ที่มา ไทยรัฐ
อภิสิทธิ์
โชว์ฟอร์มประเดิมตำแหน่งใหม่ได้เข้าฝักเลย
กับลีลาของ "เดอะโย่ง" นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กำกับดูแลสื่อรัฐ สวมบทเซียนลูกหนัง โชว์ทัศนะถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะระเบิดศึกขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
โดยส่วนตัวเป็นแฟนบอลของทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ดังนั้น ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ตั้งใจเชียร์ทีมรอง ที่มีนักเตะของทีมเชลซีแยกไปเล่นในนามทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทีมอังกฤษ ฝรั่งเศส กานา ไอวอรีโคสต์
ส่วนทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกคือทีมชาติสเปน โปรตุเกส เป็นตัวเต็ง 1 เต็ง 2
ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ผิดถูกไม่ใช่ปัญหา เพราะประเด็นมันอยู่ที่การเคลียร์พื้นที่ข่าวให้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์ กลบประเด็นการเมืองให้ลดอุณหภูมิลงชั่วคราว
"องอาจ" เขี่ยลูก โยนยาวให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เลี้ยงบอล
ลากเลื้อย สับขาหลอกคู่ต่อสู้ไปได้อีกอย่างน้อยก็ 1 เดือนเต็มๆ
ทางหนึ่งก็ได้อาศัยฟุตบอลโลกฟีเวอร์เบี่ยงกระแส แต่อีกทางหนึ่งก็ยังต้องพึ่งไสยศาสตร์
อย่างน้อยเลยก็ได้ผลทางจิตใจ ในฉากที่นายกฯอภิสิทธิ์ นำคณะรัฐมนตรี ข้าราชการผู้ใหญ่ นักธุรกิจภาคเอกชน จัดพิธีทำบุญใหญ่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกัน 5 ศาสนา นัยว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ที่แน่ๆนับเป็นคิวแรกที่นายอภิสิทธิ์ ควง "มาดามแตงโม" นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา กลับมาปรากฏตัวออกงานร่วมกันอีกครั้ง
หลังต้องซุ่มเก็บตัว หลบภัยช่วงวิกฤติม็อบเสื้อแดง
และก็เป็นผู้เฒ่าผู้แก่อย่าง "ปู่ชัย" นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ชิงจังหวะโหมโรงเอาฤกษ์
เอาชัย สถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลก็ทำงานเดินหน้าต่อไปได้ คงอยู่เกินวาระ
แต่อย่างว่า ผลทางใจ ทำบุญใหญ่แก้เคล็ดแล้วจะต่อชะตากันอีกยาวแค่ไหน
ในทางปฏิบัติก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่ ทันทีที่รัฐบาลเปิดโพยชื่อของนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่ สงบทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ถึง 19 พฤษภาคม 2553
ก็มีเสียงคัดค้านดังเซ็งแซ่ออกมาจากแกนนำม็อบ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เครือข่ายพรรคเพื่อไทย ไปยันนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความส่วนตัว สายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โห่ต้าน "กองเชียร์ประชาธิปัตย์"
ด้วยการอ้างปมคาใจ ทั้งรายการ สปก.4-01 และยังโยงไปถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็เป็นอดีตเลขาฯหน้าห้องของนายคณิตมาก่อน
ขุดเบื้องหลัง ไม่มีทางเป็นกลางได้
อารมณ์เดียวกับชื่อของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่นายกฯอภิสิทธิ์ทาบทามมาเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง รายนี้ก็โดนข้อหาฝักใฝ่ โดยความคิดความอ่านสะท้อนว่ามีใจเทให้ประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่อง
ไม่เป็นกลางตั้งแต่เห็นชื่อ
โดยปรากฏการณ์ตั้งแง่ใส่กัน อารมณ์หนึ่งมันก็อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์เหน็บกลับฝ่ายตรงข้าม ขนาดองค์กรอิสระยังไม่ยอมรับเลย อะไรไม่ตรงใจเขา ก็ไม่ยอมรับ แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ในยามบ้านเมืองแตกออกเป็นสองฝ่าย เถียงกันเรื่องสองมาตรฐาน
ในเมื่อนายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะ "คู่ขัดแย้ง" ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ยังนั่งอยู่ในอำนาจ และก็เป็นคนชงตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯขึ้นมาสอบตัวเองและฝ่ายตรงข้าม
เหมือนฟุตบอลทีมเจ้าบ้านเล่น 14 คน สู้กับทีมเยือน 11 คน กรรมการถูกเหมารวมอยู่ข้างเจ้าภาพ
มันก็ยากที่จะให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยทำอารมณ์ข่มใจให้เชื่อความเป็นกลาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ "อภิสิทธิ์" มั่นใจในกระแสพ่อยกแม่ยกที่โอบอุ้ม เดินหน้า "ชงเองกินเอง" โดยไม่สนฝ่ายตรงข้ามจะยอมรับหรือไม่
ดูท่าก็คงไม่ได้หวังผลสัมฤทธิ์สุดท้ายซักเท่าไหร่
แต่เรื่องของเรื่องมันจะเป็นน้ำหนักสะสม "ตัวถ่วง" ความชอบธรรม
โดยเฉพาะกับสถานะของรัฐบาลที่สร้าง "นวัตกรรมอัปลักษณ์ ทางการเมือง" ตามคิวที่นายแพทย์ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีตรองโฆษกรัฐบาล พรรคเพื่อแผ่นดิน ทิ้งทวนก่อนจาก
ฉายภาพรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่อยู่แบบไม่สง่างาม งูเห่าเลื้อยกันเพ่นพ่าน มั่วลูกพรรคคนอื่นหน้าตาเฉย ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล
ตามอาการ ร่วงเมื่อไหร่ก็ฟุบยาวเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โชว์ฟอร์มประเดิมตำแหน่งใหม่ได้เข้าฝักเลย
กับลีลาของ "เดอะโย่ง" นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กำกับดูแลสื่อรัฐ สวมบทเซียนลูกหนัง โชว์ทัศนะถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะระเบิดศึกขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนี้
โดยส่วนตัวเป็นแฟนบอลของทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ดังนั้น ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ตั้งใจเชียร์ทีมรอง ที่มีนักเตะของทีมเชลซีแยกไปเล่นในนามทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทีมอังกฤษ ฝรั่งเศส กานา ไอวอรีโคสต์
ส่วนทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกคือทีมชาติสเปน โปรตุเกส เป็นตัวเต็ง 1 เต็ง 2
ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ผิดถูกไม่ใช่ปัญหา เพราะประเด็นมันอยู่ที่การเคลียร์พื้นที่ข่าวให้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์ กลบประเด็นการเมืองให้ลดอุณหภูมิลงชั่วคราว
"องอาจ" เขี่ยลูก โยนยาวให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เลี้ยงบอล
ลากเลื้อย สับขาหลอกคู่ต่อสู้ไปได้อีกอย่างน้อยก็ 1 เดือนเต็มๆ
ทางหนึ่งก็ได้อาศัยฟุตบอลโลกฟีเวอร์เบี่ยงกระแส แต่อีกทางหนึ่งก็ยังต้องพึ่งไสยศาสตร์
อย่างน้อยเลยก็ได้ผลทางจิตใจ ในฉากที่นายกฯอภิสิทธิ์ นำคณะรัฐมนตรี ข้าราชการผู้ใหญ่ นักธุรกิจภาคเอกชน จัดพิธีทำบุญใหญ่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกัน 5 ศาสนา นัยว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ที่แน่ๆนับเป็นคิวแรกที่นายอภิสิทธิ์ ควง "มาดามแตงโม" นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา กลับมาปรากฏตัวออกงานร่วมกันอีกครั้ง
หลังต้องซุ่มเก็บตัว หลบภัยช่วงวิกฤติม็อบเสื้อแดง
และก็เป็นผู้เฒ่าผู้แก่อย่าง "ปู่ชัย" นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ชิงจังหวะโหมโรงเอาฤกษ์
เอาชัย สถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลก็ทำงานเดินหน้าต่อไปได้ คงอยู่เกินวาระ
แต่อย่างว่า ผลทางใจ ทำบุญใหญ่แก้เคล็ดแล้วจะต่อชะตากันอีกยาวแค่ไหน
ในทางปฏิบัติก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่ ทันทีที่รัฐบาลเปิดโพยชื่อของนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่ สงบทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ถึง 19 พฤษภาคม 2553
ก็มีเสียงคัดค้านดังเซ็งแซ่ออกมาจากแกนนำม็อบ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เครือข่ายพรรคเพื่อไทย ไปยันนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความส่วนตัว สายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โห่ต้าน "กองเชียร์ประชาธิปัตย์"
ด้วยการอ้างปมคาใจ ทั้งรายการ สปก.4-01 และยังโยงไปถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็เป็นอดีตเลขาฯหน้าห้องของนายคณิตมาก่อน
ขุดเบื้องหลัง ไม่มีทางเป็นกลางได้
อารมณ์เดียวกับชื่อของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่นายกฯอภิสิทธิ์ทาบทามมาเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง รายนี้ก็โดนข้อหาฝักใฝ่ โดยความคิดความอ่านสะท้อนว่ามีใจเทให้ประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่อง
ไม่เป็นกลางตั้งแต่เห็นชื่อ
โดยปรากฏการณ์ตั้งแง่ใส่กัน อารมณ์หนึ่งมันก็อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์เหน็บกลับฝ่ายตรงข้าม ขนาดองค์กรอิสระยังไม่ยอมรับเลย อะไรไม่ตรงใจเขา ก็ไม่ยอมรับ แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ในยามบ้านเมืองแตกออกเป็นสองฝ่าย เถียงกันเรื่องสองมาตรฐาน
ในเมื่อนายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะ "คู่ขัดแย้ง" ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ยังนั่งอยู่ในอำนาจ และก็เป็นคนชงตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯขึ้นมาสอบตัวเองและฝ่ายตรงข้าม
เหมือนฟุตบอลทีมเจ้าบ้านเล่น 14 คน สู้กับทีมเยือน 11 คน กรรมการถูกเหมารวมอยู่ข้างเจ้าภาพ
มันก็ยากที่จะให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยทำอารมณ์ข่มใจให้เชื่อความเป็นกลาง
อย่างไรก็ตาม เมื่อ "อภิสิทธิ์" มั่นใจในกระแสพ่อยกแม่ยกที่โอบอุ้ม เดินหน้า "ชงเองกินเอง" โดยไม่สนฝ่ายตรงข้ามจะยอมรับหรือไม่
ดูท่าก็คงไม่ได้หวังผลสัมฤทธิ์สุดท้ายซักเท่าไหร่
แต่เรื่องของเรื่องมันจะเป็นน้ำหนักสะสม "ตัวถ่วง" ความชอบธรรม
โดยเฉพาะกับสถานะของรัฐบาลที่สร้าง "นวัตกรรมอัปลักษณ์ ทางการเมือง" ตามคิวที่นายแพทย์ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีตรองโฆษกรัฐบาล พรรคเพื่อแผ่นดิน ทิ้งทวนก่อนจาก
ฉายภาพรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่อยู่แบบไม่สง่างาม งูเห่าเลื้อยกันเพ่นพ่าน มั่วลูกพรรคคนอื่นหน้าตาเฉย ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล
ตามอาการ ร่วงเมื่อไหร่ก็ฟุบยาวเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน