จากข่าวเด่นประเด็นร้อนกรณี นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประกาศยุติการทำหน้าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังจาก คตส.มีมติชี้มูลความผิด กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องการทุจริตรถและเรือดับเพลิงของกทม. โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของคตส.เป็นไปอย่างโปร่งใสและปราศจากการแทรกแซง พร้อมทั้งมีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่าเป็นการแสดงบรรทัดฐานของนักการเมือง และเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ แถมท้ายด้วยคำชมจากปากประธานคตส. นายนาม ยิ้มแย้ม (ผู้ตั้งข้อกล่าวหาแก่ตัว) ว่า ไม่จำเป็นต้องยุติหน้าที่ก็ได้เพราะเพียงแค่ถูกกล่าวหา แต่เป็นเรื่องดีที่สร้างบรรทัดฐานทางการเมือง
หากมองอย่างผิวเผิน ดูเหมือนว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ โชว์สปิริตทางการเมือง ว่าพวกตนเป็นพรรคการเมือง และนักการเมืองชั้นดี แฝงนัยยะกระทบชิ่งนักการเมืองผู้อื่นที่คตส.กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ในเวลานี้
แต่ การประกาศยุติบทบาทผู้ว่ากทม. เป็นการแสดงสปิริต ความเป็นคนดี มีจริยธรรมทางการเมืองที่สูงส่งกว่าคนอื่นจริงหรือ? หรือกำลังใช้ยุทธวิธี ลับ ลวง พราง อ้างความใสซื่อมือสะอาด มาแหกตาพี่น้องประชาชน และโจมตีรัฐบาลกันแน่?
การแหกตาที่ว่า เกิดจากการพูดความจริงไม่หมดใช่หรือไม่?
ควรทำความเข้าใจกันก่อนว่า การยุติบทบาทของท่านหล่อเล็ก ไม่ใช่เรื่องการแสดงสปิริตแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวพัน ท่านหล่อเล็กถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดขณะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่ากทม. เป็นข้อกล่าวหาที่ผูกพันอยู่กับหน้าที่ความรับผิดชอบ และองค์กรที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องยุติบทบาทการทำงาน
แล้วท่านหล่อเล็ก ยุติบทบาทเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบของคตส.เป็นไปอย่างโปร่งใสและปราศจากการแทรกแซงจริงหรือ?
คำตอบตามความจริงที่ปรากฎคือ ไม่
เพราะหากไม่หลับหูหลับตาเชียร์ “สปิริต” กันมากไปนัก จะเห็นได้ว่า ยังคงมีคนของท่านหล่อเล็ก และท่านหล่อใหญ่แห่งพรรคฝ่ายแค้นนั่งบริหารงานระดับสูงในกทม. เช่นเดิม
ทั้งยังมีปลัดฯที่เป็นคนเดิมอีก
อย่าลืมว่า โครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของการบริหารงานของผู้ว่ากทม. ก็คือ สามารถแต่งตั้งคณะทำงาน ทั้งรองผู้ว่า และคณะทำงานต่างๆ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปอย่างเปิดเผยว่า มีทั้งสมาชิกและคนของพรรคประชาธิปัตย์เกือบทั้งหมด
การเปลี่ยนหน้าฉากแค่ หน้าตาของคน แต่พื้นฐานและระบบ เส้นสายคงเดิม
เป็นการแสดงสปิริตตรงไหนไม่ทราบ?
หากต้องการความโปร่งใสจริง ต้องตัดองคาพยพทิ้งทั้งหมด ไม่ใช่คงไว้เป็นพวงแบบนี้
ดังนั้นควรหยุดแหกตาประชาชนว่า “โชว์สปิริต เพื่อสร้างความโปร่งใส” เสียที
ประชาชนเขาไม่ได้กินหญ้า !
และด้วยความเคารพ โปรดอย่าลืมว่า ท่าทีของคณะผู้บริหารกทม. รวมทั้งหล่อเล็ก ในอดีตระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับประชาชน ผู้ต่อสู้คัดค้านเผด็จการคมช. จากการขอใช้สนามหลวงเพื่อจัดการชุมนุม
สำหรับพันธมิตรเพื่อการรัฐประหารท่านบริการอย่างเต็มที่ ทั้งรถสุขา ทั้งการอำนวยความสะดวกต่างๆ
สำหรับการชุมนุมของประชาชนผู้คัดค้านเผด็จการคมช. กลับถูกขัดขวาง นำเจ้าหน้าที่เทศกิจ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาล้อมประชาชนที่ชุมนุมบ้าง ให้ข่าวเป็นทางลบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะ
เป็นพฤติกรรมเลือกข้างและเลือกปฎิบัติ ราวฟ้ากับเหว
การสนับสนุนและบริการการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรเพื่อการรัฐประหาร สอดคล้องกับท่าที จุดยืนของท่านหล่อใหญ่ผู้นำพรรคในการชูมาตรา 7 ในขณะนั้นเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งไม่รู้ว่าการโชว์สปิริตยุติบทบาท ในเวลานี้จะสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ปัจจุบันอีกหรือไม่?
ว่ากันว่า กระบวนยุทธ์ สร้างภาพโชว์สปิริต นอกจากหวังผลทางการเมืองเตะตัดขารัฐบาลแล้ว ยังได้ของแถมที่สำคัญมาอีกเรื่องหนึ่ง เพราะ ตำแหน่งผู้ว่ากทม.นั้น อีกไม่กี่เดือนก็หมดวาระแล้วต้องมีการเลือกตั้งใหม่ การยุติบทบาทการทำหน้าที่ผู้ว่ากทม. นอกจากเป็นการสร้างภาพว่า “มีสปิรติ”แล้ว ยังมีเวลาไปเดินสายหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยใช่หรือไม่?
คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับหล่อเล็กและหล่อใหญ่เขี้ยวลากดิน ที่กำลังเล่นปาหี่ แหกตาประชาชนอยู่ในเวลานี้