ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นหัวหน้าทีมคุมภาพรวมเศรษฐกิจและว่าที่ รมว.คลัง ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกันเพื่อเตรียมรับมือผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยเฉพาะกับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. หากไม่สามารถเจรจากับผู้บริหารระดับสูงของ ธปท.เพื่อดำเนินนโยบายภายใต้มาตรการเพื่อรักษาค่าเงินบาทให้มีดุลยภาพได้ทั้งระดับค่าเงินบาทในและต่างประเทศได้ หรือหากไม่สามารถใช้นโยบายการเงิน เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย การแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง มาตรการกันสำรอง 30% เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการของรัฐบาลในนโยบาย การกระตุ้นเศรษฐกิจได้แล้ว
จึงจำเป็นที่ต้องเตรียมสรรหาบุคคลที่มีความรู้และความสามารถเข้าไปบริหารแทนผู้ว่าการ ธปท.คนปัจจุบัน ซึ่งบุคคลที่คาดว่าจะถูกทาบทามเข้ามานั่งตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ ประกอบด้วย 1. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง, นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.), นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง, นายพิชัย ชุณหวชิร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน บริษัท ปตท.และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย
ทั้งนี้ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ต้องการให้มีการส่งสัญญาณเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเห็นว่ารัฐบาลไม่มีมาตรการควบคุมการเข้า-ออกของเงินทุน และต้องส่งสัญญาณที่จะตั้งเป้าค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงอยู่ระดับที่เท่าใดหรือต้องมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนไม่ใช่จะยืนกรานมาตรการปิดกันการลงทุนเช่นนี้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวกระทรวงการคลังระบุว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง ได้ลงนามอนุมัติให้เปิดกว้างการถือครองเงินตราต่างประเทศโดยไม่จำกัดสำหรับกรณีเป็นรายได้จากแหล่งเงินในต่างประเทศจากปัจจุบันจำกัดวงเงินเป็นไม่จำกัดวงเงิน ทั้งนี้ตามเกณฑ์ปัจจุบัน รายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่มาจากแหล่งเงินในต่างประเทศและนำฝากในบัญชีเงินฝากในต่างประเทศถูกจำกัดว่าในกรณีที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่มีภาระผูกพันบุคคลธรรมดาถือครองได้ไม่เกิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯและนิติบุคคลไม่เกิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในกรณีที่เป็นเงินฝากที่ไม่มีภาระผูกพันบุคคลธรรมดาถือครองได้ไม่เกิน 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนิติบุคคลถือครองได้ไม่เกิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
แสดงให้เห็นว่าการอนุมัติของ รมว.คลัง ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า มาตรการกันสำรอง 30% ของ ธปท.ต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพราะการประกาศดังกล่าวเท่ากับเป็นการยกเลิกข้อจำกัดที่เข้มงวดของ ธปท.เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถถือครองดอลลาร์สหรัฐฯในต่าง ประเทศโดยไม่จำกัดจำนวนเงินอีกต่อไป โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
สำหรับเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการผ่อนคลายการถือครองเงินตราต่างประเทศคือเพื่อให้บุคคลไทยที่มีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศของตน โดยอาจมีความจำเป็นต้องการนำเงินตราต่างประเทศดังกล่าวไปชำระภาระผูกพันหรือลงทุนในต่างประเทศในอนาคตและยังช่วยลดต้นทุนทางการเงินแก่ธุรกิจไทย หรือเป็นทางเลือกให้แก่ธุรกิจไทยในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแทนการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าและเพิ่มความสมดุลในการถือครองสินทรัพย์และหนี้สินสกุลเงินตราต่างประเทศของเอกชนในประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภาวะการซื้อขายค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 32.90-32.91 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ และแข็งค่ามากที่สุดทำสถิติใหม่ที่ 32.88 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ถือเป็นการแข็งค่าในรอบ 10 ปี ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินทุกสกุลในภูมิภาคเอเชีย
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรค กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้ว่า มีความกังวลในหลายระดับทั้งระดับชาวบ้าน ที่ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ระดับผู้ประกอบการภาคเอกชน ที่ผลกำไรลดลง การลงทุนยังไม่กลับคืนมา การส่งออกเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีกำไร จึงไม่เกิดการลงทุนเพิ่มเติม ขณะที่ระดับโลก ที่เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว ราคาน้ำมันแพงและระดับนโยบายรัฐบาลที่ไม่เชื่อแนวนโยบายประชานิยม และยังเชื่อว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นอีก เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเห็นว่ามาตรการกันสำรอง 30% ไม่ได้ช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าและสนับสนุนให้ยกเลิก หากยกเลิกแล้วอาจจะทำให้เงินบาทแข็งค่าระยะหนึ่ง แต่จากนั้นจะไม่มีผล ทั้งนี้ การยกเลิกส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนที่จะดีขึ้น แต่ต้องมีนโยบายอื่นมาใช้แทน ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นพ.สุรพงษ์จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.คลังนั้น ต้องรอดูว่าบทบาทของการเป็นผู้กำหนดนโยบาย จะทำได้ดีหรือไม่ รวมทั้งในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ.