ที่มา ประชาไท
ที่กระทรวงการต่างประเทศวานนี้ (5 มิ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีแกนนำพันธมิตรฯ ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า เป็นขบวนการเข้ามาร่วมกระบวนการประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาที่ต้องมีพรรคการเมือง มีการเลือกตั้ง ทำให้การเมืองของไทยมีความหลากหลาย มีการแข่งขันกันก็เป็นสิ่งที่ดี
“ทางฝ่ายพรรคพันธมิตรฯ หรือพรรคการเมืองใหม่นั้น ก็จะมาเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองใหม่ ซึ่งตามความเข้าใจของผมก็หมายความว่า อยากจะให้การเมืองมีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาลและตอบสนองความต้องการของประชาชน มันก็เป็นสิ่งที่ดีถ้าเราจะช่วยกันจรรโลงให้ประชาธิปไตยของเรานั้นเป็นไปอย่างที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น มันก็เป็นสิ่งที่ดีและก็พร้อมที่จะแข่งขันกับพรรคพันธมิตรฯ เพราะผมมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องสู้กัน
ส่วนการร่วมงาน ผมคิดว่ามีอุดมการณ์คล้ายเคียงกันเพราะทั้ง 2 พรรคมีความมุ่งหวังที่จะให้มีสังคมประชาธิปไตยที่ดี ส่วนถ้ามีการเลือกตั้งในอนาคต ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะร่วมมือกันอย่างไรและรูปแบบการเมืองของไทยนั้น ที่พรรคเดียวจะมีเสียงข้างมากมันค่อนข้างจะลำบาก โดยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแล้วมักจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องการมาแชร์ มาดูว่าแนวนโยบายที่เรียกว่าเป็นแพลทฟอร์มของแต่ละพรรคมันคล้ายกันหรือไม่ ร่วมกันได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องอนาคต”นายกษิตกล่าว
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองใหม่จะสามารถพลิกโฉมเมืองไทยได้หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่ทราบครับ จะเป็นพรรคเดียวหรือคนเดียวไม่ได้ทั้งนั้น เป็นเรื่องของทุกๆ พรรคการเมืองที่จะต้องพัฒนาประชาธิปไตยของเรา และอย่างน้อยต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายอุดมการณ์ รู้ความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจเฉพาะคนที่ใครมีสตางค์ใครเคยมีอำนาจก็มาตั้งพรรคการเมือง อันนี้เป็นเรื่องพรรคการเมืองแบบเก่าๆ แต่ต้องเป็นพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคและเป็นพรรคที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ตรงนี้ต่างหากที่จะต้องทำให้ทุกพรรคการเมืองเหมือนพรรคในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีการพัฒนาเพื่อตอบสนองอุดมการณ์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักและไม่ใช่มาตอบสนองท่านเจ้าของพรรคคนหนึ่งคนใด
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองใหม่ได้มาทาบทามหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่ครับ ผมอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ผมได้พูดไปชัดแล้ว และโดยจริยธรรมก็ไม่ควรทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น ส่วนเสียงกลองเสียงลือเสียงเล่าอ้างต่างๆ ที่มีมากมายนั้น อะไรที่เป็นเหตุเป็นผลเป็นความถูกต้อง ก็เป็นเรื่องความเป็นมนุษย์ เป็นศักดิ์ศรี เป็นสิ่งที่ต้องทำ
“ไอ้เรื่องที่จะกระโดดไปกระโดดมาอย่างนั้น ไม่ทำ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร ผมคิดว่าเพื่อนๆ ที่พันธมิตรฯ ก็รู้สถานะผมดีและมีความเข้าใจ แต่ว่าความเป็นมิตรเป็นเพื่อนที่ได้ต่อสู้ร่วมกันมา ได้ต่อต้านคอรัปชั่น ต่อต้านระบอบทักษิณ เป็นยังไงมายังไง ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ยังมีความเอื้ออาทร ความรักใคร่ต่อกันก็มี แต่ทีนี้อยู่คนละพรรค ก็สู้กันไปตามระบอบ ครรลองของประชาธิปไตย
คำว่าสู้ ไม่ใช่สู้รบ แต่เป็นสู้ตามวิถีทางกติกาของรัฐธรรมนูญ ของกฎหมายเลือกตั้ง” นายกษิตกล่าวและว่า ตนยังไม่ได้คุยกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่เจอกันที่พรรค ไม่ได้มีปัญหาและโดยมารยาทก็พูดไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องทำให้ถูกต้อง ไม่มีอะไรที่คลุมเครือ
ส่วนกรณีเสียชีวิตของนายเดวิด คาราดีน ดาราดังฮอลลีวู้ด ในประเทศไทย นายกษิตตอบว่า สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ยังไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ แต่ถ้าร้องขอมาเราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามสถานทูตได้ดำเนินการตามขั้นตอนอยู่แล้ว เพื่อดูแลประชาชนของเขา
ส่วนกรณีหลายฝ่ายต้องการขอให้ลูกหมีแพนด้าอยู่ในประเทศไทยต่อนั้น นายกษิตให้ความเห็นว่า ทางสถานทูตจีนน่าจะทราบความต้องการที่อยู่ในใจของประเทศไทยที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ ก็จะไปเน้นย้ำให้ทราบถึงความต้องการของคนไทย ซึ่งจะได้หรือไม่อยู่ที่ประเทศจีนพิจารณา ในฐานะที่เป็นมิตรที่ดีต่อกัน