ตรึงราคาสินค้านี่ไม่น่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง...มนุษย์นั้นต่างกับสัตว์ ตรงที่สามารถปรับปรุงตัวได้รวดเร็วกว่าและหลากหลายรูปแบบกว่าแม้แต่พืช มันยังรู้จักการทิ้งใบในฤดูแล้งยามที่แผ่นดินแห้งน้ำเพื่อจะช่วยคนไม่ให้ต้องซื้อสินค้าราคาแพงประเทศต้องตรึงราคาสินค้าเพื่อให้คนได้มีชีวิต
ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างนั้นหรือ..อีกหน่อยมิต้องแจกเงินให้เขาด้วยหรือเราเห็นการบอนไซต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้นั้นหยุดการเติบโตตามธรรมชาติ และบังคับให้มันมีชีวิตอยู่บนความจำกัดของกระถางแล้วชาติล่ะ ประเทศล่ะ..เราจะบอนไซให้มันเป็นต้นไม้ในกระถางหรือถ้าหมูมันจะมีราคาแพง...ไม่นานมันก็จะล้นตลาด เมื่อทุกคนหันมาเลี้ยง มาฟูมฟัก
มันมากขึ้น...หมูแพงหมูถูกนั้น มันเป็นวัฏสงสารมานานนักหนาแล้ว ในประเทศที่น่าสงสารประเทศนี้ปล่อยให้ประเทศเติบโตไปในทิศทางของมัน..แล้วบริหารจัดการประเทศให้เติบโตไปได้ ในทิศทางที่ประเทศทั้งหลายในโลกกำลังแข่งขันกันไม่ดีกว่าหรือหมูแพง..คนก็จะหันไปกินอย่างอื่นหมูแพง..ก็เพิ่มค่าครองชีพให้ข้าราชการ..เพราะคนที่ไม่ใช่ข้าราชการกินเงินเดือนนั้น..
เขาปรับตัวได้และปรับตัวเก่งมานานแล้ว ในประเทศที่เกือบจะไม่มีการบริหารจัดการประเทศนี้หมูแพงขึ้นมาตัวละ 1,000 บาท...จะมีคนรวยเพิ่มมากขึ้นกว่า 10 คน แต่ตรึงราคาหมูไว้..จะมีคนฉิบหายวอดวายมากกว่า..เพื่อเอาใจผู้บริโภคปากสุดท้าย เราทำลายกลไกที่เป็นต้นตอการผลิตกระนั้นหรือรัฐบาลนี้..รับหน้าที่ต่อมาจากรัฐบาล..ที่มาจากอำนาจการปฏิวัติรัฐประหาร การปฏิวัติ
ที่ล้มเหลวสร้างภาวะข้าวยากหมากแพงให้เกิดขึ้น..รัฐบาลนี้ต้องเร่งผ่าทางตัน..เร่งสร้างรายได้ให้กับประชาชนบนการคิดใหม่ทำใหม่ไม่ใช่มะงุมมะงาหรา อยู่กับการกดตรึงราคา เอาตัวรอดไปวันๆเสียเวลาอยู่กับการขอลดราคามาม่าซองละบาท..ในขณะที่กรรมกรทั้งชาติ..เสียเงินดื่มเครื่องดื่มชูกำลังวันละกว่าร้อยบาท เพราะเสพติดคาเฟอีนเรื่องมันบ้า แต่ว่ามันเรื่องจริง