ที่มา Thai E-News
ช่วงเวลาราว 21.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ได้เผยแพร่ข่าวพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับสั่ง กับคณะคนไทยในเยอมนี ถึงพระอาการประชวรของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "ตอนนี้ แพทย์บอกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแล้ว ทุกวันนี้ พระองค์ทรงรับสั่ง และเสวยพระกระยาหารได้เกือบปกติแล้ว"
สถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ได้เผยแพร่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงรับสั่ง กับคณะข้าราชการสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเยอรมนี และนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยดิออสอัลกูดเอสติกัล ประเทศเยอมนี ถึงพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่เสด็จฯเยือนประเทศเยอรมนี ทรงเข้ารับ รางวัลบิลดาส เมเดิล ซึ่งเป็นรางวัลของนักวิทยาศาสตร์ด้านเคมี ว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน ด้วยพระอาร ทรงมีไข้ หมอตรวจพบว่า ทรงมีอาการปอดอักเสบ ทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช อาคารเฉลิมพระเกียรติ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน เป็นต้นมา พระอาการก็ทรงดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ช่วงอาทิตย์แรก ทรงมีไข้สูงมาก ทำให้ทรงไม่สามารถพระดำเนินได้ เนื่องจากทรงไม่มีแรง ขณะนี้ไข้ได้ลดลงมาแล้ว
ขณะนี้คณะแพทย์ได้ติดตามว่า ปอดเป็นอย่างไรบ้าง จากผลเอ็กเรย์มาก็ทรงดีขึ้นเป็นลำดับ ไม่มีน้ำ ไม่มีอะไรแล้ว อาการทางพระหทัยก็เป็นปกติดี ขณะนี้แพทย์ถวายการดูแลอยู่คือเรื่อง การถวายกายภาพบำบัดอยู่ ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้สูงอายุหากนอกบนเตียงอยู่หลายวัน ก็อาจจะทำให้เดินไม่มั่นคง เหมือนกับตอนที่ข้าพเจ้า ประสูติพระธิดา
ตอนนี้คณะแพทย์ก็ถวายการกายภาพบำบัด เพื่อให้ทรงพระดำเนินได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม ซึ่งการทำกายภาพบำบัดต้องใช้เวลาสักระยะ จึงเป็นเหตุผลให้ยังไม่สามารถเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชได้ ตอนนี้พระอาการแพทย์บอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายแล้ว ทุกวันนี้พระองค์ทรงรับสั่ง และเสวยพระกระยาหารได้เกือบปกติแล้ว
ตอนเสด็จฯเข้าโรงพยาบาลใหม่ต้องถวายพระกระยาหาร ทางหลอดพระโลหิต เพราะว่า ทรงมีไข้สูงพระองค์ก็ไม่อยากเสวย ขณะนี้ทรงไม่มีไข้แล้ว พระองค์ก็เสวยได้ตามปกติ
จนมีเรื่องเล่าสนุก คือตัวข้าพเจ้าเองได้ไปเฝ้าพระอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งคนที่เฝ้าไข้อยู่นั้น อย่างสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเฝ้าไข้อยู่ตลอด ไม่ได้เสด็จฯที่ไหนเลย และก็มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงประทับค้างแรมที่โรงพยาบาลตลอด
ซึ่งข้าพเจ้าได้เข้าไปเฝ้าพระองค์ขณะเสวยพระกระยาหาร พระองค์ทรงท้าว่า มารับประทานแข่งกันไหม เพราะพระองค์ท่านทรงรู้ว่า ข้าพเจ้าตั้งแต่เล็กนั้น กินผักไม่เป็น พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า วันนี้มีซุปผักโขม มาทานแข่งกันไหม ข้าพเจ้าก็ตอบกับพระองค์ว่ารับทานแข่งก็ได้ วันนั้นเลยได้รับประทานซุปผักโขมไปหนึ่งถ้วย พระองค์ท่านทรงมีพระอาการดีขึ้นมาก เหลือเพียงแต่การทำกายบำบัด เพื่อให้ขามีกำลังดีขึ้น