ที่มา บางกอกทูเดย์
ถอนรากถอนโคน การใช้กำลังทหารลงปูพรมชนิด“เต็มพื้นที่...ปูพรมทุกจุด” บางตำบล-บางอำเภออาจจะเต็มไปด้วยกำลังของทหาร...แบบเต็มอัตราศึก...เพื่อกุดหัวผู้ก่อการร้ายและแนวร่วมไม่ให้ผุดไม่ให้เกิด พร้อมกับใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดปราบปราม ชนิดที่เรียกว่า “ล้างป่าช้า”3 จังหวัดภาคใต้เข้าสูตร “เราถอยไม่ได้อีกแล้ว” ....จัดการ 3 จังหวัดเพื่อให้คนอีก 73 จังหวัดรู้สึกอบอุ่นหลักสูตรสำเร็จที่มีผลทำให้ “โจรหัวหด”..แต่ไม่ยืนยาว!!…ฉะนั้นยุทธวิธีปราบโจร เรียกความสงบกลับคืนสู่ ยะลาปัตตานี นราธิวาส จึงยังไม่ประสบความสำเร็จและดูเหมือนจะต้องใช้ความพยายามอีกหลายเท่าประเทศอังกฤษปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไออาร์เอ!!จึงอยู่ในความสนใจของผู้เขียน เพราะเห็นว่าประสบการณ์ที่อังกฤษปราบไออาร์เอนั้น น่าจะนำมาเป็นพื้นฐานในการปราบปราม “กองโจรใต้” ได้เหมือนกันโดยการรวบรวมและสรุปโดยย่อมาจากเนื้อหาจริงทางการอังกฤษให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้...ประการแรก การมีข่าวกรองที่ถูกต้อง ทันสมัยทันเวลา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องตระหนักเป็นสำคัญ เพราะข้อมูลดังกล่าวเมื่อนำตรวจสอบวิเคราะห์วิจัยก็จะได้มาซึ่ง“ความน่าจะเป็น”รัฐบาลต้องลงทุนด้านการข่าวกรองมากขึ้น อย่า“ขี้เหนียว” งบประมาณที่ถูกโกงกินกันแต่ละปีนั้นหากจัดมาให้หน่วยข่าวเพียง 5% คงทำให้หน่วยข่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการข่าวก็ต้องใช้เงิน การข่าวกรองไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการรวบรวมข่าวอย่างเดียว แต่ต้องทำข่าวให้“ครบวงจร” ด้วยประการที่สอง ตำรวจต้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม การจับกุมต้องมีหลักฐานเพียงพอที่จะนำเสนอให้ศาลลงโทษได้ เพราะหากส่งฟ้องแล้วศาลปล่อยตัวเสมอทำให้ภาพลักษณ์ของภาครัฐไม่ดี...ซํ้าร้ายกว่านั้นมันจะกลายเป็นการผลักดัน ผู้บริสุทธิ์ ให้ถอยออกห่างจากรัฐบาลและเข้าไปใกล้ชิดกับผู้ก่อการร้ายมากขึ้นประการที่สาม ตำรวจต้องไม่ใช้วิธีการทรมานผู้ต้องหาในการสอบสวนซักถาม หรือทำให้สูญหายไป หากเป็นเช่นนั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย และอาจกลายเป็นปัญหาการเมืองระหว่างประเทศประการที่สี่ เจ้าหน้าที่รัฐต้องไม่แสดงกิริยาดูหมิ่นเหยียดหยามต่อศาสนา หรือลัทธิความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของผู้ถูกจับ หรือของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าหน้าที่รัฐได้รับการอบรมอย่างหนักในสิ่งที่“ทำได้” และ “ทำไม่ได้” หรือ “ไม่ควรทำ”
กรณีของทหารสหรัฐฯ ปฏิบัติต่อเชลยศึกที่ฐานทัพกวนตานาโม โดยบางคนใช้วิธียั่วยุเพื่อให้เชลยศึกพูดโดยการแสดงกิริยาไม่ดีต่อสิ่งที่คนมุสลิมให้ความเคารพการปฏิบัติเช่นนี้เป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากผู้ต้องหาไม่ยอมปริปากแล้ว ยังต่อต้านเพิ่มขึ้น อีกทั้งหากข่าวนี้หลุดรอดออกไปประชาชนที่มีความเชื่อในศาสนาเดียวกันจะรวมหัวกันต่อต้าน พวกที่วางตัวเป็นกลางจะหันไปสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายทันทีประการที่ห้า เจ้าหน้าที่ต้องแยกประชาชนออกจากผู้ก่อการร้ายให้ได้ ไม่ใช่ว่ามองคนมุสลิมอย่างสงสัยไปหมดถ้าทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการผลักประชาชนให้ไปอยู่กับฝ่ายก่อการร้ายมากขึ้น ทั้งที่ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่าร้อยละ 90 พร้อมที่จะอยู่ฝ่ายรัฐยิ่งผู้ก่อการร้ายใช้ความรุนแรงเที่ยวไล่ฆ่าไม่เลือกหน้าการดำเนินชีวิตประจำวันเปลี่ยนไป ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนเพิ่มความไม่พอใจกับกลุ่มก่อการร้ายมากขึ้น เพียงเท่านี้ประชาชนก็ยิ่งร่วมมือกับรัฐมากขึ้นส่วนประชาชนจะร่วมมือกับรัฐมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับ“ฝีมือ” ของรัฐบาลเอง..ประการที่หก เมื่อกลุ่มก่อการร้ายพยายามยั่วยุด้วยการทำลายอย่างไม่มีปราณี นัยหนึ่งเพื่อให้ทางการไทยตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพราะฉะนั้นเราต้องศึกษาจากสิ่งที่ผ่านมาและไม่ใช้ความรุนแรงจนเกินจำเป็นหากจำเป็นต้องใช้ความรุนแรง ควรมีเหตุผลชี้แจงต่อประชาชนและต่างประเทศได้อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า ให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่เป็น “หุ่นไล่กา” ไม่สามารถใช้ “กำลัง” ตอบโต้ผู้ก่อการร้ายได้ที่ผ่านมารัฐไทยพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงในการยุติการก่อการร้ายในชายแดนภาคใต้ แม้บางครั้งจะต้อง “งัด”มาตรการ “ล้างบาง” มาใช้ เพราะโจรใต้เลือกรุนแรงโดยใช้มาตรการฆ่าล้างโคตร ไทยพุทธ-มุสลิมไม่เลือกหน้าฉะนั้นความรุนแรงจึงต้องเกิดขึ้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ การอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมจวบจนวันนี้ โจรใต้ก็ยัง “โหดร้ายอำมหิต” หากรัฐยัง“เย็นชา” คิดอะไรไม่ออก ..การสนองตอบโจรด้วยความรุนแรงตามหลักการที่อังกฤษใช้ปราบไออารเ์อเพื่อรักษาชีวิตผู้บริสุทธิ์คงไม่ “เกินไป” นักหรอก...
ไออาร์เอ
ไออาร์เอ หรือกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (พูดให้ครบถ้วนคือ Provisional Irish Republican Army แยกตัวจาก Official IRA ซึ่งปฏิเสธความรุนแรง-มาก่อตั้งต่างหากปลายปี ค.ศ.1969) เป็นชื่อขบวนการของชนส่วนน้อยชาวไอริช-คาทอลิกในดินแดนตอนเหนือของเกาะไอร์แลนด์ที่ต่อสู้ด้วยอาวุธกับกองทหารอังกฤษและชนส่วนใหญ่ชาวสก๊อต-โปรเตสแตนต์ด้วยวิธีการต่างๆอาทิ ซุ่มโจมตี ลอบสังหาร ปล้นธนาคาร รวมทั้งใช้ยุทธวิธีก่อการร้าย โดยวางระเบิดเป้าที่เป็นพลเรือนมาต่อเนื่องกว่า 30 ปี