เห็นลีลาของ “นายสมัคร สุนทรเวช” หลังจากได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ใครที่คิดว่านักการเมืองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอสมควร รวมทั้งเคยเผชิญสถานการณ์ในยุคที่ทหารเข้ามายึดอำนาจ หรือในช่วงที่ “ประชาธิปไตย” เบ่งบาน จะมีสภาพแบบ ไก่อ่อนสอนขัน คงต้องกลับไปทบทวนกันใหม่
อย่างกรณีที่ออกมาพูดในทำนองว่า หน้าตาของคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่ออกมาไม่สวย ขี้เหร่นิดหน่อย ผมมองว่า นายกรัฐมนตรีต้องการบอกให้สาธารณชนรู้ว่า ไม่พอใจรายชื่อ บุคคลที่จะเข้า มาร่วมงานในรัฐบาล ซึ่งจะทำให้คนต้องหวนไปคิดว่า นอกจากนายสมัครแล้ว ยังมีใครที่เข้ามามีส่วนในการตั้งบุคคลต่าง ๆ เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีได้อีก
ไม่เช่นนั้นกระทรวงคมนาคม คงไม่ใช้คนชื่อ “สันติ พร้อม พัฒน์” เพราะผู้นำรัฐบาลอยากจะได้คนของตนเองมาดำรงตำแหน่ง นี้ใจจะขาด แต่ติดขัดอยู่ที่บุคคลนี้เป็นเด็กของนายหญิงและนาย ใหญ่ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นถ้า ครม. ที่มีนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี รูปร่างหน้าตาไม่ดี “มือที่มองเห็น” ที่เดินทาง วนเวียนไปมาระหว่างฮ่องกงและลอนดอนต้องรับผิดชอบไปส่วนหนึ่งด้วย
บางทีถ้าหากให้อำนาจเต็มกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 จัดทำรายชื่อ ครม. ทั้งหมด อาจจะไม่มีเสียงยี้หรือทำให้คนเผลอไปคิดได้ว่า การตั้งรัฐบาลครั้งนี้เพื่อต้องการ ตบหน้ามือที่มองเห็น หรือ คน กทม. กับคนชั้นกลาง ที่ดูเหมือนไม่ค่อยให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา
หรือลีลาการปรับบทในการ ร่วมทำงานกับสื่อ หลังจาก มีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาล เริ่มตั้งแต่ขอโทษขอโพยนักข่าวที่ไปให้ สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ยกเว้นนักข่าวไทย และเป็นประเด็นข่าวออกมา รวมถึงการลงทุนเปิดบ้านพักและทำอาหารเลี้ยงสื่อที่ติดตามทำข่าวตัวเอง
นายสมัครคงรู้ว่า ถ้าหากไม่ทำตัวญาติดีกับสื่อ หรือกลับไปเล่นบท “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ประเภทพอมาถามแล้วสวนกลับเหมือน กับประโยคที่ว่า “เมื่อคืนคุณไปเสพเมถุนมาหรือเปล่า” รังแต่จะ ทำให้เสียรังวัดหรือกระทบภาพลักษณ์ของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไปเต็ม ๆ เพราะจะว่าไปแล้วหลังจากนี้ต่อไปรัฐบาลใหม่ก็คงมีการบ้านที่ต้องเร่งทำหลายเรื่อง
ยังไม่นับถึงกรณีที่ต้องคอยรับมือกับพรรคฝ่ายค้านมืออาชีพอย่าง “ประชาธิปัตย์” รวมถึง คมช. ที่แม้จะสลายตัวไปอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่บรรดา ผบ.เหล่าทัพ ก็จะยังมีนัดพบปะกันทุกวันอังคาร ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นความพยายามส่งสัญญาณปรามนักการเมืองให้ระมัดระวังท่าที ถ้าคิดว่าจะเข้ามาแทรกแซงหรือล้วงลูกในกองทัพ
หรือองค์กรภาคประชาชนที่เคยประกาศตัวยืนอยู่ตรงกันข้าม “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” คงจับตามองการทำงานของรัฐบาลแบบไม่กะพริบตา
ดังนั้นถ้าหากมีกลยุทธ์อะไร ที่จะช่วยทำให้รัฐบาล ไม่ต้องตกเป็นเป้าโจมตี หรือเพิ่มศัตรูโดยไม่จำเป็น คนที่อยากจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนาน ๆ คงต้องยินยอมพร้อมใจที่จะทำ แม้ว่าจะฝืนกับความรู้สึกหรือขัดแย้งกับตัวตนที่แท้จริงมากแค่ไหนก็ตาม
แม้ว่าภาพในอดีตจะทำให้คนไม่ได้คาดหวังอะไรกับ นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 มากนัก แต่ในบั้นปลายชีวิตของคนที่มีอายุ 74 ปี คงอยากจะฝากสิ่งดี ๆ ไว้กับบ้านเกิดเมืองนอนให้คนรุ่นหลังได้จดจำไว้ เหมือนอย่างกรณีของการเลิกมองสื่อในแง่ร้าย หรือไปคิดว่าคนพวกนี้คิดแต่จะจ้องทำลายรัฐบาลเพียงอย่างเดียว.