เก๋ไก๋ดีไม่หยอก กับฉายา “Kitchen Cabinet” หรือ “ครม.ก้นครัว” ที่สื่อฝรั่งตั้งให้รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ในฐานะเจ้าตำรับ “ชิมไปบ่นไป”
อย่างน้อยก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้นำไทยที่โดดเด่นไม่ซ้ำผู้นำประเทศอื่น
และต้องบอกว่า “เก๋า” สมราคา ได้เห็นลีลาพ่อครัวหัวป่าปรุงก๋วยเตี๋ยวแขก ตักต้มตือฮวนแจกนักข่าว ที่เอามาพูดกันปากต่อปากว่าอร่อยจริง ไม่ใช่แค่ราคาคุยชิมไปบ่นไป
คนระดับนายกฯลงมือทำอาหารให้กินมีที่ไหน
ฉะนั้น ใครที่ห่วง “สมัคร” ที่มักมีกรณีบริภาษสื่อ เป็นไม้เบื่อไม้เมากับนักข่าว ก็เบาใจลงเปลาะหนึ่ง เพราะแม้จะมีจุดด้อยอยู่ที่ปาก แต่ก็มีฝีมือทำอาหารเป็นใบเบิกทาง
ที่แน่ๆ “ลุงหมัก” แบไต๋ล่วงหน้าแล้ว จะลงมือทำอาหารเลี้ยงสื่อด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในกรณีพิเศษ เวลาที่มีปัญหาไม่เข้าใจต้องเคลียร์กัน
ชิมไป บ่นไป ด่ากันไป ได้รสชาติดีไปอีกแบบ
แต่ที่หวาดเสียวกันมาก มีคนห่วงสุขภาพ “ลุงหมัก” ที่ถ่างขาควบเก้าอี้ รมว. กลาโหมจะไปเสี่ยงอยู่กลางวงท็อปบูต
ภาพข่าวล่าสุดบนหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายกฯสมัครนั่งเอี้ยวตัวเข้าพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ระหว่างร่วมงานวันทหารผ่านศึกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ตามรายงานเป็นการพูดกันถึงกรณีที่ พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมที่มีหลักการ สกัดฝ่ายการเมืองจุ้นกับการโยกย้ายทหาร และเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลของนายสมัครจะเข้าบริหารงานพอดี
ก็เลยมีประโยคเด็ดของนายกฯ “ทำไมต้องรีบปิดประตูใส่หน้าผม”
แต่ผลการเจรจาภาษาดอกไม้ พลิกเป็นคนละเรื่อง พล.อ.บุญรอดชี้แจงว่า เป็นเรื่องบังเอิญที่ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพิ่งประกาศใช้ แต่กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการมานานแล้ว ผ่านกระบวนการมาหลายขั้นตอน และตอนที่กองทัพดำเนินการก็ไม่รู้ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล
ฉะนั้น จึงไม่ใช่การกีดกันรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใด
ขณะที่นายสมัครก็เออออ ยอมรับว่า ตั้งใจไว้อยู่แล้วในเรื่องที่จะไม่ให้การเมืองเข้าไปจุ้นกับการย้ายทหาร ทีแรกจะให้มีกรรมการในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายทหาร 5 คน แต่ใน พ.ร.บ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมมีกรรมการถึง 7 คน
ถือว่าดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก
“ผมไม่มีอะไร ตั้งใจเข้ามาทำงานในกระทรวงกลาโหม ก็ขอให้ ผบ.เหล่าทัพว่ากันไปตามขั้นตอน จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย จะขอดูเฉพาะภาพรวมของกองทัพ และขอวางตัวเป็นกลาง เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เข้าใจดี ขอให้สบายใจได้”
คุยกันถูกเส้นถูกคอเลย
และไม่จบแค่นั้น ช่วงสายวันรุ่งขึ้น พล.อ.บุญรอดพูดบนเวทีอำลาตำแหน่ง รมว.กลาโหม ต่อหน้าเหล่าขุนทหารใหญ่
“ผมได้คุยกับท่านสมัคร ซึ่งก็โอเค ท่านก็เข้าใจ รับฟัง และเมื่อศึกษาดูก็พบว่า ท่านเป็นคนที่รักทหารมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่วันนี้ด้วยบุคลิกลักษณะของท่าน บวกกับเรื่องอุดมการณ์ การเมืองที่เป็นอยู่ ทำให้เรามองท่านไปในอีกลักษณะหนึ่ง
แต่เมื่อชั่งน้ำหนักสองด้านแล้วเห็นว่า ท่านมีส่วนดีมากกว่า ก็อย่างที่คนเขาพูดกันว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ ซึ่งเรามองหน้ากันได้ คุยกันได้ หัวเราะกันได้
เมื่อท่านสมัครมาทำหน้าที่ก็จะได้รับการต้อนรับ และโดยบุคลิกของท่านเวลาพูดกับทหารเป็นบุคลิกที่ทหารยอมรับ”
เปิดประตู ปูทางเข้าค่ายให้เสร็จสรรพ
และอีกหนึ่งเสียงของ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่พูดระหว่างอัดเทปรายการ “ตัวจริงชัดเจน” ที่จะออกอากาศทางช่องทรู 8 ทีเอ็นเอ็น ในคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์
การันตีนายสมัครเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาก เป็นสิ่งที่กองทัพให้การยอมรับ และยังเป็นนักสู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมือง ส่วนที่มองว่ารัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลเงา ก็เชื่อว่านายสมัครจะเป็นตัวของตัวเอง
ผิดคาดจากที่เก็งกันว่า “เขตทหาร สมัครห้ามเข้า”
ตบเท้าเชียร์กันพรึบพรับเลย.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
คอลัมน์ ข่าวการเมือง(วิเคราะห์)