ที่มา เดลินิวส์
ปธ.วุฒิฯแนะ รบ.ตรวจสอบควรให้ชะลอ!
"เสี่ยจิ้น"แจงเหตุ"รถเมล์ฉาว"ชวดเข้า ครม.สัปดาห์นี้ ประชด"มาร์ค"งานรัดตัวไม่มีเวลาศึกษารายละเอียด ลั่นไม่ถอยโครงการแน่ ขณะที่"เทพเทือก"ปัดแตกหัก"ภูมิใจไทย"พร้อมเป็นมือประสานจนถึงทางตัน ยัน “มาร์ค” จุดยืนชัดไม่ร่วมทางโคตรโกง ประสานเสียงนายกฯ จุดกระแสปราบคอร์รัปชั่น-เชือดค้ายา-ดับไฟใต้ นัดถก รมต.ค่ายพระแม่ธรณีสางปัญหา ฟาก “ปู่สุข” จับตาบุฟเฟ่ต์คาบิเนต “ส.ว.ลากตั้ง” หนุนยกรถเมล์เช่าให้ “กทม.” ดูแล ด้าน “เพื่อไทย” ลงพื้นที่หาข้อมูลทุจริตวันพรุ่งนี้ เตือนรถเมล์เอ็นจีวีระเบิดทำ ครม. เดี้ยงทั้งคณะ แถมเสี้ยม “ภท.” ผวาตาอยู่ “กทม.” ฮุบรถเมล์ฉาว ส่วน “มาร์ค” วอนทุนกิมจิอย่าทิ้ง อาเซียน
“มาร์ค” อ้อน ส.ส.-ส.ว. ผ่านงบ
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ว่า วันที่ 3 มิ.ย. นี้ ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยว่าการตราพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีคำวินิจฉัยว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็จะเร่งนำ พ.ร.ก. ดังกล่าวไปขอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลตั้งใจจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญตั้งแต่วันที่ 15-23 มิ.ย. เพื่อนำ พ.ร.ก.ดังกล่าว รวมทั้งร่าง พ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เสนอเข้าสู่สภา ทั้งนี้อยากจะขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบในส่วนนี้ คิดว่าจะให้จบในช่วงสมัยวิสามัญ และเริ่มต้นใช้งบตามปกติ คือ วันที่ 1 ต.ค. นี้
โว 2 ยักษ์ยานยนต์เล็งลงทุนเพิ่ม
“ผมมั่นใจถ้าเดินตามแนวนี้ แล้วเราได้คัดเลือกโครงการซึ่งมีความพร้อมในการดำเนินการเร็ว สำคัญที่สุดคือมากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน 1.5-2 ล้านคนในช่วง 3 ปีข้างหน้า เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการ ถ้าทำอย่างนี้ได้ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น การจัดเก็บรายได้ของรัฐจะเพิ่มขึ้นโดยปริยาย และวันนั้นจะมีเงินที่ย้อนกลับไปชำระหนี้ตรงนี้ได้ ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงในเรื่องของเสถียรภาพหรือความมั่นคงของเศรษฐกิจ” นายอภิสิทธิ์ ระบุ
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา อุตสาหกรรมยานยนต์ 2 บริษัท ทั้งจีเอ็มและฟอร์ดกำลังพิจารณาแผนขยายการลงทุน ในประเทศไทย แสดงว่าบริษัทดังกล่าวมองเห็นศักยภาพของไทย แม้แต่เรื่องการท่องเที่ยวรัฐบาลก็จะสนับสนุนเรื่องนี้ และจะมีนักกีฬา บุคคล สำคัญต่าง ๆ เดินทางมาประเทศไทย เช่น แชมป์โลกแมนนี ปาเกียว ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่น เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ยันพรรคร่วมไม่คว่ำ พ.ร.ก. กู้เงิน
ต่อข้อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่อง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านและเมื่อนำเข้าสู่สภาจะผ่านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังมีความต้องการที่จะทำงานด้วยกัน จึงเป็นเรื่องที่ทุกพรรคต้องไปทำความเข้าใจกับสมาชิกและวิปจะต้องทำงานหนัก ตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคแกนนำก็คงจะต้องทำความเข้าใจ ใครติดใจก็มาสอบถามกัน
“พ.ร.ก.ผ่านสภาก็เข้าวุฒิสภา แต่ว่าอันนี้ให้ความเห็นชอบอย่างเดียว ไม่มีวาระ 2-3 ถ้าเป็นไปตามปฏิทินนี้ 22-23 มิ.ย. ถือว่าผ่าน กระทรวงการคลังตั้งใจว่า เงินที่จะต้องเอาเข้ามาประมาณเดือน ส.ค. ไม่เกิน 2 แสนล้านมาเสริมฐานะการคลัง อีก 2 แสนล้านจะมีโครงการ ผมได้ให้สำนักงบประมาณ สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปคุยกับกระทรวงการคลังและกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้เอาแผนการใช้เงินให้สภาดูด้วย ส่วน พ.ร.บ.อีก 4 แสนล้านเพียงรับหลักการ รายละเอียดต่าง ๆ จะไปแปรก็ว่ากันไป” นายกฯ อธิบายขั้นตอนในสภา
ทุกโครงการยึดประโยชน์ “ปชช.”
ส่วนที่พูดว่ามีรอยร้าวในรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างมีแน่นอน เป็นเรื่องของมาตรการการทำงาน แต่ต้องพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล สำคัญที่สุดคือต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นข้อยุติ ตนเชื่อมั่นว่าเราล้วนแล้วแต่เป็นนักการเมือง จะพรรคเดียวกันหรือคนละพรรคก็ตาม สุดท้ายถ้าหากว่ายึดประโยชน์ประชาชน ทุกคนก็พอใจ แต่ถ้าเราไม่ยึดประโยชน์ประชาชน ถึงเราตกลงกันเองได้ แต่วันข้างหน้าก็ไปไม่ได้ ถ้าถามประชาชนทุกครั้ง ว่าไม่ชอบอะไรที่สุดในเรื่องการเมือง มี 2 เรื่อง ติดอันดับตลอด คือ ความขัดแย้ง กับการทุจริต เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่าเวลามีความคิดเห็นที่แตกต่างก็เห็นการรายงานของสื่อจะเน้นอยู่ตรงนี้ แต่จริง ๆ แล้วอยากให้เน้นว่า รัฐบาลกำลังเอาเนื้องานมาพูดกัน
ขู่เชือด “ทุจริต-ยาเสพติด-โจรใต้”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 มีการสะท้อนความคิดเห็นผ่านโพล ต่าง ๆ นานา ล่าสุดมีการพูดถึงความพึงพอใจ ในการทำงานของรัฐบาลในหลายแง่มุม ตนรับฟังเสียงที่สะท้อนออกมาจากประชาชนและขณะนี้ มีอยู่ 3 เรื่องที่ต้องเร่งรัดปรับปรุง คือ 1.การแก้ไขปัญหายาเสพติด ประชาชนหลายพื้นที่ร้องเข้ามาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง หลังจากที่ตน เดินทางกลับจากเกาหลีแล้วจะมาติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ
2.ปัญหาภาคใต้ แม้ความถี่ของเหตุ การณ์อาจจะลดลง แต่สถานการณ์โดยรวมยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ตนในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ได้ปรับโครงสร้างกำลังต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปจะไปดูเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยต่าง ๆ และ 3.การทุจริตคอร์รัปชั่นในแวดวงของรัฐบาลและราชการ ถ้าประชาชนมีเบาะแสสามารถร้องเรียนมาที่ตนหรือร้องมาที่รัฐบาล ขอยืนยันว่าจะดูแลเอาใจใส่คำร้องเรียนเหล่านี้อย่างจริงจัง ให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ให้เกิดความโปร่งใส
“เทือก”นัด รมต.“ปชป.”หารือ
วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้นัดรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงที่ห้องอาหารจีนภายในโรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ โดยมีบรรดารัฐมนตรีของพรรคทั้ง 15 คน ทยอยเดินทางมาร่วมงานนี้อย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ นาย กษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ นายธีระ สลักเพชร รมว. วัฒนธรรม นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น และมีรายงานว่าค่าอาหารเบ็ดเสร็จรวม 21,000 บาท
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า การนัดรัฐมนตรีของพรรคมารับประทานอาหารได้ถือโอกาสแจ้งให้รัฐมนตรีของพรรคทราบถึงเรื่องความมั่นคงของประเทศที่ตนรับผิดชอบอยู่ เพราะมีความหนักใจในบางเรื่องบางประเด็น ขณะเดียวกันได้รับฟังปัญหาและความหนักใจของรัฐมนตรีที่ทำงานมา 4-5 เดือน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมถึงให้ทันเวลาและสถานการณ์
ปูดบ้านเมืองแตกแยกทุกวงการ
รองนายกฯ กล่าวยืนยันว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีบางคนไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนเป็นเรื่องธรรมดา เห็นใจรัฐมนตรีบางคน เพราะงานที่รับผิดชอบไม่รู้จะ ประชาสัมพันธ์อย่างไร แต่ตนดีใจที่รัฐมนตรีหลายคนที่อยู่ในลำดับสูงกว่าตน เพราะขนาดตนพบสื่อทุกวัน ผลการประเมินยังสอบได้ที่โหล่
“เรื่องที่พูดกันวันนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของส่วนรวมว่าทำอย่างไรจึงจะให้ประเทศ อยู่รอดได้ และให้ประชาธิปไตยไปในแนวทางที่ถูกต้องและสมควรจะเป็น ไม่ใช่มาคุยเรื่องของผม เรื่องของผม ผมแก้ปัญหาเองได้ ความจริงเรื่องของผมมีอะไรที่ลึกลับกว่านั้นอีก แต่ผมไม่ประสงค์จะพูด ผมจะปฏิบัติไปตามกฎเกณฑ์กติกา เชื่อว่าในวันหลัง ๆ สื่อและประชาชนจะทราบเอง” นายสุเทพ กล่าวและว่า ตอนนี้มีคนพยายามทำให้บ้านเมืองแตกแยกรุนแรงมากในทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนกังวลใจ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็อยากจะทำให้บ้านเมืองมั่นคงจริง ๆ อะไรจะเกิดขึ้นกับตนได้ทั้งนั้น
อ้าง “มาร์ค” ไม่ให้ รมต. โกงกิน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงข่าวความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องโครงการขนาดใหญ่ว่า จุดยืนของรัฐบาลนี้ ถ้าประชาชนและสื่อมวลชนเห็นว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือทำผิดกฎหมาย ขอให้ส่งมาที่นายกฯ โดยตรง ตนรับรองว่านายกฯ จะดำเนินการและจะจัดการทันทีโดยไม่คำนึงว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรค ร่วมรัฐบาลอื่น เพราะเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เนื่องจากรู้ดีว่าประชาชนคาดหวังกับนายกฯ มาก แต่ถ้าไปจินตนาการเอาเองว่าจะเกิดเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้แล้วมาชวนให้เราทะเลาะกันก็คงไม่ถูกต้อง
เมื่อถามว่า โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คันจนถึงตอนนี้ยังไม่ถือว่ามีปัญหาใช่ หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากพูดตรงนี้ แต่อยากบอกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการนำเงินของรัฐบาลหรือเงินภาษีประชาชนไปใช้แม้แต่บาทเดียว ตนไปเจรจากับพรรคภูมิใจไทยว่าต้องให้รถเมล์จำนวนนี้ผลิตในประเทศเกินครึ่ง ในที่สุดก็แก้เป็นผลิตในประเทศร้อยละ 70 ส่วนเรื่องราคาเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันใน ครม.ว่าจะอนุมัติหรือไม่
อ้ำอึ้งคำถามแตกหัก“ภูมิใจไทย”
เมื่อถามต่อว่า ให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่าโครงการนี้จะไม่มีการเกี้ยเซี๊ยะกันในทางการเมือง เพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ให้เอาบ้านเมืองเป็นหลักดีกว่า รัฐบาล จะอยู่หรือไปนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้ บ้านเมืองอยู่ได้ก็แล้วกัน ต่อข้อถามว่า โครงการนี้จะกลายเป็นจุดแตกหักในการทำงานร่วมกัน หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพยายามแก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ ถ้าแก้ไม่ได้ก็จนปัญญา เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันหรือไม่ว่าจะยอมแตกหักกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน รองนายกฯ กล่าวว่า ตนคงไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์ มัน ๆ อย่างนั้น และจะไม่พูดเรื่องแตกหักกับใคร เพราะเป็นผู้ประสานงาน แต่สิ่งที่ตนจะทำคือทำให้รัฐบาลยืนหยัดอยู่ได้และแก้ปัญหาบ้านเมือง เพราะปัญหาใหญ่คือความมั่นคงของบ้านเมือง
แจงฝุ่นจางจะเข้าใจคดีน้องชาย
ส่วนรัฐบาลจะสามารถทำงานไปได้นานแค่ไหนนั้น รองนายกฯ กล่าวเลี่ยงว่า ตนพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน และไม่ห่วงเรื่องที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปต้อนรับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และการที่ตนทำใจได้และรู้สึกสบายใจ เพราะตั้งใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และพยายามมองโลกในแง่ดี
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้ ลาออกจากทุกตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนคดีการทุจริตเลือกตั้งนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี โดย กล่าวเพียงว่า “ขอให้ติดตามเรื่องนี้ไป 2-3 วัน จะเข้าใจอะไรมากขึ้น ผมไม่ขอพูดอะไรเกี่ยว กับศาล”
แนะ รมต.อ่อนหัดปรับปรุงตัว
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า นายสุเทพ ได้พูดกับรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ใครที่รู้ตัวว่าเป็นจุดอ่อนก็ขอให้ปรับปรุงตัว และต้องเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบ ใครที่ลงพื้นที่อยู่แล้วก็ขอให้ทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง และขอให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานในทิศทางเดียวกัน ขอให้ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ติดตามสถานการณ์ เพราะฝ่ายตรงข้ามพยายามทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะช่วง 8 ปีที่ผ่านมาได้ใจข้าราชการไว้จำนวนมาก
ข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ ยังได้เล่าถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว และบอกว่า ทุกกระทรวงจะต้องมาทำแผนร่วมกันในการดูแลปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ให้ลดความรุนแรงลงให้ได้ภายใน 3 ปี โดยรัฐบาลจะทุ่มงบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ลงไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
หวั่นนายทุนพรรคไม่สบายใจ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต. สำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางส่วนยังไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันภายในพรรค เชื่อว่าวัฒนธรรมของพรรค ทุกคนเป็นพี่น้องกันจะพูดคุยกันได้ เพราะข่าวที่เกิดขึ้นอาจทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเกิดความไม่สบายใจ เกรงจะมีปัญหาถึงขั้นกระทบเสถียรภาพรัฐบาล นายเฉลิมชัย ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นคนที่กระตือรือร้นในการนำปัญหาประชาชนมาสะท้อนให้พรรคฟัง ดังนั้นการเคลื่อนไหวหรือการให้สัมภาษณ์จึงอาจเป็นที่สนใจ แต่ไม่มีอะไร ใครมาเป็นรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ต้องรับให้ได้
ส่วนที่ ส.ส.บางคนระบุว่าถ้ารัฐมนตรีไม่ปรับปรุงตัวหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจไม่โหวตให้นั้น รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า ก็ดีที่มีการตรวจสอบกันเองในพรรค รัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทั้งต่อประชาชนและต่อพรรค แต่อย่าทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีการต่อรองอะไรหรือไม่ อย่าลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 62 ปี ตอนเหตุ 10 มกราคม ยังอยู่ในใจทุกคน เพราะเราเจ็บปวดและแพ้เกือบทั้งประเทศ
ขวิด“ภท.”อย่าล็อกสเปกรถเมล์
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากฝากข้อเสนอไปยังรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยที่เป็นเจ้าของโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันว่าต้องทำความเข้าใจและชี้แจงกับสังคมให้ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าวมีความสำคัญต่อประชาชนอย่างไร และตนเชื่อว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ เพราะเป็นบริการสาธารณะที่เป็นทางเลือกให้กับประชาชน ที่มีรายได้น้อย
ส่วนค่าเช่าที่ลดจาก 1 แสนล้านบาทเหลือ 6.7 หมื่นล้านบาทนั้น นายสาธิต กล่าวว่า นายกฯ พยายามตรวจสอบเรื่องงบประมาณค่าเช่า รวมถึงค่าซ่อมว่าแพงกว่าปกติหรือไม่ ดังนั้นอยากให้สังคมและสื่อมวลชนติดตามข้อมูล 2 เรื่อง คือ 1.โครงการนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ และ 2.มีหลักฐานว่าฝ่ายใดจะแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ และที่สำคัญคือเจ้าของโครงการต้องสามารถตอบให้ได้ว่าไม่มีการล็อกสเปกเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาประกวดราคา
เย้ย “ทรท.” จัดเช็งเม้งการเมือง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมครบรอบการยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า มีผู้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาร่วมงานหลายคน และพูดถึงประเด็นทางการเมือง ซึ่งตนเรียกว่าเป็นงานเช็งเม้งทางการเมือง เพราะผู้ถูกตัดสิทธิเหล่านี้มาร่วมรำลึกถึงวีรกรรมของตัวเอง ที่ทำผิดกฎหมาย และพยายามใส่ร้ายรัฐธรรมนูญ ปี 2550 เพื่อให้สังคมเห็นว่าเป็นอุปสรรคและเงื่อนไขที่ขัดขวางให้คนเหล่านี้เข้าสู่การเมืองได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ตนคิดว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 ได้พัฒนา และอุดช่องว่างของรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยผ่านประชามติของประชาชน การที่คนเหล่านี้จะ วิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญอย่างสาดเสียเทเสียนั้น ก็อยากให้ไปดูเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนซึ่งเป็นที่มาของการยอมรับรัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วย
“เสี่ยจิ้น” ใส่เกียร์ถอยรถเมล์ฉาว
ขณะเดียวกัน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ระบุว่าในการประชุม ครม. วันที่ 3 มิ.ย. นี้จะยังไม่มีการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน มูลค่า 6.7 หมื่นล้านบาทว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด เห็นจากข่าวในหนังสือพิมพ์เท่านั้น แต่นายกฯ อาจไม่ได้รับความกระจ่าง จึงต้องศึกษามากกว่านี้ โครงการจะไม่ถอน แต่อาจต้องเลื่อนไปบ้าง เพราะวัน ๆ ไม่ได้ทำงานนี้งานเดียว ท่านมีงานร้อยแปด จึงอาจยังไม่ได้ศึกษา และท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาลต้องตอบทุกปัญหาให้ประชาชนกระจ่างชัดว่าทุกอย่างโปร่งใสพิสูจน์ได้ เมื่อถามว่าโครงการนี้จะเป็นปัญหาในการร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบว่า ได้อธิบายไปแล้วเมื่อครู่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะนายกฯ ต้องการศึกษารายละเอียด
ทำมึน “ตีท้ายครัว” ดูดข้ามค่าย
ต่อข้อถามว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงาน รมว.มหาดไทย พยายามตีท้ายครัวพรรคประชาธิปัตย์เพื่อดึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นายชวรัตน์ หัวเราะก่อนตอบว่า “คำว่าตีท้ายครัว ผมไม่เข้าใจ” แต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้แทนทุกคนมีวุฒิภาวะดี มีความคิด สติที่ดี เขาตัดสินใจดี พรรคเหมือนบริษัท ใครมีความต้องการมาสมัครก็ได้ หากได้คนดีมา เป็นลูกพรรคเพื่อให้พรรคเจริญเติบโต ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่เดียว ทุกพรรคก็เหมือนกัน แต่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคใหม่ต้องการสมาชิกมากกว่าพรรคเก่า
ส่วนที่มีข่าวจะพา ส.ส.พรรคภูมิใจไทยไปเที่ยวเมืองนอกนั้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่า ดำริไว้อย่างนั้น ถ้าไปก็เป็นช่วงปิดสภาสมัยวิสามัญ กำลังพิจารณาว่าจะไปประเทศใด ไม่แน่ใจว่าจะเป็นยุโรปหรือไม่ ซึ่งการไปครั้งนี้ไม่ได้โชว์ศักยภาพหรือท่อน้ำเลี้ยงให้ ส.ส.พรรคอื่นเห็นและย้ายมาเข้าพรรคภูมิใจไทย เพราะ ส.ส.ออกเงินกันเอง ส่วนพรรคจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้
เปรียบ“ครม.”เหมือนลิ้นกับฟัน
เมื่อถามถึงโครงการที่จะให้เกษตรกร เช่าที่ดินไร่ละ 10 บาทของนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กำลัง รอให้นายถาวรมาชี้แจง หลักการโครงการนี้ดี แต่เป้าหมายอยากทราบว่าเป็นคนจนจริงหรือไม่ ต้องไม่ใช่นายทุนหรือนักฉวยโอกาส เพราะมันถูกเหลือเกินไร่ละ 10 บาทต่อปี เพราะหากไม่โปร่งใสอาจจะซ้ำรอยกรณี ส.ป.ก.4-01 และตนไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นเรื่องเสียหายทั้ง 2 ด้าน คือ ประเทศชาติ และผู้ผลักดัน อย่างไรก็ตามหากโครงการนี้ดีก็พร้อมผลักดัน เมื่อถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้เพราะเป็นการแก้แค้นหลังถูกขวางเรื่องรถเมล์ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ความคิดเช่นนี้เลิกคิดไปได้เลย ไม่มีในหัวสมองเลย เพราะไม่ดีต่อประเทศชาติ ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ทำงานก็เหมือนกับสามีภรรยา เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกันบ้าง
“พท.”เตือน ครม. จะตายยกชุด
ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ขอความร่วมมือให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทว่า รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 184 ระบุว่ารัฐบาลจะออก พ.ร.ก. ต้องเป็นกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน แต่กรณีนี้รัฐบาลพยายามจะขอกู้เงิน เพื่อปิดหีบงบประมาณให้ได้ และไม่ถือเป็นเรื่อง เร่งด่วน พรรคเพื่อไทยจึงต้องยื่นเรื่องต่อศาล รัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย พ.ร.ก.ดังกล่าว ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยื่นเรื่องคัดค้าน หากเกิดความเสียหายขึ้นไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในขณะ นี้พบว่ามีหลายโครงการของรัฐบาลที่กำลังประสบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดประมูลข้าว ข้าวโพด และสินค้าเกษตรหลายพันล้านของ กระทรวงพาณิชย์ โครงการเรียนฟรี โครงการแจกเช็ค 2 พันบาทซึ่งถือเป็นซื้อฐานเสียงให้ตัวเอง หรือโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ประเด็นนี้ทาง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และส.ก.บางส่วน เตรียมลงพื้นที่วันที่ 2 มิ.ย. เพื่อตรวจสอบหาข้อมูลและข้อเท็จจริงว่ามีลับลมคมในหรือไม่ ทั้งนี้อยากฝากเตือนว่ารถเมล์เอ็นจีวีอาจระเบิดและทำให้ ครม. ตายทั้งคณะในเร็ว ๆ นี้
เชื่อ “กทม.”เป็นตาอยู่ได้รถเมล์
“อยากให้จับตามองกรณีนี้ว่า อาจจะเข้าสุภาษิตตาอินกับตานา ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคภูมิใจไทยที่กำลังขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายผลประโยชน์ทั้งหมดอาจจะตกไปอยู่กับตาอยู่ อย่าง กทม. ที่จะเข้ามาดูแลโครงการนี้แทน” นายพร้อมพงศ์ ระบุ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับ ครม. ให้นายศุภชัย โพธิ์สุ เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า ขัดกับคำพูดของนายกฯ ที่กล่าวสมัยที่เป็นฝ่ายค้านว่าการตั้งรัฐมนตรีควรตั้งบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงาน แต่การปรับ ครม. ครั้งนี้เป็นการสมยอมและหลิ่วตาให้พรรคร่วม เพื่อไม่ให้เกิดรอยร้าว และขอตั้งข้อสังเกตว่านายศุภชัยมีประสบการณ์ทางด้านวิชาชีพครู แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานทางด้านเกษตร ส่วนที่นายกฯ อ้างว่าจีเอ็มและฟอร์ดเตรียมที่จะมาลงทุนในไทยนั้น ข้อเท็จจริงคือบริษัทจีเอ็มกำลังมีปัญหาทางการเงินและต้องขึ้นศาลล้มละลายฟังคำตัดสินในวันที่ 1 มิ.ย. นี้ ไม่ทราบว่านายกฯ ไปนำข้อมูลมาจากไหนว่า จะมีบริษัทที่กำลังจะล้มละลายเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ซัด “มาร์ค” เล่นบท 2 มาตรฐาน
อีกเรื่องหนึ่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่ลาออกจากตำแหน่งหลังจากศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษายืน ตามมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ให้ใบเหลืองนายธานี เทือกสุบรรณ นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี และให้ดำเนินคดีอาญานายสุเทพ ว่า อยากถามถึงมาตรฐานของนายกฯ ที่ไม่ยอมดำเนินการใด ๆ เนื่องจากกลัวว่าหากผู้จัดการรัฐบาลไม่อยู่ในตำแหน่ง ตัวนายกฯ ก็อาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งไปด้วย นอกจากนี้นายสุเทพเป็นรองนายกฯ ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่จะให้ตำรวจที่ถือเป็นลูกน้องมาสอบปากคำเจ้านาย แล้ว ใครจะกล้าสอบ เหมือนกรณีปลากระป๋องเน่าที่ให้ข้าราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาสอบสวนรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง
“นายกฯ กำลังปฏิบัติ 2 มาตรฐาน อีกทั้งกำลังพยายามสร้างภาพให้ดูดี แต่ปฏิบัติไม่ชอบ การที่พวกพ้องของตัวเองทำผิด นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่าต้องต่อสู้ถึง 3 ศาล แต่กรณีที่ฝ่าย ตรงข้ามทำผิดกลับรีบส่งเรื่องให้ถึงศาลโดยเร็ว จึงอยากฝากไปถึงนายกฯ ว่าอย่าทำตัวเหมือนคุณชายสะอาด หากเป็นเช่นนี้ต่อไปปากอาจจะพาจน เหมือนกับการแกว่งปากหาเรื่อง” โฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าว
แก้ รธน. เสร็จค่อยเลือกหน.ใหม่
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงการประชุมสรรหาและเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ว่า วันนี้ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติรอให้คณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสนอเรื่องก่อนว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้ามีความชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคก็จะรอให้ดำเนินการเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นถึงจะมีการประชุมสรรหาหัวหน้าพรรคอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดในขณะนี้มาจากรัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากเนื้อหาส่วนใหญ่มีการสกัดกั้นไม่ให้พรรคการเมืองเติบโต ทำให้คนดีไม่กล้าที่จะเข้ามารับใช้บ้านเมือง
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สกลนคร เขต 3 แทนนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล ว่า พรรคมีมติส่งนางอนุรักษ์ บุญศล ภรรยาของนายพงษ์ศักดิ์ลงสมัคร โดย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงระหว่างวันที่ 3-8 มิ.ย. นี้ด้วย และพรรคหวังที่ได้ ส.ส. กลับคืนมาเช่นเดิม ถึงแม้พรรคภูมิใจไทยจะส่งคณะใหญ่ลงพื้นที่เพื่อหวังตีฐานที่มั่นในจังหวัดนี้ ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 พรรคมีมติส่งนายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง
“ปู่สุข”จับตาบุฟเฟ่ต์คาร์บิเนต
ที่รัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการเดินหน้าผลักดันโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันของพรรคภูมิใจไทยว่า รัฐบาลกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด โครงการนี้คงชะลอไว้ก่อน ซึ่งเป็นอำนาจของนายกฯที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน คิดว่าคงไม่มีปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะโครงการไหนดีก็ได้หน้ากันทั้งหมด แต่ถ้าโครงการไหนเกิดผลกระทบก็เสียทั้ง ครม. และโครงการนี้เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งรัฐบาล ไม่ใช่กระทรวง ใดกระทรวงหนึ่ง สำหรับตนยังไม่ได้ศึกษารายละเอียด แต่ก็มีข้อสงสัยเหมือนหลายคน เช่น ทำไมต้องเช่า ทำไมแพง ทำไมดอกเบี้ยสูง หาก ครม. จะอนุมัติโครงการนี้ต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านเคยเรียกร้องเรื่องนี้แต่ขณะนี้เหมือนกับจะจำยอม ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น ถึงจะเป็นพรรคเดียวกันหากมีเรื่องทุจริตก็ต้องคัดค้าน เพราะจะโดนไปด้วยกันและจะถูกฟ้องทั้ง ครม. เมื่อถามต่อว่า จะเหมือน บุฟเฟ่ต์คาร์บิเนต นายประสพสุข กล่าวว่า ต้องติดตาม
ลากตั้งหยันคนบุรีรัมย์ไม่รู้จริง
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า นายกฯ ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อย่าคิดแต่เพียงผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถ้าคิดถึงประชาชน แล้วหากยุบสภา หรือลาออก นายอภิสิทธิ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ และอยู่ยาว แต่ถ้าหากเลือกผลประโยชน์ของพรรคร่วม เลือกตั้งครั้งต่อไปอาจจะไม่ได้กลับเข้ามา เพราะจะโดนตราหน้าว่าเป็นรัฐบาลโกง ตนคิดว่าถ้านายกฯ ยังยึดหลักกฎเหล็ก 9 ข้อก็ต้องโอนเรื่องรถเมล์ 4 พันคันไปให้ กทม. ดูแล เพราะเป็นเรื่องของมหานคร จะให้คนบุรีรัมย์มาแก้ปัญหาของ กทม. ได้อย่างไร เพราะขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้
“ผมคิดว่าน่าจะโอนมาให้ กทม. จัด การ เพราะ กทม. เป็นผู้ที่ดูแลการจราจรทั้งหมด น่าจะเข้าใจคนกรุงเทพฯ ดีกว่า และ กทม. ก็มีเงินของตัวเองอยู่แล้ว และถ้าเอารถเช่ามาก็ไม่ควรถึง 4 พันคัน แค่ 1 พันคันก็พอ อาจใช้เงินแค่ 1 พันล้าน เพราะเชื่อว่าผู้ว่าฯ กทม. จะไม่ทุจริตแน่นอน เนื่องจากต้องเอาใจประชาชน” ส.ว.สรรหา ระบุพร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้อยู่ข้างพรรคประชาธิปัตย์ แต่ ส.ว. 150 คนก็มีแนวคิดเช่นเดียวกัน
“มาร์ค”จี้รับมือ ศก.-หวัดมรณะ
สำหรับภารกิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และคณะในการเข้าร่วมประชุม สุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-2 มิ.ย. ที่เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี นายอภิสิทธิ์ พร้อมคณะได้เดินทางด้วยเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเจจูในเวลา 23.55 น. วันที่ 30 พ.ค. โดยมีนายมุน ฮา ยอง เอกอัครราชทูตประจำจังหวัดเจจู ในฐานะผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี ให้การต้อนรับ
ต่อมาวันที่ 31 พ.ค. เวลา 14.00 น. นายอภิสิทธิ์ เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีผู้แทนนักธุรกิจในภูมิภาค ประมาณ 400 คนเข้าร่วม นายกฯ กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และความร่วมมือ เพื่อความรุ่งเรืองของเอเชียร่วมกัน” ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ท้าทายเร่งด่วนของเราขณะนี้คือ ทำอย่างไรที่จะสามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินโลก รวมทั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
วอนทุน“กิมจิ”อย่าทิ้งอาเซียน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การเผชิญหน้ากับความถดถอยทางเศรษฐกิจ มีความจำเป็นที่ภาครัฐและเอกชน ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล และอำนวยความสะดวก รวมทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเสรีแรงงานอาเซียนในปี 2558 ทั้งนี้เชื่อ ว่านักธุรกิจเกาหลีสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้าและการลงทุนในอาเซียนได้อีกมาก เพราะอาเซียนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจน้อยกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ กล่าวสุนทรพจน์จบได้เดินลงจากเวที พร้อมกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีพม่า ลาว และกัมพูชา เพื่อจับมือทักทายกับนักธุรกิจประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ด้วย
ทวิภาคี “ไทย-เกาหลีใต้” ชื่นมื่น
จากนั้นนายกฯ ได้หารือทวิภาคีกับนาย ลี มยอง บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี เป็นเวลา 30 นาที ต่อด้วยการนำผู้แทนภาคเอกชนของไทยพบปะกับผู้แทนเอกชนเกาหลี โดยนายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รับปากจะไปแก้ปัญหาอุปสรรคการส่งผักและผลไม้มา ยังเกาหลีใต้ให้ เพราะมีความรู้สึกที่ดีต่อไทย และคุ้นเคยกับอาหารและผลไม้ไทยอยู่แล้ว พร้อม กันนี้ได้เชิญเกาหลีไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งมวลชน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน และเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีให้มาไทย มีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการขยายเที่ยวบินด้วย และท่าทีของเกาหลีที่ออกมาก็เป็นบวก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ประธานาธิบดีเกาหลีขอบคุณที่ประเทศไทยออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งไทยในฐานะประธานอาเซียน ได้เสนอให้ใช้การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ในภูมิ ภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ในเดือน ก.ค. นี้ เป็นเวทีแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ดีภาคเอกชนเกาหลีไม่ได้ถามถึงปัญหาการเมืองไทย เพราะเวลานี้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว และคาดว่าจะสามารถจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนในเดือน ต.ค. นี้ได้
“มาร์ค” ชี้มีคนคิดปลุกม็อบอีก
ขณะเดียวกันภายหลังแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศนัดชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงอีกครั้งในวันที่ 27 มิ.ย.ที่ท้องสนามหลวง เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามของพิธีกรในระหว่างอัดเทปออกรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์” ถึงกรณีจะมีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวของม็อบในเดือน มิ.ย.นั้น ตนไม่ได้พูดว่าจะมีคนมาเผาบ้านเผาเมือง เพียงแต่บอกว่าการเคลื่อนไหว การชุมนุมทางการเมืองยังมีอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวการชุมนุมที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญทำได้ตลอดเวลา แต่ต้องไม่ให้มีเหมือนกับช่วงก่อนสงกรานต์อีก คือ การทำผิดกฎหมาย บังเอิญตนทราบว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังคิดจะทำแบบนั้นอยู่
ปชป.จวกเล่นเกมนอกสภา
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคมีความวิตกต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่อาจนำไปสู่ทางตันอีกครั้งหนึ่ง จึงอยากเรียกร้องไปยังกลุ่ม การเมืองและพรรคการเมืองที่ส่งสัญญาณเตรียมเล่นการเมืองนอกสภาอีกครั้ง ทั้งการพูดถึงความพร้อมในการไล่รัฐบาลนอกสภา การที่นายกฯได้แสดงความห่วงใยเพราะไม่อยากเห็นความขัดแย้งในบ้านเมือง ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อมูลของนายกฯ เป็นข้อมูลที่ได้รับการรายงานจากสำนักข่าว กรองคิดว่า เป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ถือเป็นเป้าหมายที่กลุ่ม คนเสื้อแดงต้องการจะล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ได้ โดย มีการประกาศแผนบันได 3 ขั้นไม่แน่ใจว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ผมขอเตือนให้ระวังว่าบันไดจะหักลง และคนเหล่านี้ที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดก็อาจจะตกหัวคะมำลงมาได้
วอนให้ยึดมั่นพระราชดำรัส
ขณะที่นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เปิดเผยว่า การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง วันที่ 27 มิ.ย. คงไม่ยืดเยื้อจึงไม่น่ามีปัญหา คิดว่าคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธาน จะเป็นจุดที่ระบายอะไรได้ ไม่ให้เกิดความรุนแรงอย่างเหตุการณ์ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะถือว่าเป็นความรุนแรงสูงสุดแล้วตอนนี้กำลังลดระดับลงมา ทุก คนต้องยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ “รู้รักสามัคคี” ความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่อย่าไปแตกแยกกัน
แกนนำเสื้อแดงเดินสายอีสาน
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองปลาเฒ่า อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ร.ต.ต. สมภาร อักษรเสรี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงชัยภูมิ พร้อมสมาชิกได้จัดงานฟรีคอนเสิร์ตพลังประชา ธิปไตย แดงทั้งแผ่นดิน นอกจากนี้ยังมีการจัด ตั้งศูนย์ประสานงานสภาประชาชนเพื่อประชาธิป ไตย จังหวัดชัยภูมิ โดยมีบรรดาแนวร่วมเสื้อแดงทั้งใน จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงาน รวมทั้งยังมีแกนนำ นปช. อาทิ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ และแกนนำเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานทยอยมาร่วมงานในช่วงหัวค่ำอย่างคึกคัก
โยน“โสภณ”แจงความโปร่งใส
ที่โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 84 ปีให้มารดาของนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กรณีโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. วันที่ 3 มิ.ย. นี้ว่า ไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ สื่อชอบมองเป็นความขัดแย้ง ทั้งที่จริงไม่มีอะไร เป็นแค่ความเห็นที่ไม่ตรงกันก็จูนให้ตรงกันก็เท่านั้น และถ้าในที่สุดแล้วพิสูจน์ได้ว่าโครง การนี้โปร่งใสก็ต้องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ซึ่งตนเห็นว่าควรให้นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ออกมาชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดต่อสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานเลี้ยงวันเกิดดังกล่าวมีแขกเหรื่อในวงการเมืองมาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ นอกจากนี้ยังมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ให้ตัวแทนนำกระเช้าผลไม้มาร่วมอวยพรด้วย
“รมต.ป้ายแดง”ยาหอมปลดหนี้
อีกด้านหนึ่ง ที่ จ.นครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเดินทางมาพบปะสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจากอำเภอต่าง ๆ ที่หอประชุมสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนครพนม โดยนายศุภชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ ของ รมช.เกษตรฯ ได้ เพราะยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ อย่างไรก็ตามพร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องอาชีพ ความเป็นอยู่ของเกษตรกร ทราบว่า ใน จ.นครพนม มีสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ กว่า 8 หมื่นคน แต่ที่ผ่านมาปัญหาเรื่องหนี้สินเกษตรกร กลับไม่ได้รับการแก้ไข มาวันนี้เป็นโอกาสดีที่ตนจะได้รับทราบปัญหา เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการทำงาน ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มทำงานการเมือง ตนเห็นว่าปัญหาของพี่น้องเกษตรกรเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องการแก้ไขมาตลอด.