ที่มา บางกอกทูเดย์ เป็นอีกหนึ่งที่ถูกจับตามองว่าคดีจะ “พลิกหรือไม่”สำหรับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท ที่ถูกส.ส.ฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปี2552 ที่ทำไปทำมา “ทำไม”คดีจึงเหมือนจะส่อเค้าว่าจะโอละพ่อซะงั้น! เพราะอยู่ดีๆข้อมูลการสอบสวนคดีนี้ที่ “พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ” หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ดูแลคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มีอันต้องอันตธานหายไปอย่างไร้ร่อยร่อง เพราะถูกมือดีฉกโน๊ตบุ๊คหนีหายไปดื้อๆ งานนี้เลยต้องอึ้งกิมกี้...เพราะหลักฐานสำนวนที่สำคัญหายไปแล้ว ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงออกมาการันตีว่า...ไม่กระทบกับการพิจารณาสำนวน โดย นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. เชื่อว่า พยานในคดีทุกคนยังมีชีวิตอยู่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สำนวนหลักฐานคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งมอบให้กกต. หมดแล้ว และสำนวนคดีก็ไม่ได้ถูกโจรกรรม แต่เป็นการทุบรถเพื่อขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเท่านั้น ส่วน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีพฤติกรรมการจารกรรมและข้อมูลที่หลุดไปก็ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร เพราะสำนวนไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วและจะมีการเปิดเผยในศาลอยู่แล้ว แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือเหตุใดคดีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553 แต่ทำไม ดีเอสไอ ถึงเพิ่งจะออกมาสอบสวน เรื่องนี้ในช่วงไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้มีผู้บริหารดีเอสไอได้รับข้อมูลบางอย่างและได้แจ้งเตือนพนักงานสอบสวนที่ทำคดียุบ ปชป. และติดต่อประสานงานกับ กกต.ว่า...ได้มีบุคคลในศาลรัฐธรรมนูญที่ใกล้ชิดกับ ปชป. และมีที่ปรึกษาเป็นอดีตข้าราชการตำรวจตำแหน่งสุดท้าย เคยอยู่กองบัญชาการตำรวจนครบาล “ยศพลตำรวจตรี”ได้ส่งลูกน้องเก่าติดตามความเคลื่อนไหวพนักงานสอบสวน เนื่องจากคดียุบ ปชป.กำลังเข้าสู่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าชุดสะกดรอยของกลุ่มดังกล่าว มีเป้าหมายติดตามในการจะคุกคามและกดดันพยานปากสำคัญในคดี อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกพนักงานสอบสวนยังไม่แน่ใจในข้อมูลดังกล่าวเป็นจริงเท็จอย่างใด แต่จากการประสานไปยังฝ่ายธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสอบถามข้อมูลของอดีตตำรวจคนดังกล่าว จึงทราบว่ามี และเป็นที่ปรึกษาให้กับบุคคลระดับสูงในศาลรัฐธรรมนูญบางคน ไม่แปลกที่วันนี้ข่าวข้อมูลคดียุบพรรคหายไป จึงเพิ่งปรากฏเป็นข่าว ในช่วงที่อัยการสูงสุดได้ตีกลับสำนวนคดียุบพรรคกว่า 5 พันหน้า ส่งคืนกกต. แม้จะมีการตั้งกรรมการร่วมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ก็ไม่จะการันตีได้ว่าคดีจะจบที่การยุบพรรคอย่างที่หลายคนคาดการณ์ แถมคดีนี้ยังซับซ้อน ซ่อนเงื่อนเพียงนี้ งานนี้จึงต้องใช้คำพูดแบบวัยรุ่นยุคนี้ที่ไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีการ ยุบปชป.จริงป่ะ?