ที่มา บางกอกทูเดย์
การแก้กฎหมายทั้ง 6 ประเด็น...เท่าที่เข้าใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคประชาชนเลยแม้แต่น้อยเมื่อนึกย้อนกลับไปในวันที่มีคนออกมาบอกว่า...ให้รับๆ ไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ไขกันในคราวหลังมาถึงวันนี้เป็นอย่างไร...วุ่นวายไม่เลิกวุ่นวายไม่จบ เพราะใครเป็นคนทำ?จำนวนเม็ดเงินกว่า “สองพันล้านบาท”ที่เป็นเงินจากภาษีประชาชน โดยจะทำการโยนลงไปเพื่อให้เกิด การทำประชามติหากทำจริง! เม็ดเงินก้อนนี้น่าเสียดายเป็นอย่างมากในยุคที่ “ข้าวยากหมากแพง”เงินหายาก เศรษฐกิจไม่ดีทำไมรัฐบาลไม่คบคิดให้รอบคอบ...โดยเอาเม็ดเงินก้อนนี้ไปพัฒนาให้กับประชาชนที่ยังลำบากนั้นคงจะดีกว่าเปรียบเสมือนการ เอาเงินไปฉีกทิ้ง เพราะเงินสองพันล้านบาทสามารถสร้างประโยชน์ทำอะไรได้มากกว่านี้อีกเยอะแยะทั้งในด้านการพัฒนาการบริหารจัดการและดูแลประชาชนเข้าใจ นายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า...การทำประชามตินี้อย่างน้อยยังเป็น เกราะป้องกันตัวได้ดีชนิดหนึ่ง หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆด้วยลีลาท่วงท่ากับคำว่า ประชาชนเห็นด้วยให้มีการแก้ไข...เพราะอย่างไรเสีย...ก็คิดเพียงแต่แค่ซื้อเวลาเท่านั้นเองในยามนี้ความจริงประเด็นทั้ง 6 ข้อที่ต้องการแก้ไข...ได้อาศัยอำนาจบทบาทหน้าที่ของผู้ที่ทำหน้าที่ในรัฐสภาสามารถดำเนินการได้แล้วไม่จำเป็นต้องไปถามประชาชน!หากเป็นการไปถามไถ่...โดยรัฐไม่ต้องเอาภาษีของประชาชนลงไปด้วย...ก็ควรถามไปเถอะ แต่หากต้องใช้เงินแล้ว...ควรเก็บเงินเอาไว้ไปพัฒนาส่วนอื่นจะดีกว่าหรือไม่เพราะประเด็นการแก้ไขทั้ง 6 นั้นประชาชนไม่ได้อะไรเลยจริงๆ...กลับกันหากจะต้องใช้เงินทั้งทีแล้วควรหาประเด็นที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นมา
เช่น ถามประชาชนเลยว่า รัฐธรรมนูญปี 50ที่มาจากปลายกระบอกปืนนั้น กับ รัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยแท้จริงเมื่อปี 40ประชาชนคิดเห็นว่า...จะเลือกรัฐธรรมนูญฉบับใด อย่างนี้ดูเข้าท่าเข้าทางกว่าเยอะแต่มองว่ารัฐบาลไม่กล้า... คิดที่จะเอาประเด็นนี้ไปถามประชาชนอย่างแน่นอนเพราะอย่าลืมว่า...สาระสำคัญภายในรัฐธรรมนูญปี 40 อันมีที่มาจากประชาชนแท้ๆที่มี ส.ส.ร.ร่วมพิจารณานั้น...เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเหมาะที่สุดสำหรับประเทศไทยนี้เพราะการเมืองก็จะเป็นการเมืองแท้ๆเป็นการเมืองจริงๆ ไม่ใช่การเมืองที่แอบแฝงไปด้วยระบบอื่นเข้ามาแทรกแซงอย่างเลือดเย็นและน่ากลัวน.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า...การประชุมของวิป 3 ฝ่ายเพื่อผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญถือว่ามีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องส่วนการทำประชามตินั้นพรรค ปชป.เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ...เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดควรได้รับฉันทามติจากอำนาจสูงสุดของประชาชนจำได้ว่า...ผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองนี้หลายท่านที่เคยกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้วเมื่อได้รัฐธรรมนูญ 40 และใครอีกหลายคนต่างกล่าวว่าเป็น“รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด”ตามความเป็นจริงของสัจธรรมนั้น...นักการเมืองจะดีหรือชั่ว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญแต่ขึ้นอยู่กับการกระทำตัวและการบริหารจัดการในสิ่งต่างๆ นานาไม่เข้าใจว่า...ประเทศไทยต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญอีกกี่สิบฉบับจึงจะเหมาะสมกับบ้านนี้เมืองนี้หากคิดจะเปลี่ยนทั้งทีก็ควรเอารัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนขึ้นเป็นตัวแม่ ตัวหลัก ไม่ใช่มานั่งเอารัฐธรรมนูญที่มาจากปลายกระบอกปืนเป็นตัวหลักประเทศไทยที่ไม่ได้ก้าวเทียบนานาอารยะประเทศ...เพราะระบบการเมืองไทย นักการเมืองไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยต่างคิดเพียงอย่างเดียวว่า...จะหาเม็ดเงินจากการทำงานการเมืองได้อย่างไร ในรูปแบบใดเชื่อว่า...หากมีบุคคลหนึ่งทำงานมีเงินเดือนเท่ารัฐมนตรีในช่วงอายุ 40 ปี แล้วทำไปจนอายุครบ60 ปี ซึ่งแม้จะทำงานสายตัวแทบขาด แต่ก็ยังไม่รํ่ารวยเท่ารัฐมนตรีในบ้านนี้เมืองนี้เลยเพราะอะไร...คำตอบรู้อยู่แก่ใจ!