WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 8, 2010

สกิมเมอร์! มหาภัยATM

ที่มา บางกอกทูเดย์



โจรหัวใสติดเครื่องสกิมเมอร์ตู้ ATM กดเงิน แฮ๊กบัตร ATM อาละวาด...ระวังเงินหายไม่รู้ตัว ดูดข้อมูล ATM เจ้าทุกข์สูญเงิน 10 ล้าน “สกิมเมอร์” เทคโนโลยีโฉดเพื่อทรชน นี่คือข้อความ “พาดหัวข่าว” ตามหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เพื่อเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังภัยใกล้ตัวในปัจจุบัน ซึ่งยุคนี้ถือเป็น “ยุคไฮเทค” ที่โจรผู้ร้ายสามารถปล้นเงินของคุณโดยไม่ต้องชักมีดหรือชักปืน...เพียงแต่ใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว

นั่นคือ “สกิมเมอร์” แล้วคำถามมีว่า “สกิมเมอร์” คืออะไร? เรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กล่าวว่า “สกิมเมอร์” (Skimmer) คือ เครื่องดูดหรือเครื่องกวาดข้อมูล เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คนร้ายสร้างขึ้นโดยนำเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก วงจรถอดรหัส และวงจรหน่วยความจำมาประกอบเข้าด้วยกัน

“สกิมเมอร์” มีหลายขนาดตั้งแต่เท่ากับกล่องใส่รองเท้าไปจนถึงขนาดเท่าซองบุหรี่ที่คนร้ายซ่อนไว้ในอุ้งมือ โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในการทำงาน นอกจากนี้ประสิทธิภาพของ “สกิมเมอร์” คือสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ติดตั้งง่าย ถอดประกอบง่าย เมื่อมีการนำบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตเช่น

บัตร ATM มารูด...สกิมเมอร์จะอ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็กและนำไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ ทั้งนี้ สกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำน้อยจะเก็บข้อมูลบัตรเครดิตได้ 50 ใบ ส่วนสกิมเมอร์ที่มีหน่วยความจำมากก็อาจจะเก็บข้อมูลได้หลายหมื่นใบเลยทีเดียว เห็นแบบนี้คงต้องร้องอุทานดังๆ ว่า “โอ้...มายก็อด” เพราะผู้อาวุโส

ในแวดวงธนาคารหลายท่าน ได้ให้ข้อมูลกับบางกอกทูเดย์ตรงกันว่า...ปัจจุบันมีคนไทยใช้บัตรเครดิตและบัตรเดดิตรวมแล้วประมาณกว่าสิบล้านคน และเมื่อคำนวณจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี...พวกท่านลองคิดดูว่านี่คือ “ความสูญเสีย” ที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลเพียงใด เมื่อเร็วๆ นี้ “แก๊งมาเลย์” ได้แอบติดแถบแม่เหล็ก

ในช่องเสียบบัตรตู้เอทีเอ็ม และคัดลอกข้อมูลตระเวนกดเงินจากบัญชีเหยื่อ ซึ่งจากปากคำให้การ...พวกเขาบอกว่าสามารถทำให้เสร็จได้เพียงแค่ 3 นาที ครั้งนั้นการโจรกรรมข้อมูลเอทีเอ็ม ได้นำมาสู่การจับกุม นายโก ฟุก ไช อายุ 35 ปี และนายลิม ซี โชว อายุ 34 ปี ทั้งสองสัญชาติมาเลเซีย ถูกจับกุมได้

บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา ของกลางที่ยึดได้ประกอบด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเอทีเอ็ม) จำนวน 81 ใบ เครื่องคัดลอกข้อมูลแถบแม่เหล็ก หรือสกิมเมอร์ 3 ชุด กล้องวงจรปิดขนาดเล็ก 3 ชุด แผ่นพลาสติกสำหรับซ่อนกล้องวงจรปิด 6 แผ่น แบตเตอรี่ 5 ก้อน ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ 72 อัน

โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และอุปกรณ์ผลิตบัตรเอทีเอ็มปลอมจำนวนหนึ่ง เรื่องดังกล่าว...เกิดจากการที่มีผู้เสียหายซึ่งใช้บัตรเอทีเอ็มของธนาคารหลายแห่งร้องเรียนว่าถูกคนร้ายลักลอบกดเงินไปจากบัญชีกว่า 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน โดยคนร้ายแบ่งหน้าที่กัน

อย่างชัดเจน มีทั้งชุดติดตั้งกล้องและอุปกรณ์สกิมเมอร์ ชุดถอนเงินสด และชุดที่เฝ้าสังเกต ก่อนคนร้ายจะจนมุมเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐาน เช่นภาพถ่ายกล้องวงจรปิดภายในตู้เอทีเอ็ม ประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศ ทำให้ทราบชื่อคนร้ายทั้งหมด ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้ยกแก๊ง

เทคโนโลยีโจรกรรมรหัสข้อมูลพัฒนาไปไกล...เดิมทีการปลอมแปลงบัตรแต่ละใบใช้เวลานานนับเดือน แต่วันนี้...ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ไม่มีใครรู้ว่าภัยใกล้ตัวดังกล่าวจะมาถึงตัวเราเมื่อใด...แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ นั่นคือ การตั้งมั่นอยู่ใน “ความไม่ประมาท” และการรู้จัก “ป้องกันตนเอง” ผู้รู้ในวงการธนาคารแนะนำว่า...

หากใครต้องการ “ฝากเงินสด” และต้องการความสะดวกสบายด้วยการทำบัตร ATM ก็ไม่ควรที่จะฝากเงินเกิน 50,000 บาท แต่หากบุคคลใดทำธุรกิจและทำธุรกรรม ซึ่งจำเป็นต้องใช้ธนาคารเป็นสถานที่ “หมุนเงิน” และฝากเงินเป็นแสนเป็นล้าน คนเหล่านั้นควรเบิกเงินสดจาก “สมุดธนาคาร” ไม่จำเป็นต้องใช้บัตร ATM

ที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง...ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า มักจะเกิดขึ้นกับตู้ ATM ที่อยู่ติดกันมากกว่า 1 ตู้ขึ้นไป ดังนั้น...นี่คือ “คำเตือน” ให้ประชาชนซึ่งใช้บัตร ATM เกิดความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ผู้ประดิษฐ์ และนำสกิมเมอร์มาใช้สร้างความเดือดร้อนย่อมสมควรถูกจับกุมดำเนินคดี

โชคร้ายที่ในขณะนี้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับบัตรเครดิตโดยตรง นี่อาจเป็นเหตุผลที่ “อาชญากรต่างชาติ” นิยมเข้ามาทำผิดกฎหมายเรื่องบัตรเครดิตในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ดี คดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงบัตรเครดิต และบัตรเดบิตที่ขึ้นสู่ศาลขณะนี้ สามารถใช้การวินิจฉัยโดยเทียบเคียงกับกฎหมายที่มีอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น การลักบัตรเครดิต หากเป็นการขโมยบัตรก็เข้าข่ายการลักทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกินหกพันบาท แต่ในกรณีของการดูดข้อมูลบัตรเครดิตด้วยสกิมเมอร์ศาลฎีกายังไม่ได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่าการกระทำดังกล่าว

เป็นการลักทรัพย์หรือไม่ การยักยอกบัตรเครดิต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 การยักยอกบัตรเครดิตเป็นเรื่องที่สร้างปัญหากับธนาคารและเจ้าของบัตรเครดิตเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าของบัตรเครดิตไม่อาจทราบได้ว่า...บัตรเครดิตถูกนำไปใช้ จะรู้ก็ต่อเมื่อได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารให้ไป

ชำระเงินที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต การปลอมบัตร เทียบได้กับการกระทำความผิดในฐานปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 วิธีนี้คนร้ายจะสร้างบัตรปลอมที่มีตัวอักษรนูน และลวดลายเหมือนบัตรจริง จากนั้นนำข้อมูลของบัตรเครดิตจากสกิมเมอร์มาบันทึกลงในแถบแม่เหล็ก ข้อมูลที่บันทึก

จะประกอบด้วยหมายเลขบัญชีของผู้ถือบัตร หมายเลขบัตร วันหมดอายุบัตร และ ชุดตัวเลขที่ธนาคารเข้ารหัสไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ใช้ยืนยันได้ว่าบัตรนั้นเป็นบัตรเครดิตที่ธนาคารออกให้จริงๆ ถูกต้องที่สุดกับคำพูดที่ว่า...ศาสตร์คอมพิวเตอร์ไม่ต่างจากเทคโนโลยีอื่นๆ คือมีทั้งคุณและโทษ ผู้คนมากมาย

นำเทคโนโลยีไปใช้เพื่อให้เพื่อนมนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มี “ทรชนใจทราม” นำไปใช้เพื่อสร้างความเสียหายเดือดร้อนแก่ผู้อื่น โลกทุกวันนี้เปลี่ยนเปลงไปและเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าตื่นเต้นและน่าค้นหา...แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่าวิวัฒนาการของโลก นั่นคือ จิตใจที่ชั่วร้ายของมนุษย์เรา