ที่มา thaifreenews
เพื่อนพ้องน้องพี่
ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีการปฏิวัติรัฐประหารมากได้เท่าประเทศไทย
รวมรวมโดย ice angel คนอ่านข่าว
การรัฐประหาร 18 ครั้งและการปฏิวัติ 1 ครั้ง "หยุดทำร้ายฉันหยุดทำร้ายอำนาจประชาชน"
ในข้อความตอนท้ายๆ ของพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ ร.7 เมื่อ 2 มี.ค. 2477 ความว่า
“…ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…”
เช้าตรู่วันที่ 24 มิ.ย. 2475 จึงนับเป็นการปฏิวัติที่แท้จริง เพียงหนเดียว ที่เคยเกิดขึ้นในบริบทการเมืองไทยการยึดอำนาจโดยการใช้กำลังในครั้งต่อๆ มา ถือว่าเป็นเพียงการทำรัฐประหารทั้งนั้น
คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทยจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย
กบฏ 12 ครั้ง - ปฏิวัติ 1 ครั้ง - รัฐประหาร 8 ครั้ง การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการเปลียนรัฐบาลหรือคณะผู้ปกครองหรื อการเปลี่ยนกติการการปกครองหรือรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทุกประเทศปกติรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศย่อมกำ หนดวิธีการเปลี่ยนแปลงไว้ เช่น ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปทุก 4 ปี หรือ 5 ปี หรือเลือกประธานาธิบดีทุก 4 ปี หรือ 6 ปี เพื่อให้โอกาสประชาชนติดสินใจว่าจะให้บุคคลใดหรือกลุ่มพรรคการเมืองใดได้เป ็นผู้ปกครอง และกำหนดวิธีการเปลี่ยนแปลงหลักการหรือสาระของรัฐธรรมนูญหรือแม้กระทั่งสร้างรั ฐธรรมนูญใหม่แทนฉบับเดิม การเปลี่ยนแปลงตามกระบวณการดังกล่าวข้างต้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยสัน ติวิธี และเป็นวิถีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามทีการเปลี่ยนแปลงอีกวิธีหนึ่งที่ถือว่าเป็นวิธีการรุนแรงและไม ่ถูกต้องตามกฎหมาย นั่นก็คือการใช้กำลังเข้าข่มขู่ เช่น ใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลเดิมไล่คณะรัฐมนตรีออกไปและตั้งคณะรั ฐมนตรีใหม่ โดยกลุ่มของคนที่ยึดอำนาจเข้ามาแทนที่หรือยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมแล้วร่างรัฐ ธรรมนูญฉบับใหม่ วางกฎและกติกาตามที่กลุ่มผู้มีอำนาจปรารถนา โดยปกติคณะหรือกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีนี้จะต้องมีกองกำลังติ ดอาวุธเข้าปฏิบัติการ มิฉะนั้นแล้วก็ยากที่จะสำเร็จ และถึงมีกำลังก็ไม่อาจไม่สำเร็จเสมอไป เพราะมีองค์ประกอบการสนับสนุนหรือต่อต้านจากประชาชนเข้ามาเป็นปัจจัยประกอบด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองก็คือว่า การเปลี่ยนรัฐบาลหรือผู้ปกครองประเทศมักไม่เป็นไปตามกติกาหรือระเบียบแบบแผนโดย สันติวิธี ตรงกันข้ามมักเกิดการแย่งชิงอำนาจด้วยการใช้กำลังอยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปของการจลาจลกบฏ ปฏิวัติหรือรัฐประหารความหมายของคำเหล่านี้เหมือนกันในแง่ที่ว่าเป็นการใช้กำลั งอาวุธยึดอำนาจทางการเมืองแต่มีความหมายต่าง กันในด้านผลของการใช้กำลังความรุนแรงนั้น หากทำการไม่สำเร็จจะถูกเรียกว่า กบฏ จลาจล (rebellion) ถ้าการยึดอำนาจนั้นสัมฤทธิผล และเปลี่ยนเพียงรัฐบาลเรียกว่า รัฐประหาร (coupd etat) แต่ถ้ารัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครอง ก็นับว่าเป็น การปฏิวัติ
การปฏิวัติครั้งสำคัญ ๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป ได้แก่ การปฏิวัติใหญ่ของฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 การปฏิวัติในรัสเซีย ค.ศ. 1917 การปฏิวัติของจีนในปี ค.ศ. 1949 การปฎิวัติในคิวบา ค.ศ. 1952 เป็นต้น
สำหรับในการเมืองไทยคำว่า ปฏิวัติ กับ รัฐประหาร มักใช้ปะปนกันแล้วแต่ผู้ยึดอำนาจได้นั้นจะเรียกตัวเองว่าอะไร เท่าที่ผ่านมามักนิยมใช้คำว่า ปฏิวัติ เพราะเป็นคำที่ดูขึงขังน่าเกรงขามเพื่อความสะดวกในการธำรงไว้ซึ่งอำนาจที่ไ ด้มานั้น ทั้งที่โดยเนื้อแท้แล้ว นับแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่แท้จริงครั้งเดียวที่เกิดขึ้น ในประเทศไทย การยึดอำนาจโดยวิธีการใช้กำลัง ครั้งต่อ ๆ มาในทางรัฐศาสตร์ถือว่าเป็นเพียงการรัฐประหารเท่านั้น เพราะผู้ยึดอำนาจได้นั้นไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหลักการมูลฐานของระบอบการปกครอง เลย ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมทางการเมืองและมิให้สับสนกับการใช้ชื่อ เรียกตัวเองของคณะที่ทำการยึดอำนาจทั้งหลาย อาจสรุปได้ว่าความหมายได้ว่าความหมายแคบ ๆ โดยเฉพาะเจาะจงสำหรับคำว่าปฏิวัติ และรัฐประหารในบรรยากาศการเมืองไทยเป็นดังนี้คือ “ปฏิวัติ” หมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ อาจมีหรือไม่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐบาลใหม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลฐานระบอบการปกครอง เช่นเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย หรือ คอมมิวนิสต์ ฯลฯ ส่วน “รัฐประหาร” หมายถึงการยึดอำนาจโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญฉบับเก่าต่อไป หรือประกาศใช้รัฐธรรมฉบับใหม่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่นานนัก ในประเทศไทย ถือได้ว่ามี การปฎิวัติ เกิดขึ้นครั้งแรกและครั้งเดียวคือ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2547 โยคณะราษฎร จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย และมีการ กบฏ เกิดขึ้น 12 ครั้ง และรัฐประหาร 8 ครั้ง ดังนี้
-ปฎิวัติ 1 ครั้ง (4 มิถุนายน 2475 โดยคณะราษฎร) -กบฏ 12 ครั้ง 1.กบฎ ร.ศ.130 2.กบฎบวรเดช (11 ตุลาคม 2476) 3.กบฎนายสิบ (3 สิงหาคม 2478) 4.กบฏพระยาทรงสุรเดช หรือกบฏ 18 ศพ (29 มกราคม 2482) 5. กบฎเสนาธิการ (1 ตุลาคม 2491) 6.กบฏแบ่งแยกดินแดน (พย. 2491) 7.กบฏวังหลวง (26 กุมภาพันธ์2492) 8.กบฏแมนฮัตตัน (29 มิถุนายน 2494) 9.กบฏสันติภาพ (8 พฤศจิกายน 2497) 10.กบฎ 26 มีนาคม 2520 11.กบฎยังเตอร์ก (1-3 เมษายน 2524) 12.กบฏทหารนอกราชการ (9 กันยายน 2528) -รัฐประหาร 8 ครั้ง 1.พ.อ. พระยาพหลฯ ทำการรัฐประหาร (20 มิ.ย. 2476) 2.พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ และคณะนายทหารบก ทำการรัฐประหาร (8 พ.ย. 2490) 3.จอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำการรัฐประหาร (29 พ.ย. 2494) 4.จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหาร (16 กันยายน 2500) 5.จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร (20 ตุลาคม 2501) 6. จอมพลถนอม กิตติขจร ทำการรัฐประหาร (17 พฤศจิกายน 2514) 7.พล.ร.อ สงัด ชลออยู่ ทำการรัฐประหาร (20 ตุลาคม 2520) 8.พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ทำการรัฐประหาร (23 กุมภาพันธ์ 2534) 9.ใคร...............? เพื่อใคร.............?
ในสภาวะตอนนี้ที่ทั้งโลกกาลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งเป็นปัญหาทางด้านเดียว แต่ประเทศไทยกลับเจอปัญหาหลายด้านด้วยกัน ทั้งการทะเลาะกันเองของคนไทย ความคิดที่ขัดแย้ง การกระทบกระทั่งกันทางภาคใต้ และความเห็นแก่ตัวเห็นแก่พวกพ้อง นามาซึ่งการฉ้อราษฎร์บังหลวงในการบริหารประเทศและสังคม ดูได้จากที่ตอนนี้ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุดในโลก ต้องถามว่าเวลานี้มีที่ใดบ้างในประเทศที่ไม่มีการคอร์รัปชั่น จนรวมไปถึงพฤติกรรมการปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่เป็นการกระทาที่เห็นแก่ตัวที่สุดเหตุการณ์อย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นที่ลอนดอน ที่โตเกียวเพราะเขารู้ว่าอะไรควรไม่ควรทา แต่ที่มีเกิดขึ้นในประเทศไทยนั่นแสดงว่าเราไม่ได้คิดถึงสังคม และนั่นแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยกาลังล้าหลังขึ้นทุกวันทุกวัน
การเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยวันนี้ไม่ใช่ว่าดีขึ้น ไม่ใช่ว่าวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน แต่ต้องดูว่าตอนนี้เราอยู่จุดใดในโลก ในขณะที่ประเทศอื่นเขาพัฒนาไป แต่ไทยกลับมีการพัฒนาที่ช้าลงๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้าเวียดนามคนไทยจะต้องอพยพไปทางานที่เวียดนาม เราต้องการให้เป็นแบบนั้นหรือ ทำไมเราต้องยอมจำนวนกับเหตุการณ์ที่เราไม่ได้ก่อ อำนาจประชาชน อำนาจการบริหารประเทศ อำนาจของเราเอง ทำไมเราต้องยกให้เขา บุคคลนอกรัฐธรรมนูญ
สยามเมืองยิ้ม กำลังจะหายไป