คุณค่าของมังกรการเมืองอย่างร.ต.อ.เฉลิม คือต้นตำรับของการอภิปรายแนวสืบสวนสอบสวน ที่มีหลักฐานมาเป็นเครื่องประกอบการอภิปรายให้ประชาชนเห็นภาพชัดเจน และสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆจนกลายเป็นต้นแบบของการอภิปรายที่ได้รับการยอมรับในรัฐสภาไทย และมีการลอกเลียนแบบไปใช้ไม่น้อยเลยคุณค่าของคน เป็นยิ่งกว่าพัสตราภรณ์อันมีค่า หรือเครื่องประดับราคาแพง ที่บางสังคมอาจจะให้ราคา แต่หากเป็นสังคมที่เจริญด้วยสติปัญญาแล้วไซร้ย่อมรู้ดีว่า หากเป็นคนที่มีคุณค่าที่แท้จริง ย่อมสามารถสร้างการยอมรับที่แท้จริง ย่อมได้รับการยอมรับมากกว่าคนที่พยายามปรุงแต่งให้ดูหรูหรา เพื่อหวังจะให้ชูคออยู่ในสังคมดังนั้น ในทันทีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จึงเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นในทันที ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยเองและรวมทั้งระบบการเมืองไทยด้วย
เป็นแรงกระเพื่อมที่มาจากคุณค่าในฐานะนักการเมืองแถวหน้าคนหนึ่งของแวดวงการเมืองไทยในยุคปัจจุบันร.ต.อ.เฉลิมอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน พร้อมกับการพัฒนาตัวเองแบบไม่หยุดนิ่ง จนถือเป็นหนึ่งในบรรดามังกรการเมืองในยุคนี้แล้วและที่สำคัญมังกรการเมือง ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นมังกร ไม่มีวันที่จะกลายเป็นมังกือ หรือมังกุฎเหมือนใครบางคนแน่ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า การลาออกครั้งนี้ ทำไมเมื่อทาง “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีสิทธิเลือกตั้ง ออกมาแล้ว พบว่าประชาชนยอมรับในตัว ร.ต.อ.เฉลิม และรู้สึกเสียดาย หากว่า จะลาออกจากตำแหน่ง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทยจริงๆ60.93% ของคนกรุงเทพฯที่มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิมเป็นคนที่มีบารมีทางการเมือง มีฐานเสียง มีข้อมูลมาก และมีบุคลิกเฉพาะที่เป็นสีสันทางการเมือง41.19% รู้สึกเสียดาย เพราะจะทำให้ขาดสีสันทางการเมือง โดยเฉพาะการโต้ตอบและการอภิปราย25.26% ห่วงว่าน่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลง เกิดความแตกแยก ขัดแย้งไม่ธรรมดา อะฮ้า ไม่ธรรมดา เสียยิ่งกว่าเพลงของ ไชยา มิตรไชย เสียอีกเพราะต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา มักจะมีเสียงอ้างในทำนองที่ว่า ร.ต.อ.เฉลิมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าบ้างล่ะ หมดยุคบ้างล่ะหรือแม้แต่กระทั่งไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนบ้างล่ะ???แต่ครั้งนี้พิสูจน์ชัดเจนด้วยการสำรวจของสถาบันที่เป็นกลาง อย่าง “สวนดุสิตโพล” ว่าไม่ใช่อย่างที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเลยแต่ของจริงก็คือของจริง คนกรุงเทพฯยังยอมรับและเห็นคุณค่าของ “ดาวสภา”ที่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อยู่เป็นอย่างมากเพราะคุณค่าของมังกรการเมืองอย่างร.ต.อ.เฉลิม คือต้นตำรับของการอภิปรายแนวสืบสวนสอบสวน ที่มีหลักฐานมาเป็นเครื่องประกอบการอภิปรายให้ประชาชนเห็นภาพชัดเจน และสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆจนกลายเป็นต้นแบบของการอภิปรายที่ได้รับการยอมรับในรัฐสภาไทย และมีการลอกเลียนแบบไปใช้ไม่น้อยเลยคุณค่าของ ร.ต.อ.เฉลิมในประเด็นเหล่านี้แหละ ที่สะท้อนผ่านผลโพล ว่า ถ้าขาด ร.ต.อ.เฉลิมแล้ว จะทำให้บทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านไม่เข้มข้น โดยเฉพาะการตรวจสอบรัฐบาล รวมไปถึงว่าประชาชนกว่า 22.04% ห่วงว่าฝ่ายค้านจะอ่อนแอลง
ฉะนั้นฉายา “สารวัตรเหลิม สิงห์ฝั่งธน” ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้มา ย่อมไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรือว่าบังเอิญอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแค่เพียงการประกาศลาออกคงไม่กระเพื่อมกันขนาดนี้ยิ่งในครั้งนี้ ประเด็นหลักที่ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมตัดสินใจประกาศลาออก เป็นเรื่องของจุดยืนทางการเมือง ที่จะให้ใครมาลากไปลากมา หรือวันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง เป็นสิ่งที่คงยอมไม่ได้เมื่อยอมไม่ได้ และเห็นว่าจะขัดหลักการซึ่งก็จะไปกระทบกับพรรคเพื่อไทย ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมต้องการให้เป็นความหวังของระบบการเมืองไทย จึงทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมเลือกที่จะแสดงสปิริต ไปเสียเอง พรรคจะได้ทำหน้าที่ได้ต่อไปและ ร.ต.อ.เฉลิมก็ยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะการเข้ามาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แต่อย่างใด“ผมกับพี่จิ๋วพวกเดียวกันอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ใช่อย่างที่ใครบางคนไปพูดกันเลอะๆเทอะๆแน่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันแต่บังเอิญการตัดสินใจนั้นก่อให้เกิดภาพที่ชัดเจนขึ้น ทั้งจากผลโพล และจากความรู้สึกภายในพรรคเพื่อไทยเองทำให้แม้แต่ในพรรคเพื่อไทยเอง ก็มี ส.ส.หลายคนในพรรคที่เรียกร้องให้รับตำแหน่งประธานส.ส.ต่อที่สำคัญที่สุด เรื่องนี้ “บิ๊กจิ๋ว” ถึงกับลงมือเคลียร์เองเลยทีเดียวพล.อ.ชวลิต พูดชัด “คุยกันหมดแล้ว เข้าใจกันแล้ว ทุกอย่างจบ”รวมทั้งประเด็นที่บางคน ไม่ว่าทั้งภายนอก หรือแม้กระทั่งภายในพรรคเพื่อไทยบางคน ที่ต้องการจะเขยิบตัวเองขึ้นมาให้เป็น “คนแถวหน้าทางการเมือง”บ้าง ก็มักจะพยายามอ้างตลอดว่า ร.ต.อ.เฉลิม ต้นทุนทางสังคมต่ำ ไม่ได้ยอมรับจากสังคมจนบางครั้ง ร.ต.อ.เฉลิม เองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า จริงๆ อย่างนั้นหรือ แต่มาครั้งนี้ชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่“ที่ผ่านมาเคยรู้สึกเป็นคนต้นทุนต่ำในการทำหน้าที่ แต่เมื่อเห็นผลสำรวจโพลหนุนการทำหน้าที่ประธานส.ส. ฉะนั้นผมก็จะมาพูดคุยกันอีกครั้งที่พรรค” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวรวมทั้งการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานวิปฝ่ายค้าน ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไป
เพราะ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดชัดเจนว่า แม้ว่าจะได้รับใบลาออกจากตำแหน่งประธาน ส.ส.ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แล้วจริง แต่ก็ไม่ได้มีการเซ็นรับรองการลาออก แค่ทำหนังสือและเซ็นรับรองส่งไปยังสภา เพื่อแจ้งว่า ร.ต.อ.เฉลิมยังทำหน้าที่ประธาน ส.ส.ในสภา ฉะนั้นตรงนี้ก็ถือว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังคงทำหน้าที่ประธาน ส.ส.ต่อไปแน่นอนว่าการจบลงแบบนี้ อาจจะทำให้ฝ่ายพรรครัฐบาลผิดหวังเอามากๆ เพราะที่แอบดีใจว่า ดีจะได้ไม่ถูกคนระดับ “ต้นตำรับ”ตรวจสอบนั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้วยิ่งทุจริตไทยเข้มแข็ง ฉาวโฉ่แบบนี้ รอไว้ได้เลย เจอกับสารวัตรเหลิมแน่นอน!!!และหากเป็นเรื่องตรวจสอบทุจริต แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังจะมาใช้โวหารหวังเสียดสี เหมือนเมื่อคราวที่โดนตำหนิขรมทั้งสังคม ในเรื่องกรณีตัดต่อเทปเสียง แล้วดันหยิบยกตัวอย่างแบบเสียดสีเกี่ยวกับเรื่อง“หมา”ขึ้นมานั้นทำให้นายอภิสิทธิ์เอง เสียบุคลิกผู้นำ เสียภาพระดับ “ออกซ์ฟอร์ด สไตล์”ไปหลายกิโลขีด เพราะสังคมไทยเรื่องสัมมาคารวะ กับเรื่องความก้าวร้าว เป็นสิ่งที่สังคมไทยยังให้ความสำคัญอย่างมากซึ่งนักเรียนนอกอย่างนายอภิสิทธิ์อาจจะไม่เข้าใจและนอกจากในฝ่ายรัฐบาลจะผิดหวังและต้องกลับมาหนักใจเหมือนเก่าแล้ว ว่ากันว่าใครบางคนในพรรคเพื่อไทยเอง อย่างน้อยก็คน 2 คน คงผิดหวังไม่น้อยไปกว่ากันไปสักเท่าไรแน่เพราะต้องไม่ลืมว่า ในวันนี้ไม่ใช่แค่ในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ต่อให้ในแวดวงการเมืองทั้งระบบ ร.ต.อ.เฉลิมในวันนี้ ก็ถือว่าเป็นคนการเมืองแถวหน้าคนหนึ่ง ที่แม้แต่นายอภิสิทธิ์เองในแง่การเมือง ในแง่ประสบการณ์การเมืองแล้ว ก็ยังด้อยกว่า ร.ต.อ.เฉลิม หลายขุมฉะนั้นงานนี้การเมืองไทยเดินหน้าเข้มข้นต่อไปแน่ รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย เพราะนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน ก็ปฏิเสธชัดว่าไม่ได้ขัดแย้งกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะจริงๆ แล้วมีความเห็นตรงกัน คือ เอารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 40 ไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับปี 50แบบนี้รัฐบาลไม่หนาวแย่หรอกหรือ
ผลโพล ต้นทุนสังคม “เหลิม”สูง
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 2,173 คน ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2552สรุปผลได้ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร? กรณีการลาออกจากประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
อันดับ 1 เสียดาย เพราะจะทำให้ขาดสีสันทางการเมือง โดยเฉพาะการโต้ตอบและการอภิปราย 41.19%
อันดับ 2 น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอลง เกิดความแตกแยก ขัดแย้ง 25.26%
อันดับ 3 ทำให้บทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านไม่เข้มข้น โดยเฉพาะการตรวจสอบรัฐบาล 15.28%
อันดับ 4 เป็นเรื่องของเกมการเมืองที่ไม่มีอะไรแน่นอน ขึ้นอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ 9.48%
อันดับ 5 เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยขาดเอกภาพ มีหลายกลุ่ม หลายมุ้ง ขาดหัวหน้าพรรคตัวจริงที่จะประสาน 8.79%
2. การลาออกจากประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ของ ร.ต.อ.เฉลิม มีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยมากน้อยเพียงใด?
อันดับ 1 กระทบมาก 60.93% เพราะเป็นคนที่มีบารมีทางการเมือง มีฐานเสียง มีข้อมูลมาก และมีบุคลิกเฉพาะที่เป็นสีสันทางการเมือง ฯลฯ
อันดับ 2 ค่อนข้างกระทบ 23.84% เพราะมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง มีประชาชนนิยมชมชอบมาก ฯลฯ
อันดับ 3 กระทบน้อย 10.63% เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่ค่อยมีบทบาทในฐานะผู้บริหารอยู่แล้ว ฯลฯ
อันดับ 4 ไม่กระทบ 4.60% เพราะหัวหน้าพรรคตัวจริงก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ฯลฯ
3. การลาออกจากประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ของ ร.ต.อ.เฉลิม มีผลกระทบต่อการเมืองไทยในภาพรวมอย่างไร ?
อันดับ 1 การเมืองไทยจะขาดสีสันลงไปมาก โดยเฉพาะการโต้ตอบและอภิปราย เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง56.60%
อันดับ 2 ฝ่ายค้านจะอ่อนแอลง 22.04%
อันดับ 3 ฝ่ายรัฐบาลจะบริหารงานได้ง่ายขึ้น...อายุรัฐบาลจะยาวขึ้น 16.52%
อันดับ 4 การแบ่งกลุ่ม แบ่งมุ้ง ในพรรคเพื่อไทยจะมากขึ้น เกิดความขัดแย้งทำให้บริหารยากขึ้น 4.84%