ที่มา บางกอกทูเดย์
จั่วหัว!! แบบนี้หลายคนบอกว่า“ผู้เขียน” ป่าเถื่อนและคงเป็นโรคจิตที่อยากให้มีการก่อการร้ายเกิดขึ้นในบ้านเราทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็ยุ่งและแย่เต็มทีแล้วหากใครกำลังจะอ้าปาก “ติฉินนินทา”ก็เบรกไว้ก่อน เหตุที่จั่วหัวก็เพราะว่าอีกมุมหนึ่งของการก่อการร้ายอาจช่วยกระตุ้น “ต่อมสำนึกดี” ของผู้บริหารประเทศที่มีอำนาจในมือให้ “คิดดี ทำดี”กันเสียบ้าง...ไม่ใช่ “มือถือสาก ปากถือศีล”คิดดูนะ?...ถ้ามีมนุษย์หน้าไหน“บ้าดีเดือด” ยอมพลีชีพ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อ “เด็ดขั้วหัวใจ”ให้สิ้นมนต์ขลัง!! โชว์อานุภาพ “ความเป็นไปได้” ในผืนแผ่นดินแห่งนี้การันตี- ได้เลยว่า คนที่ หลอน ที่สุดคือคณะรัฐบาล และการันตีได้อีกว่า รัฐบาลต้องเต้นเร่าๆ เร่งหามาตรการ“ล้อมคอก” กันจ้าละหวั่น!!! ยิ่งกว่าหามาตรการปราบโจรใต้เสียอีก...หรือไม่รัฐบาลก็อาจจะมีมาตรการแก้ปัญหาหน้าที่นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังสิ้นเปลืองเงินมาให้เรากรอกคะแนนกันสนุกสนานกันอีก..ดูอย่างเหตุการณ์ ถล่มมหานครนิวยอร์ก เมื่อ 11 กันยายน 2544 เรียกสั้นๆ ว่า เหตุร้าย “911” ...การบุกโจมตีครั้งนั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนให้คนทั้งโลกสยองขวัญ!! โดยเฉพาะผู้นำประเทศอย่ามองว่าไทยรอดแน่! และจะไม่มีเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างนี้เกิดขึ้น! ต้องไม่ลืมว่า “ไม่มีประเทศใดในโลกที่ปลอดจากการก่อการร้าย”ในเมืองไทยเราเองก็มีความพยายามก่อการร้ายหลายครั้ง ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวไม่เป็นท่า….การก่อการร้ายในไทย -28 ธันวาคม2515 โดยสมาชิกขบวนการก่อการร้ายปาเลสไตน์ ซึ่งใช้ชื่อว่า The Black September Organization จำนวน4 คน ได้บุกเข้ายึดสถานฑูตอิสราเอลประจำประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนหลังสวน กรุงเทพฯ และจับบุคลในสถานฑูตไว้เป็นตัวประกัน 6 คน...ครั้งนี้นับเป็นการก่อการร้ายครั้งแรกที่เกิดขึ้นในไทย โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง2 ธันวาคม 2525 มีผู้นำกระเป๋าซึ่งบรรจุระเบิดชนิด C4 นํ้าหนักประมาณ10 ปอนด์ ไปทิ้งไว้ในสำนักงานเอ.อี.นานาจำกัด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯซึ่งเคยเป็นที่ทำการสถานกงสุลกิตติมศักดิ์อิรัก และได้เกิดระเบิดขึ้นเวลา 16.27 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกวัตถุระเบิด กองพลาธิการ กรมตำรวจกำลังพยายามนำกระเป๋าออกจากตัวอาคารเป็นผลให้ตึก 2 ชั้น 2 คูหาพังถล่มลงมาทับเสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 17 คน
รัฐเก้าอี้ร้อน เพียง 2 ครั้งที่
ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมา!...แต่ความจริงแล้วการก่อการร้ายเกิดขึ้นถึง 4 ครั้ง!! เพียง4 ครั้ง ก็มีผลให้รัฐบาลสมัยนั้นตระหนักปนตระหนกทันทีว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ทางการไทยจะต้องกำหนดมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่1 กุมภาพันธ์ 2526 ตามข้อเสนอของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติกำหนดนโยบายหลักและแนวความคิดในการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล
มือสังหาร แม้ประเทศไทย
จะไม่ใช่เป้าหมายโดยตรงของการก่อการร้ายสากล แต่การ ก่อการร้ายในประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ อาจเกิดขึ้นได้เสมอ หากมี “คนไทยใจกล้าบ้าบิ่น” ตัดสินใจเฉียบพลันเพราะสตางค์ไม่มี เลยขอ “ปลิดชีพ” เลือกที่จะตายมากกว่าจะอยู่..ด้วยการ “พกระเบิด”ใส่กระเป๋าเดินเข้าไป “จ๊ะจ๋า” กับเหยื่อเป้าหมาย..และหากเป้าหมายนั่นคือ 1ในคณะรัฐมนตรีที่ชอบงาบ “งบ”จนประชาชน “อดโซ-ท้องกิ่ว”อะไรจะเกิดขึ้น!!ยิ่งช่วงนี้ “มือระเบิด” ทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลัง “ฮึกเหิม” เพราะรัฐบาลกำลัง “สับสน” จนลืมไปแล้วว่า“เสาหลัก” ของ ความมั่นคงคือใคร?ตอนนี้อยู่ที่ไหน?อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการก่อการร้ายไทยอาจยกระดับขึ้นจากข้อสังเกตการจุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือของผกู้อ่กาาร้้้ายในภาคใต้ของไทยเหมือนกับผู้ที่ก่อ การร้า้ย อัลกออิดะใช้จุดระเบิดรถไฟที่สเปนเมื่อปี 2547 ซึ่งอาจเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่บังเอิญก็ได้ส่งท้ายเรื่อง -ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้ต้องการสร้างความหวาดวิตก และไม่ใช่การซํ้าเติมหรือแสวงประโยชน์จากสถานการณ์ เพียงแต่ต้องการกระตุ้น“รัฐบาล” ให้ตื่นตัวมากขึ้น และให้รัฐบาล“ทำเพื่อส่วนรวม” มากขึ้นแม้ว่าวันนี้ท่านๆ จะบอกว่า 24 ชั่วโมงใน 1 วัน เพื่อชาติ เพื่อปากท้องชาวบ้านทั้งสิ้น..ถึงอย่างไร พูดให้ตาย นํ้าลายท่วมโลกก็ไม่เท่าผลลัพธ์และการกระทำเพียงหนึ่ง....นะขอรับท่านรัฐบาล