ดิเรก
ไม่ได้ช่วยให้อาการดีขึ้นเลย
ขนาดนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปพักผ่อนกับครอบครัวที่หัวหินมา 1 วัน ล่าสุดสังเกตจากสีหน้าแววตาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระหว่างนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ บางเขน
ก็ยังเคร่งเครียดตลอดเวลา
รอยยิ้มหายไปตั้งแต่ "นาทีนองเลือด" ค่ำคืนวันที่ 10 เมษายน ยังไม่หวนคืนกลับมา
ภายใต้สถานการณ์ตึงเครียด เขม็งเกลียวขึ้นทุกวินาที ตามภาพที่ทหารหลายกองร้อยพร้อมอาวุธสงคราม
ครบมือ สนธิกำลังตำรวจหลายร้อยนายเคลื่อนพลไปปักหลักคุมเข้มถนนสีลม เส้นเลือดใหญ่ทางธุรกิจ บล็อกจุดยุทธศาสตร์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเล็งเป้าบุกกลุ่มทุนใหญ่ของฝ่ายอำมาตย์ ทั้งธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ตึกซีพี ทาวเวอร์ ของเครือเจริญโภคภัณฑ์
จ่อแนวรบ สงครามวัดดวงช็อตสุดท้าย
เร้าด้วยเสียงของ "เสธ.ไก่อู" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ส่งสัญญาณเป็นนัย "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" รับมุกด้วยคิวของโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลแถลงอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธป้องกันตัวได้
ฝ่ายถืออำนาจไฟเขียวกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบ
นัยว่า ขู่กันซึ่งๆหน้า ไม่รับประกันความปลอดภัยมวลชนคนเสื้อแดง
ขณะที่ม็อบเสื้อแดงต้องใช้สิทธิขอ "ตัวช่วย" จากต่างประเทศกันแล้ว
ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ตัวแทนกลุ่ม นปช.เข้ายื่นหนังสือต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้ช่วยสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยยืนยันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ และไม่ได้เป็นผู้ก่อการร้าย เรียกร้องยูเอ็นให้ช่วยศึกษาเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน
พร้อมกับขอให้กองกำลังสันติภาพเข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยกับกลุ่มคนเสื้อแดง
ในสถานการณ์ที่ฝ่ายรัฐบาลได้สิทธิใช้ "ตัวช่วย" ในประเทศ เครือข่ายม็อบพันธมิตรฯ ทั้งในนามกลุ่มคนหลากสี และกลุ่มคนหน้าเดิมๆที่เปิดไต๋โชว์ตัวกันชัดเจน แท็กทีมคนประชาธิปัตย์ จัดม็อบเชียร์ให้นายกฯอภิสิทธิ์เดินหน้าลุยจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงให้อยู่หมัดภายใน 7 วัน
มิฉะนั้น "ขาใหญ่" จะออกมาลุยเอง
ฉากประวัติศาสตร์หนังม้วนเก่า "ตุลาวิปโยค" ตำนานขวาพิฆาตซ้าย ภาคใหม่เปลี่ยนมาเป็นสีเหลืองจ้องพิฆาตสีแดง โมเดลคุ้นๆ "19 กันยา 49" ม็อบพันธมิตรฯ จ่อชนม็อบ นปช. เร่งเกมเร้ากองทัพต้องยึดอำนาจก่อนที่มวลชนจะเคลื่อนมาปะทะกัน
ต้องลุ้นกันแบบวันต่อวัน
ตามข่าวที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เรียกประชุมด่วนหัวหน้าหน่วยคุมกำลังขึ้นตรงกองทัพบกนัดพิเศษ ที่กองบัญชาการกองทัพบก แต่แล้วก็เปลี่ยนคิวเป็นการประชุมชี้แจงทำ
ความเข้าใจในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ทหารระดับ ผบ.พัน ผบ.หน่วย ที่กรมทหารราบที่ 11
ท่ามกลางกระแสหวาดระแวงปฏิวัติ
โดยจังหวะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ชิงดักคอ ได้รับทราบข่าวว่า หากทหารทำรัฐประหารยึดอำนาจ จะมีทหารบางกลุ่มออกมาต่อต้านอย่างแน่นอน และจะไม่สำเร็จโดยง่ายเหมือนกับรัฐประหารเมื่อครั้งที่ผ่านมา
กระตุกแนวร่วม "ทหารแตงโม" กองทัพแดงพร้อมรับเกมปราบรุนแรง
แต่ก่อนอื่นใด ในอารมณ์ที่พูดกันแบบ "คนกลางๆ" นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี อดีตประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ กระตุกสติฝ่ายถืออำนาจ
ถ้าใช้มาตรการที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จะนำไปสู่ความรุนแรง เกิดสงครามระหว่างประชาชน เวลานี้คนที่มาชุมนุมไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่มาชุมนุมเพราะอุดมการณ์ประชาธิปไตยและความไม่เป็นธรรมที่ได้รับ ตรงนี้รัฐบาลต้องมองให้ออกว่าผู้มาชุมนุมไม่ได้มีเจตนาก่อการร้าย
ส่วนเรื่องกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่เข้าปฏิบัติการเมื่อวันที่ 10 เมษายน ฝ่ายทหารต้องไปวิเคราะห์เอง แต่อย่าไปเหมารวมกับผู้ชุมนุม เพราะถ้าใช้กำลังปราบ ถามว่าจะปราบทั้งประเทศหมดหรือ หากมีเสียงปืนดังขึ้น แม้ทหารอาจจะชนะในตอนนี้ แต่ปัญหาไม่จบ อาจเจอการก่อความรุนแรงทุกจังหวัด แล้วผู้คนจะอยู่กันอย่างไร เกรงว่า จะกลายเป็น 3 จังหวัดชายแดนใต้ไปทั่วประเทศ
โดยฉากที่เห็นกันอยู่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
ในจังหวะที่ยังพอเหลือช่องทางเดินแคบๆ การเมืองต้องแก้ด้วย การเมือง
กับการเปลี่ยนจังหวะเล่น โดยที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลากเกมกลับเข้าสภา จังหวะเดียวกันกับเกมนอกสภา ม็อบเสื้อแดงก็เดินสายกดดันแกนนำ "ตัวจริง" ของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างที่บุกไปถึงบ้านของ "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา บอสใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ให้ถอนตัวจากการร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ บีบ "อภิสิทธิ์" ยุบสภาตามรัฐธรรมนูญ
ไถ่บาปจากเหตุนองเลือด "เมษาทมิฬ".
ทีมข่าวการเมือง รายงาน