก และอาจเจอกลศึก ลับ ลวง พราง จากฝ่ายรัฐบาลได้อีกเช่นกัน แต่การเกณฑ์คนมาของ พธม. ย่อมสิ้นเปลืองทรัพยากร รวมทั้งการต่อสู้ที่ไร้จุดหมาย ย่อมบั่นทอนขวัญและกำลังใจของประชาชนที่เข้าร่วมกับม็อบ รวมทั้งผู้สนับสนุนทางด้านเงินทองเป็นอย่างมาก

การทำศึกของ กลุ่มพันธมิตรครั้งนี้จึงไม่ได้นำไปสู่อะไรเลยทั้งสิ้น ไม่มีผลกระทบต่อภาพรวม แม้ว่าจะมีการยกกำลังเข้าไปยึดที่ทำการรัฐบาลใหม่ที่สนามบินดอนเมือง รัฐบาลก็สามารถย้ายที่ประชุม ครม.ไปที่ ห้องประชุมของกองบัญชาการกองทัพไทยได้ หรืออาจเป็นที่อื่นๆ ก็ได้ ซึ่งหากพันธมิตรจะดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ ก็ต้องเกณฑ์คนวิ่งวุ่นไปทั้งเมือง โดยหามรรคผลอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็คว้าได้แต่น้ำเหลว ท่ามกลางความเบื่อหน่ายของประชาชนกลุ่มต่างๆ รวมทั้งกระแสของ พธม. ที่ตกลงอย่างมาก แม้ตอนนี้ ม็อบพันธมิตรจะบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และก่อสงครามไล่ยิงฝ่ายเสื้อแดง ที่ถนนวิภาวดีซอยสาม ก็ตาม แต่ก็กลายเป็นแค่อันธพาลกวนเมือง ที่ไม่มีใครกล้าปราบ เพราะม็อบพวกนี้ มีแบ็คหนุนหลังที่ดีและมีอิทธิพลมาก จนใครในประเทศนี้ก็ไม่กล้าแตะต้อง

ผมสังเกตว่า สงครามครั้งนี้ของ พธม. สังคมไทยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก สื่อต่างๆ ก็เสนอข่าวธรรมดาเท่านั้น ประชาชนกลุ่มต่างๆ ก็ไม่ได้สนใจติดตามข่าวใกล้ชิดแต่อย่างใด

ที่จริง พันธมิตรอยากยึดอะไรก็ยึดไป รัฐบาลและประชาชนคงทำอะไรไม่ได้ เพราะพันธมิตรมี "เส้น" และมี "แบ็คหนุนหลัง" ชั้นดี แต่ยิงสร้างความวุ่นวาย คนที่หนุนหลังและให้ท้ายม็อบพันธมิตร ก็ยิ่งเสื่อมเสียเกียรติยศและบารมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะประชาชนต่างๆ ในประเทศ รวมทั้งสื่อต่างประเทศ ต่างก็ทราบกันเป็นอย่างดีว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร สื่อไทยนั้นถึงแม้จะทราบ ก็แกล้งทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่ทราบ ซึ่งก็คงไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน

สงครามกวนเมืองครั้งนี้ของม็อบพันธมิตร แม้จะไม่สร้างผลเสียต่อฝ่ายประชาธิปไตยในการต่อสู้ทางการเมือง แต่ก็ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างใหญ่หลวง การยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จนเครื่องบินไม่สามารถขึ้นลงได้ และทหารตำรวจก็ไม่กล้าปราบหรือจัดการแต่อย่างใด ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์และความเชื่อมั่นของ “รัฐไทย” ต่อสายตาต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผลก็คือทำให้ “รัฐไทย” กลายสภาพเป็นเป็ดง่อย ที่ไม่มีฝ่ายใดสามารถทำอะไรได้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะตามมาอย่างรุนแรง และคนไทยทุกคนก็จะเป็นผู้เสีย


แต่ผู้มีบารมีที่อยู่เบื้องหลังม็อบ พธม. เป็นเจ้าของม็อบ พธม. ตัวจริง อย่าได้คิดง่ายๆ ว่า ประชาชนจะหันไปโทษรัฐบาลและต่อต้านรัฐบาลที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้ แต่ประชาชนจะยิ่งตาสว่างมากขึ้นว่า “รัฐบาลกำลังเจออะไร” ที่ทำให้ไม่สามารถจัดการได้ คนก็เห็นใจรัฐบาล และโยนความผิดและบาปทั้งหมดไปยัง “เจ้าของม็อบ” มากกว่าจะโทษรัฐบาล สุดท้ายก็ล้มรัฐบาลไม่ได้อยู่ดี

ทหารก็ไม่กล้าทำรัฐประหาร และถึงแม้จะกล้าทำก็ไม่มีใครกลัว และ “คนเสื้อแดง” ทั้งหลายที่จุดติดแล้วทั่วประเทศ ก็พร้อมที่จะออกมาสู้กับทหารทันทีหากมีการทำรัฐประหาร

เมื่อทหารทำรัฐประหารไม่ได้ การเคลื่อนไหวของม็อบพันธมิตร ก็ไม่มีผลแต่อย่างใดทั้งสิ้น ก็เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา เช่นการยึดทำเนียบ หรือการก่อจลาจลในวันที่ 7 ตุลาคม เป็นต้น

การทำสงครามที่ไร้ประโยชน์ และไม่มีจุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์ว่าจะมุ่งไปสู่อะไร ก็มีสภาพไม่ต่างจากกองทัพโง่ๆ มีแม้ทัพโง่ๆ ที่สนุกสนานกับการก่อความวุ่นวายเท่านั้น

สำหรับ “คนเสื้อแดงทั้งหลายนั้น ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดทั้งสิ้นที่จะไปปะทะกับม็อบพันธมิตร เพราะหากเราจะพูดเปรียบเปรยอย่างหยาบๆ แล้ว ม็อบพันธมิตร เปรียบเสมือนควายที่เจ้าของปล่อยไปกินข้าวในนาของชาวบ้าน ซึ่งเราก็รู้ว่า ควายที่กำลังกินข้าวของชาวบ้านอยู่นี้เป็นควายของใคร ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปไล่ตีกับควาย แต่เราควรระวังเจ้าของควายมากกว่า ว่าจะมาไม้ไหนอีก

สู้เราออมกำลังเอาไว้รบกับเจ้าของควายดีกว่า หากเขาจะส่ง เด็กเลี้ยงควาย มายึดไร่ยึดนาเรา


จาก thaifreenews