ที่มา Thai E-News
ที่มา หนังสือพิมพ์ THAI RED NEWS ฉบับปฐมฤกษ์
5 มิถุนายน 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:หนังสือพิมพ์THAI RED NEWSฉบับปฐมฤกษ์ที่ออกเผยแพร่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2552นี้ โดยวางขายฉบับปฐมฤกษ์20,000 ฉบับ วางแผงทั่วประเทศแล้ว ด้วยร้านค้าทุกจังหวัดกว่า 400 แห่ง ร้านดอกหญ้า นายอินทร์ บีทูเอส และทุกห้างสรรพสินค้าประเดิมเล่มแรกด้วยหัวข้อข่าว " ปชป.ยื้อเวลา พาชาติล่ม " พร้อมด้วยกองทัพนักเขียนชื่อดังตบเท้าทุกหน้ากระดาษ อาทิเช่น อดิศร เพียงเกษ สุนัย จุลพงษ์ศธร นพ.เหวง โตจิราการ ประทีป อึ้งทรงธรรม วิบูลย์ แช่มชื่น สุวิทย์ เลิศไกรเมธี สุนิษา เลิศภควัต จักรภพ เพ็ญแข ฯลฯ
ในฉบับนี้สมยศ พฤกษาเกษมสุข บินลัดฟ้าด้วย TG 635 จับเข่าคุยกับจักรภพ เพ็ญแข กลับมานำเสนอบทสัมภาษณ์จากใจเบื้องลึกของการตัดสินใจสู่มิติใหม่ของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยจักรภพยังย่ำเท้า ร้องเพลงเดือนเพ็ญ จิบน้ำชา ดูสถานีประชาชน แจกลายเซ็นต์ เพราะเขาอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกของพวกเรานี่เอง ท่านใดหาซื้อไม่ได้ ประสงค์จะให้ไปวางจำหน่ายติดต่อ 02-9349388
ไทยอีนิวส์ขอนำเสนอซักเรื่องเป็นการเปิดตัวหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ นี่เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของจักรภพ เพ็ญแข แกนนำนปช.หัวเรื่อง“อีกสองเดือนค่อยกลัวเรา”
Q : อยากให้เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมา และตอนนี้ทำอะไร อยู่ที่ไหน? เหตุผลในการหลบไป และจะกลับมาไหม?
นั่งรถไปผมก็น้ำตาไหล และใจหาย..ผมเดินทางออกไปโดยใช้เวลาราว ๓๕ ชั่วโมง ผ่านด่านทหารรวม ๖ ด่าน ใช้ทั้งรถและเรือเป็นพาหนะ จึงถือว่าเข้าเขตพื้นที่ที่ปลอดภัย
A : ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๒ ผมได้หารือกับเพื่อนฝูงแกนนำเสื้อแดงว่า สภาพที่สื่อมวลชนไทยไม่ยอมเสนอข่าวสารอย่างเป็นกลางให้กับเราเลย เพราะเป็นเครือข่ายของระบอบเก่ามาจนไม่กล้าหือเขา เป็นเรื่องที่เสียหายต่อยุทธศาสตร์ของเรา ผมจึงต้องแหวกวงล้อมด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างชาติให้มากที่สุด ท่านคงจำได้ว่าในขณะนั้นเขาวาดภาพให้มวลชนผู้รักประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ใจ กลายเป็นผู้สร้างความวุ่นวายแบบอนาธิปไตย หากปล่อยไป เราอาจจะเสียการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนที่เป็นกลางและไม่รู้เรื่องจริง ผมจึงรีบเดินทางจากเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลไปยังอาคารมณียา ใกล้พระพรหมเอราวัณ เพราะสำนักข่าวต่างประเทศเกือบทั้งหมดเขาอยู่ที่นั่น ผมได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนต่างประเทศไม่ต่ำกว่า ๑๕ สำนักข่าว จนเขารู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร
ผมให้สัมภาษณ์เสร็จเกือบหกโมงเย็น จะกลับเข้าไปในที่ชุมนุม ปรากฏว่าเข้าไม่ได้แล้ว ทหารล้อมไว้แน่นหนา และมวลชนจัดตั้งที่มาแสดงละครว่าไม่พอใจคนเสื้อแดง แต่ความจริงเป็นกลุ่มคนติดอาวุธที่เตรียมจะเข้าทำร้ายประชาชนมือเปล่าที่ทำเนียบฯ ก็ฮือๆ อยู่ข้างหลังทหาร ผมจึงรีบเข้าไปยังที่ๆ ปลอดภัยเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระหว่างนั้นก็ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติทางโทรศัพท์อย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งตีสองของวันใหม่ จึงหลับงีบไปครู่หนึ่ง ตื่นขึ้นมารู้ว่าเขาจะเข้าปราบปรามอย่างนองเลือด ผมจึงประสานกับแกนนำบางคนว่า เมื่อผมเข้าไปไม่ได้ หากเข้าไปก็จะถูกจับโดยไม่จำเป็น ผมจึงออกเดินทางในทันที ไปตามเส้นทางที่พรรคพวกเราได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเมื่อเกิดสภาพฉุกเฉิน โดยมุ่งมั่นว่าหากเขาสลายการชุมนุมได้ พวกเราก็ยังจะยืนระยะต่อได้โดยผมจะเป็นแกนกลางประสานงานจากเขตนอกอำนาจของฝ่ายอำนาจเก่า
นั่งรถไปผมก็น้ำตาไหล และใจหาย รู้สึกเหมือนทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและต่อสู้ด้วยกันมา แต่ก็ต้องตัดใจว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียว การต่อสู้ของประชาชนเราจะต้องยิ่งใหญ่และยาวนาน จะเสียค่าโง่เดี๋ยวนี้และวันนี้ไม่ได้ จะเป็นการทรยศต่อประชาชนเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงเดินทางออกไปโดยใช้เวลาราว ๓๕ ชั่วโมง ผ่านด่านทหารรวม ๖ ด่าน ใช้ทั้งรถและเรือเป็นพาหนะ จึงถือว่าเข้าเขตพื้นที่ที่ปลอดภัย
ผมขอไม่เล่าเดี๋ยวนี้นะครับว่าผมอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าอยู่ในที่ปลอดภัย รับรู้ข่าวสารบ้านเมืองได้ตลอด และได้ตั้งศูนย์ทำงานขึ้นมาแล้วเรียบร้อย ติดต่อทั้งรัฐบาลต่างชาติและองค์การสหประชาชาติ และทำงานในเชิงสาระความรู้ที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการต่อสู้ของเรา เพราะวันนี้ยังมีผู้ที่ไม่สนับสนุนเราหรืออยู่ตรงข้ามกับเรา เพราะเขายังไม่รู้ความจริงทั้งหมด เขายังขาดข้อมูลและความเข้าใจ ซึ่งเราต้องช่วยให้เขาเข้าใจ ต่อไปพี่น้องเหล่านี้จะหันกลับมาช่วยเราเพื่อสู้กับศัตรูตัวจริงของระบอบประชาธิปไตยต่อไป
ฝ่ายอำนาจเก่ากำลังทุ่มเงินอย่างหนักเพื่อหลอกพวกเราว่า “หยุดทำร้ายประเทศไทย” บ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆ ที่เขาคือผู้ทำร้ายประเทศไทยจนย่อยยับมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ เมื่อตัวได้เปรียบก็จะชวนเลิก และปั่นหัวแกนนำของเราบางคนให้คิดคดทรยศต่อพวกเรากันเอง ว่าเล่นเกมเล็กๆ เถิด อย่าไปเล่นเกมใหญ่เลย อย่างที่ชวนให้เราทะเลาะกับรัฐบาลบ้าง พรรคประชาธิปัตย์บ้าง กลุ่มพันธมิตรฯ บ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องเปิดศึกกับศัตรูตัวจริง เรื่องอภิสิทธิ์อยู่ในรถหรือไม่ ใครฆ่าพลทหารอภินพ เป็นเรื่องสำคัญและน่าสนใจ แต่พวกเราบางคนไปนำกระแสมวลชนมาหมกมุ่นในเรื่องแบบนี้จนลืมหัวใจของเรื่อง ต้องระวัง จับแก่นให้ได้ อย่าสนุกแต่กับกระพี้
ถ้าผมอยู่ในเมืองไทย ก็คงอยู่ในคุก หรือเขาจัดการ “เก็บ” ไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องกลัวไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้ากลัวก็ไม่มาทำงานนี้จนบัดนี้ แต่เกรงว่าโอกาสของขบวนการประชาธิปไตยจะลดน้อยลงไป หากเราเดินเข้าไปติดกับของเขาอย่างโง่ๆ จึงขอทำงานจนแน่ใจในชาตินี้ว่า ประชาชนต้องไม่แพ้
Q : วางแผนในอนาคตไว้อย่างไร?
A : ผมกำลังพัฒนาหน่วยปฏิบัติการเพื่อประชาธิปไตยแท้จริงขึ้นมา มีผู้คนที่มีอุดมการณ์และความสามารถมาเข้าร่วมแล้วจำนวนหนึ่ง และจะเดินทางมาจากเมืองไทยและจากต่างประเทศอีกมาก รายละเอียดมีมาก แต่ผมจะเล่าไว้เพียงเท่านี้ก่อน ไม่นานหรอกครับท่านทั้งหลายก็คงจะรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าฝ่ายตรงข้ามเขาก็ย่อมจะได้รู้ไปด้วยในโอกาสนั้น
Q : กรณีคำให้สัมภาษณ์กับ BBC (talk of the town) ที่เป็นปัญหา
A : ผมให้สัมภาษณ์ BBC ไปว่า ขบวนการประชาชนถูกทำร้ายขนาดนี้ เขาก็ย่อมจะมีสิทธิ์หมดอาลัยในกระบวนการแก้ไขปัญหาตามปกติ และบางคนอาจคิดว่าต้องพัฒนากองกำลังขึ้นสู้ เหมือนในประเทศทั้งหลายที่เราเห็นตัวอย่างมานับไม่ถ้วน ผมไม่ได้พูดเลยว่าตัวเราเองจะกระทำเช่นนั้น คำว่า “ขบวนการประชาชน” มีความกว้างขวางและใหญ่โตกว่าตัวเรามากนัก ใครก็อ้างตัวเป็นประชาชนอยู่แต่คนเดียวหรือกลุ่มเดียวไม่ได้ เขาทั้งหลายเหล่านี้เมื่อถูกรังแกเหมือนไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เขาก็อาจลุกขึ้นสู้ ก็เท่านั้น แต่สื่อไทยที่มีวาระซ่อนเร้นในการทำลายฝ่ายประชาธิปไตยอยู่แล้ว ก็ช่วยกันขยายเรื่องจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ความจริงเป็นเพียงอาการวิตกจริตของคนที่นึกว่าต้องมีอำนาจไปจนตายคาที่เท่านั้น คนอื่นๆ เขาก็ฟังเป็นปกติดี
ปัญหาคือแกนนำของพวกเราบางคนเกิดไปบ้าจี้ตามเขา รีบให้สัมภาษณ์ลนลานเกินสมควรว่า ไม่ใช้หรอกความรุนแรง ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าคำให้สัมภาษณ์จริงๆ เป็นอย่างไร ก็ขอฝากให้ใจเย็น และคิดถึงประชาชนตัวจริงที่เขาไม่ต้องรอรับคำสั่งจากแกนนำ เขารู้สิทธิ์และหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยของเขาดี เราเองเสียอีกที่ต้องฟังและเดินตามประชาชน ไม่ใช่สนุกเพลิดเพลินกับการถือธงนำหน้าจนเผลอนึกว่าเขาเป็นลูกจ้างหรือสาวก อย่างนี้ไม่ได้
เรื่องก็มีเท่านั้นครับ ผมก็แปลกใจว่าเขากลัวเราถึงขนาดนี้เชียวหรือ คอยอีกสักสองเดือนก็แล้วกัน ค่อยมาคิดกลัวประชาชนในตอนนั้น จะมีเหตุผลกว่า
Q : สุขภาพเป็นอย่างไร?
A : ผมขอกราบขอบพระคุณพี่น้องประชาชนผู้รักกันยิ่งกว่าญาติที่อุตส่าห์ห่วงใย สุขภาพของผมดีเยี่ยมครับ ทำงานวันละ ๗-๘ ชั่วโมง และออกกำลังกายวันละอย่างน้อยที่สุดก็ชั่วโมงหนึ่ง เตะบอลบ้าง เล่นแบต มินตันบ้าง บางทีก็ชู๊ตบาส เรื่องพรรค์นี้ผมแทบไม่ได้แตะเลยตอนอยู่บ้านเรา นึกขอบคุณฝ่ายอำนาจเก่าเขาอยู่เหมือนกัน ผมแข็งแรงกว่าเก่าในตอนนี้ น่าจะอายุยืนกว่าคนที่ทำร้ายประชาชนมาหลายยุคสมัย
อีกอย่างก็โชคดีที่มีอาหารไทยกินครับ ตอนนี้มีอดีตตำรวจคนหนึ่งจากฝั่งไทยมาสมทบ คนนี้ฝีมือทำกับข้าวชั้นหนึ่ง ทำง่ายๆ แต่อร่อย ก็ยิ่งสบายขึ้นอีก
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเตรียมกาย ใจ และจิตวิญญาณให้พร้อม ที่ผ่านมาต้องถือเป็นเรื่องเด็กๆ ครับ ก้าวต่อๆ ไปจะมีความสำคัญมากต่อประวัติศาสตร์ชาติเรา โดยเฉพาะในการพัฒนาประชาธิปไตย
Q : เหตุการณ์ที่ผ่านมาให้บทเรียน หรือประสบการณ์อะไรบ้าง?
A : บทเรียนที่สำคัญที่สุดคือคนไทยถูกทำให้เชื่อว่าประชาชนโง่เขลา อ่อนแอ และต้องพึ่งผู้ใหญ่ที่มีอำนาจกว่า ถูกเขากลุ้มรุมทำร้ายปางตายถึงขนาดนี้ บางคนยังหลงละเมออยู่ว่าเขารักเรา เพราะเกิดมาก็ถูกฝังในสมองไว้อย่างนั้น เราทราบดีว่าการสร้างเครือข่ายเพื่อทำลายรัฐบาลของประชาชนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ (เป็นอย่างน้อย ความจริงเขาคิดกันมาก่อนนั้นอีก) ก็ยังดำเนินอยู่ ไม่มีทางเลยครับที่ประชาธิปไตยแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ด้วยการเลือกตั้งแบบเดิมๆ หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบตื้นเขิน เว้นหมวดนั้นมาตรานี้ ละเมออยู่กับการรักษารัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยไม่คิดว่าเขาก็ใช้ฉบับนั้นแหละมาทำร้ายประชาชน
การต่อสู้จากนี้ไปต้องคำนึงถึงความจริงต่อไปนี้
๑. คนไทยยังอยู่ใน “ระบบรัฐสภา” แต่เป็นระบบรัฐสภาใน “ระบอบเผด็จการ” ไม่ใช่ระบบรัฐสภาใน “ระบอบประชาธิปไตย” ถ้าไม่อาจทำลายระบอบเผด็จการที่ว่านี้ได้ เราจะสร้างประชาธิปไตยแท้จริงไม่ได้
๒. อย่าติดยึดกับการเลือกตั้ง ถูกหลอกมา ๓ ครั้งน่าจะรู้แล้ว โดยเฉพาะคนในพรรคเพื่อไทย (ซึ่งควรจะถือว่าตนเองยังเป็นพรรคไทยรักไทยอยู่ด้วยซ้ำ) อย่าให้นักเลือกตั้งมาทำลายยุทธศาสตร์ใหญ่ของเราได้
๓. การทำความจริงในประวัติศาสตร์และเรื่องร่วมสมัยเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชน มีความสำคัญยิ่ง เพราะพลังในการต่อสู้และร่วมสู้จะขยายจากจุดนั้น
๔. การต่อสู้ครั้งนี้จะยาวนานแน่ เอาตัวละครสำคัญออกจากฉากไปแล้วตัวสองตัว ละครก็ยังเล่นต่อไปได้ เพราะเขาสร้างตัวแทนและนายหน้าเอาไว้มาก พวกเราอย่าใจร้อน พักผ่อนให้สบาย ทำใจให้รื่นรมย์ ให้กำลังใจกันและกัน
๕. แกนนำฝ่ายประชาธิปไตยทุกคนต้องใจกว้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เลิกใช้ระบบพรรคพวก และเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนเข้าร่วมอย่างกว้างขวาง เราต้องร่วมต่อสู้แบบกฐินสามัคคีเท่านั้น งานนี้จึงจะสำเร็จได้ในยุคสมัยของเรา
ด้วยความรักและคิดถึง
จักรภพ เพ็ญแข