“สลักการเมือง” ที่กำลังเขม็งเกลียว ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื้อและซื้อเวลาออกไป สังคมไทย ก็ยังพอมีเวลา “หายใจ” ได้บ้าง อย่างน้อยก็หนึ่งสัปดาห์กว่าที่ กกต.ชุดใหญ่ จะพิจารณาคดี “ยุบ-ไม่ยุบ” พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ตามที่ คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดียุบพรรคฯ
ที่มี นายบุญทัน ดอกไธสง เป็นประธานฯ เสนอ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาแม้จะมีข่าว “หลุด” ออกมาว่า...คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้มีมติเป็นเอกฉันท์ 4 : 0 ไม่ “ยุบ” ทั้ง 2 พรรคเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงความเห็นของ คณะอนุกรรมการฯ ที่ไม่ใช่ความเห็นของ กกต.ชุดใหญ่เพียงแต่อดีตที่ผ่านมา กกต.ชุดใหญ่ มักจะมีความเห็นที่สอดคล้อง
ตามที่ คณะอนุกรรมการฯ ชงเรื่องมาเท่านั้นไม่เพียงคดี “ยุบ-ไม่ยุบ” พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยแต่ยังมีอีกคดีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ...คดีที่ นายวีระ สมความคิด และ นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี ได้กล่าวหาพรรคพลังประชาชนเป็นตัวแทน (นอมินี) พรรคไทยรักไทยวันเดียวกัน กกต.ชุดใหญ่ เอง ได้สั่งให้ คณะอนุกรรมการฯ ชุดที่มีนายไพฑูรย์ เนติโพธิ เป็นประธานฯ หาข้อมูลเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย
1. สอบสวน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเข้ามาจัดการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ครอบงำและสนับสนุนเงินในการจัดตั้งพรรคหรือไม่
2. ให้พิจารณาข้อบังคับ พรรคพลังประชาชน เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค และ
3. สอบเพิ่มเติม นายวีระ และ นายศุภผล เกี่ยวกับประเด็นข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนที่กล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาครอบงำพรรค หรือ จัดส่งผู้สมัครและสนับสนุนทางด้านการเงิน หรือไม่ การที่ กกต.ชุดใหญ่ “ขีดเส้นตาย” ให้คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้ ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันไม่ต่างจากการยื้อและซื้อเวลา เหมือนเช่นกรณีแรกนักประเด็นก็คือ...แม้การยื้อและซื้อเวลาออกไป จะช่วย “ลด” ดีกรีความร้อนแรงทางการเมืองลงไปได้บ้าง
แต่ถึงที่สุด...ทุกอย่างก็จะต้องกลับมายังที่เก่า สู่จุดเดิม...จุดที่สุ่มเสี่ยงต่อความแตกแยกของผู้คนในสังคมอย่างที่สุด!!!ลำพังแค่ กกต.ชุดใหญ่ มีความเห็นให้ “ยุบ” พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก่อนจะต้องทำสำนวนส่ง...ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แนวร่วมทั้ง 2 พรรค ก็คงไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอนแต่จะเคลื่อนไหวอะไร? อย่างไร? นั้น
ถึงเวลาคงได้รู้กัน!!!ยิ่งหากเกิดกรณี “ยุบ” พรรคพลังประชาชน ด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเพราะ...เป็น “นอมินี” ของ พรรคไทยรักไทย หรือจากปัญหา “ใบแดง” ของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.ระบบสัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน และประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ตามแต่ผลที่เกิดขึ้นตามมา เชื่อว่า...คงจะรุนแรงยิ่งกว่ากรณี “ยุบ” พรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยมากนัก!!!
กระนั้น กรณี ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อนุญาตเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านรัชดาฯ มูลค่า 772 ล้านบาทสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก ต่อการจะช่วยลด “แรงเสียดทาน” ทางการเมือง ให้บรรเทาเบาบางลงบ้างในยามนี้เหลือก็แต่อีกฟากที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรค
ไทยรักไทย รวมถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชน เป็นแกนนำ โดยมีกลุ่มก้อนที่สำคัญก็คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อระ
ชาธิปไตย นำโดย “5 แกนหลัก” คนสำคัญอย่าง..นายสนธิ ลิ้มทองกุลพล.ต.จำลอง ศรีเมืองนายสมศักดิ์ โกศัยสุขนายพิภพ ธงไชยและ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์รวมถึง นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานสุดท้าย...หากคนกลุ่มนี้ยังยืนยันจะ ลุยศึกขั้นแตกหัก เช่นที่ “บางกอกทูเดย์” ฉบับวานนี้เขียนถึงล่ะก็
การซื้อและยื้อเวลาของ กกต. ก็จะไร้ผลทันที!!!แค่ กกต. คงไม่มีทางเลือกอื่น!การเผชิญหน้าระหว่าง “สองปีก” คือ ปีกพันธมิตรฯ ที่มีแกนนำอยู่ 5 คน และมี สุริยะใส กตะศิลา เป็นผู้ประสานงาน กับอีกฝ่าย คือ ฝ่าย “สมัคร-ทักษิณ”แม้ 2 คนนี้จะไม่เคยออกมามีพฤติกรรมอะไรร่วมกันให้ผู้คนได้เห็น แต่ในทางลับ สมัคร สุนทรเวช กับ ทักษิณ ชินวัตร ก็จับมือกันเหนียวแน่น มีกองกำลังจากพลังมวลชนหลายกลุ่มคอยรองรับการเดินเกม
ขณะที่ อีกฝั่ง...ซึ่งเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ และ อดีตพรรคไทยรักไทย รวมถึง รัฐบาลของนายสมัคร อย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะเป็น...แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการกลุ่มคนขับรถแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้างรวมถึงคนระดับรากหญ้าและชนชั้นระดับล่างฯลฯซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องมีคนในอดีตพรรคไทยรักไทย และ คนที่ชื่นชอบนายสมัครและพรรคพลังประชาชน รวมอยู่ในนั้นด้วย
การประกาศในการ “เผชิญหน้า” กันระหว่างพลังสองขั้ว มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา เพราะต่างฝ่ายต่างก็ท่องคาถาบทเดียวกันตายเสียดีกว่า ถ้าคิดจะถอย!!ดังนั้น กกต. จึงมีทางเลือกอยู่เพียงทางเดียว คือ การ “ซื้อเวลา” ในการเลื่อนการพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ที่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งถูกฝ่ายที่จ้องทำลายล้างเช็กบิลออกไปก่อนแม้จะแค่ 15 วันก็ยังดี!!
เพราะถึงตอนนั้น อะไรที่มันตึงเครียดอาจจะหย่อนผ่อนคลายลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การยุบพรรคไทยรักไทย จากการร้องเรียนของ นายวีระ สมความคิด และ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ซึ่งถือเป็น “ศัตรูถาวร” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน ที่มี นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค
โดยเงื่อนไขบางประการ ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถที่จะ “หยุด” การชุมนุมพลริมถนน แม้ว่าปัจจุบันจะไม่พร้อมเรื่องเงินและสะเบียงกรังในขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลซึ่งมี สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ออกมาประกาศชัดและค่อนข้างกร้าว
จะไม่เปิดทางให้ผู้นำม็อบฝั่ง “พันธมิตรฯ” ทำผิดกฎหมายในทุกขั้นตอนโดยเด็ดขาด มท.1อย่าง “เฉลิม” ถือว่าเป็นระดับ “มือปราบ” แม้จะออกมาย้ำทำนองว่า หากพันธมิตรฯ รวมพล ก็จัดการอำนวยความสะดวกให้ ไม่ว่าจะเป็นรถสุขาหรือน้ำดื่มน้ำใช้แต่...เงื่อนไขแค่นี้ คงไม่ทำให้ฝ่ายพันธมิตรฯ เปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนยุทธศาสตร์เป็นอย่างอื่นเพราะถึงอย่างไรเสีย...โจทย์มันก็มีเอาไว้รองรับ “คำตอบสุดท้าย” ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ “ตีกรอบ” เอาไว้อยู่แล้วพังเป็นพัง...ตายเป็นตาย!!!