ที่มา ข่าวสด
วันที่ 6 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิ สิทธิ์" ถึงการตรวจสอบเหตุการณ์ชุมนุม ทางการเมือง ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ในส่วนของผมจะเน้นหนักไปที่ เรื่องการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง
ขอยืนยันว่าการตัดสินที่ผ่านมารัฐบาลได้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุด และพยายามจะลดความสูญเสียแต่ก็เกิดปัญหาขึ้นมาเพราะมีกองกำลังติดอาวุธ หรือผู้ก่อการร้ายเข้ามาปะปนอยู่ในการชุมนุม ทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้อย่างยากลำบาก
แต่ปัญหาในส่วนของรายละเอียดของเหตุการณ์และการทำหน้าที่ต่างๆ หลังจากนี้ต้องนำเข้าสู่การแก้ปัญหาในส่วนของแผนปรองดอง โดยส่วนหนึ่งคือการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา สอบข้อเท็จจริง
ตอนนี้มีการทาบทามบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานและคณะกรรมการชุดนี้ ซึ่งทุกคนต้องเป็นคนที่มีความ เป็นกลางทางการเมืองและสังคมยอมรับ เพราะไม่เช่นนั้นอาจไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ประกอบกับทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
ไม่ว่าผลการตรวจสอบจะออกมาอย่างไร ผมและรัฐบาลก็พร้อมยอมรับผลการตรวจสอบ
ต้องยอมรับว่า ถึงสถานการณ์ตอนนี้จะเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ปัญหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายและความมั่นคงก็ยังดำรงอยู่ รัฐบาลจึงต้องประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินไปก่อน โดยจะมีการประเมินสถาน การณ์เป็นระยะว่าเหมาะสมที่จะยกเลิกการประกาศแล้ว หรือไม่
ที่ผ่านมาในการเข้าควบคุมพื้นที่การชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่จะหลีกเลี่ยงและไม่เข้าไปบริเวณพื้นที่การชุมนุมหลัก แต่จะใช้วิธีการปิดล้อมและกระชับวงล้อม เพื่อกดดันให้การชุมนุมนั้นสามารถยุติลงได้ โดยไม่ต้องมีการปะทะกัน
ซึ่งในที่สุดก็เป็นเช่นนั้น แต่ในส่วนของสวนลุมพินี ที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ เพราะมีการเก็บอาวุธไว้ในพื้นที่ รวมทั้งยังมีการยิงเอ็ม 79 มาจากบริเวณนั้นจำนวนมาก
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดในวัดปทุมวนารามฯ นั้น ในส่วนนี้ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงต่อไป แต่ผมขอย้ำว่าเราได้มีนโยบายที่ชัดเจนว่า จะไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากการชุมนุมได้ยุติลงแล้ว รวมทั้งอยู่ในช่วงที่ผู้ชุมนุมกำลังเดินทางกลับบ้าน แต่จะมีก็เพียงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปคุ้มกันเจ้าหน้าที่ดับเพลิงบริเวณสยามสแควร์ เท่านั้น
สำหรับการดำเนินการหลังจากนี้ก็จะเริ่มดำเนินมาตรการแผนปรองดองแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นแผนปฏิรูปประเทศไทยที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำในทางสังคมและเศรษฐกิจ
โดยจะมอบหมายให้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ที่ปรึกษานายกฯ เข้ามา ดูแลในส่วนนี้ ซึ่งจะเริ่มจากการสำรวจความต้องการและความคิดเห็นของประชาชนก่อน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
ในส่วนถัดมาจะเป็นการแก้ไขปัญหาด้านสื่อสารมวลชน โดยผมได้พูดคุยกับทางคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์กรวิชาชีพสื่อต่างๆ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าสื่อมีเสรีภาพในการแสดงออก แต่ในการใช้เสรีภาพนั้น ต้องไม่สร้างความขัดแย้งและความเกลียดชังที่นำไปสู่ความรุนแรง
ทางคณบดี กำลังกลับไปวางแนวทางและรูปแบบในการขับเคลื่อนเรื่องนี้อยู่ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนขึ้น
ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องของกฎหมายต่างๆ ได้ทาบทาม นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์อธิการบดีของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) พร้อมด้วยนักวิชาการจากคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อมาหารือในประเด็นนี้
สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ประชาชนที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะได้รับการดูแลและได้รับการเยียวยาจากรัฐบาล ในส่วนของผู้ชุมนุม ขณะนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลในส่วนของเรื่องสาธารณูปโภคและด้านอื่น
สำหรับด้านธุรกิจ ขณะนี้ก็เริ่มเดินหน้าได้อย่างชัดเจน โดยครม. ได้อนุมัติเงินในส่วนของการที่จะดูแลเกี่ยวกับบริษัทที่ยังจ้างงานต่อ โดยเราเข้าไปช่วยในเรื่องของเงินเดือนของลูกจ้างที่ไม่ถูกเลิกจ้าง และเรื่องของค่าเช่าร้านค้าในช่วงที่ไม่สามารถประกอบกิจการได้
ส่วนลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง เมื่อสำรวจตรวจสอบแล้ว ก็จะมีการชดเชยทั้งในระบบของประกันสังคม ซึ่งรัฐบาลจะสมทบเพิ่มเติมเข้าไปให้
ส่วนกรณีของผู้ประกอบการที่ประสบกับปัญหาเพลิงไหม้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ ขณะนี้การจ่ายเงินช่วยเหลือนอกเหนือเกณฑ์ปกติที่กทม. จ่ายให้ และที่รัฐบาลอนุมัติให้อีกรายละ 50,000 บาท ขณะนี้ก็เริ่มมีการจ่ายแล้ว
รวมทั้งยังสั่งการให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย อนุมัติเงินกู้ไม่มีดอกเบี้ยให้กับผู้ประสบภัยที่ต้องการดำเนินกิจการต่อด้วย และจากนี้ทาง นายกอร์ปศักดิ์ สภา วสุ เลขาธิการนายกฯ ก็กำลังตรวจสอบและประเมินความเสียหายทั้งหมด เพื่อจะได้เข้าไปคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ น่าจะได้ข้อยุติ
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี การมีเสียงข้างมากในรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่ามีความจำเป็น เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถบริหารประเทศได้ เนื่องจากหากเสียงข้างมากในสภาไม่สนับสนุนก็จะไม่สามารถผลักดันกฎหมายต่างๆได้ โดยเฉพาะกฎหมายงบประมาณ
ซึ่งปัญหาการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ที่มีความขัดแย้งกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งความจริงผมก็ทราบมาก่อนหน้านี้ว่ามีปัญหาในส่วนนี้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดูว่าการรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อทำงานต่อไปนั้นจะทำได้อย่างไร
แต่เสียงข้างมากที่รัฐบาลสามารถรวบรวมและมีความเป็นเอกภาพ ก็ต้องปรับเปลี่ยนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อแผ่นดิน เนื่องจากว่าพรรคเพื่อแผ่นดินจะทำงานในลักษณะเป็นกลุ่มอยู่แล้ว
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ก็คือ ดูส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ยังมีความพร้อมในการที่จะสนับสนุนรัฐบาลอย่างเป็นเอกภาพ
ในส่วนของการปรับครม. ครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าไปดูแลกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นกระทรวงหลักของทางด้านเศรษฐกิจแทนด้วย
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ถึงแม้จะผ่านมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมมาคม ซึ่งถูกอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความโปร่งใส
โดยเฉพาะในส่วนของรมว.คมนาคม ที่ถูกอภิปรายในประเด็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง ผมขอชี้แจงว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง เป็นโครงการที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อน ที่มีการดำเนินการในเรื่องของเงินกู้จากไจก้า และการประมูลต่างๆ ที่ได้ยื่นซองไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมได้สั่งการให้นายโสภณ เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวม อาจมีการเจรจาเพื่อต่อรองราคา ซึ่งอาจจะลดราคาลงมาได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท
ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกอภิปรายเรื่องนโยบายที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนและการโยกย้ายข้าราชการนั้น ผมจะให้มีการรวบรวมรายงานและตรวจสอบเพิ่มเติม
หากเรื่องใดพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องก็ต้องมีการดำเนินการในเรื่องของการแสดงความรับผิดชอบต่อไป
เพื่อไทย
Monday, June 7, 2010
"มาร์ค"แจงปรองดองคืบหน้า
รายงานพิเศษ