WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, June 11, 2010

ถ่วงความชอบธรรม!

ที่มา ไทยรัฐ


Pic_88713
อภิสิทธิ์

โชว์ฟอร์มประเดิมตำแหน่งใหม่ได้เข้าฝักเลย

กับลีลาของ "เดอะโย่ง" นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กำกับดูแลสื่อรัฐ สวมบทเซียนลูกหนัง โชว์ทัศนะถึงการแข่งขันฟุตบอลโลกที่จะระเบิดศึกขึ้นในวันที่ 11 มิถุนายนนี้

โดยส่วนตัวเป็นแฟนบอลของทีมเชลซี ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ดังนั้น ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็ตั้งใจเชียร์ทีมรอง ที่มีนักเตะของทีมเชลซีแยกไปเล่นในนามทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทีมอังกฤษ ฝรั่งเศส กานา ไอวอรีโคสต์

ส่วนทีมที่มีโอกาสคว้าแชมป์โลกคือทีมชาติสเปน โปรตุเกส เป็นตัวเต็ง 1 เต็ง 2

ชัวร์หรือมั่วนิ่ม ผิดถูกไม่ใช่ปัญหา เพราะประเด็นมันอยู่ที่การเคลียร์พื้นที่ข่าวให้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์ กลบประเด็นการเมืองให้ลดอุณหภูมิลงชั่วคราว

"องอาจ" เขี่ยลูก โยนยาวให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เลี้ยงบอล

ลากเลื้อย สับขาหลอกคู่ต่อสู้ไปได้อีกอย่างน้อยก็ 1 เดือนเต็มๆ

ทางหนึ่งก็ได้อาศัยฟุตบอลโลกฟีเวอร์เบี่ยงกระแส แต่อีกทางหนึ่งก็ยังต้องพึ่งไสยศาสตร์

อย่างน้อยเลยก็ได้ผลทางจิตใจ ในฉากที่นายกฯอภิสิทธิ์ นำคณะรัฐมนตรี ข้าราชการผู้ใหญ่ นักธุรกิจภาคเอกชน จัดพิธีทำบุญใหญ่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกัน 5 ศาสนา นัยว่าเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย

ที่แน่ๆนับเป็นคิวแรกที่นายอภิสิทธิ์ ควง "มาดามแตงโม" นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภริยา กลับมาปรากฏตัวออกงานร่วมกันอีกครั้ง

หลังต้องซุ่มเก็บตัว หลบภัยช่วงวิกฤติม็อบเสื้อแดง

และก็เป็นผู้เฒ่าผู้แก่อย่าง "ปู่ชัย" นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ชิงจังหวะโหมโรงเอาฤกษ์

เอาชัย สถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลก็ทำงานเดินหน้าต่อไปได้ คงอยู่เกินวาระ

แต่อย่างว่า ผลทางใจ ทำบุญใหญ่แก้เคล็ดแล้วจะต่อชะตากันอีกยาวแค่ไหน

ในทางปฏิบัติก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่ ทันทีที่รัฐบาลเปิดโพยชื่อของนายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ความไม่ สงบทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ถึง 19 พฤษภาคม 2553

ก็มีเสียงคัดค้านดังเซ็งแซ่ออกมาจากแกนนำม็อบ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน เครือข่ายพรรคเพื่อไทย ไปยันนายนพดล ปัทมะ อดีตทนายความส่วนตัว สายตรงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

โห่ต้าน "กองเชียร์ประชาธิปัตย์"

ด้วยการอ้างปมคาใจ ทั้งรายการ สปก.4-01 และยังโยงไปถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็เป็นอดีตเลขาฯหน้าห้องของนายคณิตมาก่อน

ขุดเบื้องหลัง ไม่มีทางเป็นกลางได้

อารมณ์เดียวกับชื่อของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่นายกฯอภิสิทธิ์ทาบทามมาเป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปการเมือง รายนี้ก็โดนข้อหาฝักใฝ่ โดยความคิดความอ่านสะท้อนว่ามีใจเทให้ประชาธิปัตย์มาอย่างต่อเนื่อง

ไม่เป็นกลางตั้งแต่เห็นชื่อ

โดยปรากฏการณ์ตั้งแง่ใส่กัน อารมณ์หนึ่งมันก็อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์เหน็บกลับฝ่ายตรงข้าม ขนาดองค์กรอิสระยังไม่ยอมรับเลย อะไรไม่ตรงใจเขา ก็ไม่ยอมรับ แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ ในยามบ้านเมืองแตกออกเป็นสองฝ่าย เถียงกันเรื่องสองมาตรฐาน

ในเมื่อนายกฯอภิสิทธิ์ ในฐานะ "คู่ขัดแย้ง" ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ยังนั่งอยู่ในอำนาจ และก็เป็นคนชงตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯขึ้นมาสอบตัวเองและฝ่ายตรงข้าม

เหมือนฟุตบอลทีมเจ้าบ้านเล่น 14 คน สู้กับทีมเยือน 11 คน กรรมการถูกเหมารวมอยู่ข้างเจ้าภาพ

มันก็ยากที่จะให้คนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยทำอารมณ์ข่มใจให้เชื่อความเป็นกลาง

อย่างไรก็ตาม เมื่อ "อภิสิทธิ์" มั่นใจในกระแสพ่อยกแม่ยกที่โอบอุ้ม เดินหน้า "ชงเองกินเอง" โดยไม่สนฝ่ายตรงข้ามจะยอมรับหรือไม่

ดูท่าก็คงไม่ได้หวังผลสัมฤทธิ์สุดท้ายซักเท่าไหร่

แต่เรื่องของเรื่องมันจะเป็นน้ำหนักสะสม "ตัวถ่วง" ความชอบธรรม

โดยเฉพาะกับสถานะของรัฐบาลที่สร้าง "นวัตกรรมอัปลักษณ์ ทางการเมือง" ตามคิวที่นายแพทย์ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีตรองโฆษกรัฐบาล พรรคเพื่อแผ่นดิน ทิ้งทวนก่อนจาก

ฉายภาพรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่อยู่แบบไม่สง่างาม งูเห่าเลื้อยกันเพ่นพ่าน มั่วลูกพรรคคนอื่นหน้าตาเฉย ทำทุกวิถีทางเพียงเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาล

ตามอาการ ร่วงเมื่อไหร่ก็ฟุบยาวเลย.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน