ที่มา ไทยรัฐ
"ผมเห็นด้วยกับการซื้อมากกว่าการเช่า แต่ก็มีข้อกังวลว่าหากซื้อแล้ว การซ่อมบำรุงการรักษารถยังคงเป็นอย่างในปัจจุบันมันก็ลำบาก เพราะช่วงเริ่มต้นการซื้อมันถูกกว่าแน่นอน แต่ถ้าค่าซ่อมเป็นอย่างที่เป็นอยู่นั้น กว่าจะถึง 10 ปี ตามอายุการเช่าก็อาจจะแพงกว่า จึงจำเป็นต้องไปดูให้ชัดเจนว่าวิธีไหนจะดีที่สุด"
ในลีลานิ่มๆ เสียงหล่อๆของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เคลียร์ประเด็นเป๊ะๆ สั้นกระชับ จับใจความง่าย
มันก็น่าสนใจ ถ้าหากบิ๊กโปรเจกต์รถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน เป็นผลงาน
การสร้างสรรค์ของพรรคประชาธิปัตย์
และได้ยี่ห้อ "อภิสิทธิ์" เป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการให้
กระแสต้านจะดังอื้ออึงอย่างที่เห็นหรือเปล่า
เอาเป็นว่า ในภาพที่มันขัดอารมณ์ตั้งแต่เริ่มต้น โดยสถานะของนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ผู้แทนราษฎรจากจังหวัดบุรีรัมย์
เคยชินแต่รถบัส บขส. มาชงบิ๊กโปรเจกต์ให้รถเมล์ ขสมก.
พูดไปมันก็ไร้น้ำหนัก
แต่ทั้งหมดทั้งปวง โดยต้นทุนทางสังคมยี่ห้อ "เพื่อนเนวิน" ที่ถูกสังคมพิพากษา ประทับตรา "มัวหมอง" ไปแล้ว
ล้างคราบยังไงก็เคลียร์ไม่ออก
สรุปว่า ในสภาพต้นทุนต่ำ โดยลำพังพรรคภูมิใจไทยยี่ห้อเพื่อนเนวินจะดันทุรังขายโปรเจกต์ทำกำไรสูง มันยากที่จะสำเร็จ
ต้องเปิดให้พรรคประชาธิปัตย์มาร่วมทุน ลงหุ้นลม
แบ่งอมยิ้มกันไป
ภายใต้เงื่อนไขที่เชื่อขนมกินล่วงหน้าได้ อย่างไรเสีย โครงการรถเมล์เอ็นจีวีก็ต้องล้อหมุนแน่ เพื่อความจำเป็นในการยกเครื่อง ขสมก. จากสภาวะการขาดทุนสะสมหลายหมื่นล้านบาท ด้วยสภาพรถเมล์รุ่นเก่าบุโรทั่งควันดำเป็นพิษกับอากาศ ยังไม่นับเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าของรถร่วมบริการที่ซิกแซ็กสวมทะเบียนรถในสัมปทาน ฟันค่าตั๋ว
มั่วนิ่ม เละเทะกันมานาน
แน่นอน ในมุมของการบริหาร งานนี้ถ้าทำสำเร็จแก้ปัญหาหมักหมมใน ขสมก. ยกระดับการให้บริการได้ ก็จะเป็นความพอใจของประชาชนคน กทม.
ซึ่งจะมีผลไปถึงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
นี่คือคำตอบว่า ทำไมถึงได้มีเสียงยุจากคนในพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.ในเครือข่าย อาศัยลูกมั่วในช่วงชุลมุน ลุ้นให้โอนโปรเจกต์รถเมล์ เอ็นจีวีไปให้กรุงเทพมหานครในการกำกับของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. คนของพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเสียบแทน
กะรวบทั้งเค้กทั้งกล่อง
นั่นก็เพราะโครงการรถเมล์เอ็นจีวี จะได้คะแนนจากคนกทม.เป็นกอบเป็นกำ
ก็อย่างที่เห็นในการส่งทีมออกมาเล่นกระแส ทีมของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม. ส่วนฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย ก็นำขบวนโดยนายวิชาญ มีนชัยนันทน์ แกนนำทีม ส.ส.กทม.
เทกแอ็กชั่นให้คนเมืองหลวงเห็น
ชิงพื้นที่ข่าว ขอมีส่วนร่วมแจมโปรเจกต์รถเมล์เอ็นจีวีกันแบบช็อตต่อช็อต
หาเสียง ตีกินล่วงหน้า
ลืมกันไปเลยว่า จริงๆแล้วพรรคภูมิใจไทยคือเจ้าของลิขสิทธิ์เจ้าแรก
และเหมือนจะตั้งหลักได้ ล่าสุดโดยคำสั่งของ "เนวิน ชิดชอบ" มอบหมายหน้าที่ให้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหอกทีม กทม. ทำหน้าที่เป็นโฆษกโครงการรถเมล์เอ็นจีวี
เคลียร์ข่าวกันอย่างเป็นระบบ
ถึงจะพลาดท่าแพ้เกมเล่นกระแส ต้นทุนทางสังคมสู้ไม่ได้ ในเรื่องใสสะอาด แต่ในฐานะเจ้าของลิขสิทธิ์โปรเจกต์รถเมล์เอ็นจีวี ที่ออกแรงดันกันมา 3-4 รัฐบาล
ภูมิใจไทยก็หวังได้กล่องจากคนกรุงบ้าง.
"ทีมข่าวการเมือง" รายงาน