เหนือซุ้มประตูเข้าวัดธารน้ำไหล มีเสาปักอยู่ 5 ต้น ต้นกลางสูงจากนั้นไล่ระดับลงมา เสา 5 ต้นนี้บอกอะไร
ความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้ ท่านพุทธทาสบอกไว้ว่า "มาจากอมราวดี วิหารอมราวดีทุกแห่งแม้ที่บูชาพระพุทธรูปจะมีขีด 5 ขีดอยู่ข้างหลัง ผมชอบคำว่า 5 ก็เลยเอามาเป็นเสา 5"
ความหมายของเสา 5 ของท่านพุทธทาส ต่างจากเสาร์ห้าที่เคยเป็นภาพยนตร์อันโด่งดัง และฤกษ์งามยามดีทางโหราศาสตร์ อย่างแน่นอน ท่านบอกรหัสไว้ว่า "แทนได้หลายอย่าง ละเสีย 5 คือนิวรณ์ 5 ประพฤติ 5 คือพละ 5 อินทรีย์ 5...ยังมี 5 อื่นๆอีกแยะ"
ท่านสรุปไว้ว่า "คนอื่นตีความอย่างไรก็ตามใจเขา เรานึกๆอยู่ในใจของเราว่า อินทรีย์ 5 พละ 5 จะตรงที่สุด ที่อมราวดีในอินเดียสมัยโน้น เขาอาจจะหมายถึงพระเจ้า 5 องค์ก็ได้"
ริมกรอบประตูที่เสา 5 ต้นปักขึ้นไป ด้านซ้ายและขวามีภาพนกฮูก ภาพนี้มิเพียงลวดลายประดับ แต่ยังต้องการให้พุทธศาสนิกชนตระหนักถึงธรรม
"นกฮูกคนใต้ถือว่าเป็นสัตว์อัปมงคล แต่ท่านพุทธทาสกลับเห็นว่า คือสัญลักษณ์ของนักปราชญ์ สอนให้รู้จักฟังให้เต็มหู ดูให้เต็มตา พูดจาให้แหลมคมเหมือนนักปราชญ์"
รหัสธรรมในสวนโมกข์ เตะตาให้มอง สะกิดใจให้คิดตั้งแต่ ลอดซุ้มประตูเข้าไป เรื่อยเข้าไปตามจุดต่างๆของวัด คนที่สนใจ ใคร่ครวญธรรม ก่อนเข้าประตูก็พบปริศนาให้คลี่ เพื่อทวีปัญญากันแล้ว
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ถึงกับฟันธงกับคณะเรียนรู้ธรรม ตามรอยพุทธทาส ของ อสมท และหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ คราวไปเยือนว่า เพียงแค่ประตูท่านพุทธทาสก็น็อกคนด้วยธรรมแล้ว
วัดธารน้ำไหล เป็นสวนหนึ่งของสวนโมกขพลาราม ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ละวันพุทธศาสนิกชนเข้าไปเยี่ยมเยือนไม่น้อยกว่า 1,000 คน
เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล ปัจจุบันคือ พระภาวนาโพธิคุณ หรือพระอาจารย์ โพธิ์ จุนฺทสโร วัยเฉียด 80 ปี แต่ยังแข็งแรง เป็นชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของสวนโมกข์ ผู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากับท่านพุทธทาสตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง
"อาตมาบ้านอยู่เกาะสมุย ท่านพุทธทาสให้มาอยู่ช่วยงาน" แล้วก็อยู่ เรื่อยมา จนได้เป็นเจ้าอาวาส ทั้งๆที่ "ไม่เคยตั้งใจเป็นเจ้าอาวาสเลย หลบหลีกมาตลอด แต่ท่านขอร้องให้เป็น กลายเป็นภาระที่หนักมาตลอด แต่ ก็พยายามฝึกฝน อดทน และเฝ้าสังเกต" ทำให้กิจการต่างๆผ่านมาด้วยดี
พระภาวนาโพธิคุณกล่าวในช่วงหนึ่งคราวแสดงธรรมเทศนา ณ ลานหินโค้ง ซึ่งเป็นธรรมศาลาธรรมชาติ มีเพียงพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ และแท่นไหว้พระเท่านั้น นอกนั้นใช้ฟ้าต่างหลังคา มีฝาเป็นแมกไม้ ใช้สายลมแทนพัดลมหรือแอร์อันฉ่ำเย็น
ท่านแสดงธรรมเทศนาต่อว่า เพราะมีพระพุทธเจ้า จึงมีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เกิดขึ้น ทำให้เกิดพุทธบริษัทเต็มไปทั้งโลก พระองค์ท่านมีธรรมวินิจฉัยโลกได้อย่างแจ่มแจ้งไม่มีใครยิ่งกว่า
เราจะเห็นว่าการปกครองบ้านเมืองมีอยู่หลายระบอบ สมัยหนึ่งคอมมิวนิสต์จะครองโลก ถึงกับมีคนมาถามท่านพุทธทาสว่า คอมมิวนิสต์จะเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนาหรือไม่ ท่านก็บอกว่าไม่หรอก พุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่การเมือง แต่อยู่ที่พุทธบริษัท
เดี๋ยวนี้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ก็ล่มสลาย แบบประชาธิปไตย หรือทุนนิยมอย่างอเมริกาปัจจุบันก็เจอวิกฤติถึงกับไปไม่รอด แต่พุทธศาสนายังดำรงอยู่ แถมยังมีคนศึกษาเพิ่มอยู่ทุกๆปี
เกิดเป็นคนไทย พระอาจารย์โพธิ์บอกว่าน่ายินดีที่ผืนแผ่นดินอุดมสมบูรณ์ และมีพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติตน แต่น่าเสียดายที่คนไทยไปหลงวัตถุตามฝรั่ง ซึ่งเอาเข้าจริงเขาก็ไปไม่รอดแล้ว
ดังนั้น ทางออกคือ ต้องชักชวนกันเข้าใจธรรมะ
แนวทางปฏิบัติพระอาจารย์บอกว่า ให้ยึดตามแนวของท่านพุทธทาสบอกไว้ 3 ประการ นั่นคือ การเข้าถึงหัวใจของศาสนาของตน การทำความเข้าใจระหว่างศาสนา เพราะในประเทศไทยมีหลายศาสนา เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อร่วมมือกัน ช่วยเหลือมนุษยชาติ ไม่ควรเปรียบเทียบเพื่อหาความแตกแยก
และประการสำคัญ ออกมาเสียจากอำนาจวัตถุนิยม เพราะวัตถุนิยมเป็นความรู้ที่ขาดสติปัญญา เป็นทาสตา หู จมูก ลิ้น กาย ต้องมีสติปัญญาใช้อายาตนะเพื่อการศึกษาให้วัตถุเพียงแต่รับใช้จิต ให้จิตอยู่เหนืออำนาจความสุขที่แท้จริงต้องอยู่เหนือวัตถุ
ท่านเน้นว่าเราต้องสู้กับมาร มารในศาสนามีหลายชนิด แต่พระพุทธเจ้าชนะมารได้ มารที่ยิ่งใหญ่คือกิเลส ถ้าเราชนะไม่ได้ เราก็เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าไม่ได้
เลยลานหินโค้ง หรือศาลาธรรมชาติทางทิศตะวันออกเฉียงใต้คือ โรงมหรสพทางวิญญาณ ด้านนอกมีภาพปูนปั้นเล่าเรื่องพุทธประวัติ ด้านในมีภาพปริศนาธรรม แต่ละภาพมีความหมายอย่างไร ถ้าดูเองแล้วไม่รู้เรื่องก็มีพระอาจารย์นุ้ย สมฺปนฺโน บรรยายให้เป็นวิทยาทาน
อย่างภาพชื่อ อยู่ให้เหมือนลิ้นในปากงู
ท่านอธิบายว่า ลิ้นในปากงูนั้น ไม่เคยถูกเขี้ยวงูที่เต็มไปด้วยพิษขบกัด หรือทำอันตรายได้เลย งูสามารถประคับประคองลิ้นให้ อยู่รอดปลอดภัยได้ แสดงว่ามันฉลาด ถ้าไม่ฉลาดมันคงถูกเขี้ยวพิษถึงตายได้
แล้วเราล่ะ จะอยู่อย่างไรที่ไม่ให้เขี้ยวโลกกัดเอา
พิจารณาภาพ ใคร่ครวญในหลักธรรม แล้วนำมาพิจารณาตัวเอง ใครที่เพิ่งไปเยือนสวนโมกข์ครั้งแรกๆย่อมเกิดความรู้ ความเข้าใจในตนเองและในธรรม ส่วนจะมากน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับวุฒิปัญญาของแต่ละคนโดยแท้
หลังท่านพุทธทาสจากไป คนที่เข้าสวนโมกข์มากกว่าหรือไม่เพราะอะไร เรื่องนี้พระอาจารย์นุ้ยบอกว่า ภาพที่เห็นคือ คนที่เป็นเจ้าใหญ่นายโตอย่างรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญๆของประเทศนั้นลดลงไป แต่จำนวนของพุทธศาสนิกชนนั้นไม่ลด มีเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
อาจเป็นเพราะว่า "ทุกข์ทำให้คนเกิดศรัทธา ครูบาอาจารย์ นักศึกษา นักเรียน เข้ามาศึกษาธรรมในสวนโมกข์เป็นอย่างมาก แต่ละวันนับเป็นพันคน บางวันอาตมาแทบไม่ได้พักเลย"
เมื่อถามว่า หลังจากศึกษาธรรมแล้ว ความรู้ ความเข้าใจที่ได้นั้นเป็นอย่างไร อาจารย์ยิ้มพลางกล่าวติดตลกว่า "ส่วนมากได้ไข่เค็ม"
ธรรมรสของท่านพุทธทาสนั้น อย่างไรก็เป็นอกาลิโก พร้อมชี้ทางสว่างทางสวรรค์ให้พุทธศาสนิกชนทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น นพ.บัญชา พงษ์พานิช เลขานุการหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินฺทปัญโญ เล่าว่า ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่นั้นหาคำตอบให้กับชีวิตไม่ได้ ต่อเมื่อได้อ่าน "อิทัปปัจจยตา" จึงได้คำตอบ
"เมื่อมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆย่อมเกิดขึ้น"
สัจจะของพระพุทธองค์นี้ เหมาะกับการนำมาใคร่ครวญทุกปัญหา ไม่เว้นแม้แต่เหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน.