WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, June 6, 2010

แก๊งสเตอร์ มีเดีย เน็ตเวิร์ค?

ที่มา มติชน

โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

สังคมโลกและสังคมไทยกำลังตื่นตัวกับสิ่งที่เรียกว่า เครือยข่ายสังคมออนไลน์(Social media network)โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตประเทศไทยที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงบทบาทและอิทธิพลของเครือข่ายออนไลน์ที่มีส่วนอย่างสำคัญในการกำหนดทิศทางทางสังคมและการเมือง


จากการศึกษาของโครงการศึกษาเฝ้าระวังสื่อและพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคมหรือมีเดีย มอนิเตอร์ ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม - 30 พฤษภาคม 2553 ผ่าน 4 กลุ่มช่องทางสื่อใหม่อคือ 1.เว็บเฟซบุ๊ค 2.ทวิตเตอร์ 3.เว็บบอร์ดพันทิป และ 4. การใช้ฟอร์เวิร์ดเมล์ ในหัวข้อ"ปรากฎการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในเครือข่ายสังคมออนไลน์"ทำให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น


ผลการศึกษา พบว่า มีการใช้สื่อออนไลน์เพื่อสื่อสารทางการเมืองในการโต้ตอบ ต่อสู้ เอาชนะกันทางการเมือง ระหว่างคนชนชั้นกลางและกลุ่มผู้ชุมนุม, ระหว่างผู้สนับสนุนรัฐบาลและผู้ต่อต้าน แม้จะมีเนื้อหาจากฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง/นปช. บ้าง แต่ก็พบค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจมาจากสาเหตุที่รัฐควบคุม หรือสั่งปิดเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาท ปลุกระดม และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


ใน "เฟซบุ๊ค". พบว่า กว่า 1,300 เว็บไซต์ (ตัวเลข ณ เดือนพฤษภาคม) แบ่งออกเป็น 19 กลุ่ม วัตถุประสงค์ มีทั้งการสนับสนุน/ต่อต้านรัฐบาล - คนเสื้อแดง กลุ่มสันติวิธี หรือกลุ่มล้อเลียนการเมือง


เนื้อหาส่วนมากกว่า 90 % ต่อต้านการกระทำ และไม่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง และบางส่วนได้กลายมาเป็นพื้นที่สอดแนม เฝ้าระวัง การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับสถาบัน และนำเอามาถ่ายทอดต่อในกลุ่มของตน เพื่อแจ้งข่าวสารยังสมาชิก เพื่อรู้ เพื่อประจาณ ประณามและขอให้ช่วยกันลงโทษทางสังคมออนไลน์


ที่สำคัญมีการนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อในอีเมล์, เว็บบอร์ด เพื่อให้รับรู้กันในสาธารณะ ซึ่งมีกรณีที่นำไปสู่การจับกุม การไล่ออกจากสถานที่ทำงาน และการไม่คบค้าสมาคม-ปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง(มีการใช้ภาษาที่หยาบคาย รุนแรงและยุยงให้เกิดความเกลียดชัง)


ส่วน"ทวิตเตอร์"นั้น ใช้งานเพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างเกาะติด ต่อเนื่อง โดยมีนักข่าว/ผู้สื่อข่าวเป็นผู้ทรงอิทธิพลในข่าวสารมากกว่ากลุ่มอื่นๆ


ด้านพื้นที่เว็บบอร์ดสาธารณะในพันทิป ก็มีการตั้งกระตู้หลายพันกระทู้ และกลายเป็นพื้นที่วิวาทกรรมทางความคิดการเมือง วิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างดุดัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และสะท้อนความเกลียดชัง ผ่านภาษาเชิงเหยียดหยาม ประณาม รวมทั้งเป็นพื้นที่แห่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางความขัดแย้งทางการเมืองหลายๆ กรณี มีการเชื่อมโยง ระดมข้อมูลข่าวสารจากพลเมืองเน็ตมากมายเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง การใช้ความรู้ ข้อเท็จจริงมาหักล้างซึ่งกันและกันอย่างเสรี


นอกจากนั้น ยังมีการใช้ฟอร์เวิร์ดเมล์ในลักษณะชี้แจง แฉ วิพากษ์วิจารณ์ เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์การชุมนุมของคนกลุ่มเสื้อแดง,พฤติกรรมของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในการตีตนเสมอเจ้าหรือการกระทำที่คิดล้มล้างสถาบัน-คดีคอร์รัปชั่นในอดีต, เบื้องหลังความรุนแรงการชุมนุมของคนเสื้อแดง, กลุ่มบุคคล-องค์กร-สื่อเว็บไซต์ ที่เผยแพร่ความคิดล้มสถาบันกษัติรย์


ขณะที่พบว่า ผู้คนที่ใช้สื่อออนไลน์ในเชิงสันติวิธี การหาทางออกและข้อเสนอแนะของวิกฤตปัญหาทางการเมืองนั้นอยู่ในระดับน้อยมาก


ผลการศึกษาดังกล่าวน่าจะขัดแย้งกับเจตนารมณ์ในการจัดตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ต้องการให้ใช้ไปในทางรังสรรค์สังคมมากกว่าโดยเฉพาะการใช้ในการแบ่งแยก ทำลายล้างและไล่ล่าคนที่เห็นว่า เป็นศัตรูอย่างโหดเหี้ยมด้วยการสืบค้นข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำมาเผยแพร่เชื่อมโยงกับอีเมล์และส่งต่อๆ กันเพื่อให้มีลงโทษทางสังคมออนไลน์


ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมา จนมีผลกระทบกับผู้ถูกไล่ล่าในชีวิตจริงถึงขึ้นถูกไล่ออกจากที่ทำงานและไม่สามารถเข้าเรียนต่อในสถานศึกษาได้


ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาผู้ที่ถูกไล่ล่า ประจานถึงขนาดฆ่าตัวตาย


ถ้าลักษณะการใช้เครือข่ายออนไลน์ เป็นไปอย่างไร้กติกา ไร้การกำกับดูแล และไร้จิตสำนึก สามารถไล่ล่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยมได้อย่างกว้างขวางแล้ว น่าที่จะเรียกเครือข่ายออนไลน์ว่า "แก๊งสเตอร์ มีเดีย เน็ตเวิร์ค" มากกว่า"โซเชียล มีเดีย เน็ตเวิร์ค"