หลายคนขนานนามว่า สว.ปัจจุบันเป็นสว.ผสมพันธ์ ระหว่าง พวกลากตั้ง กับเลือกตั้ง อันเป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญฉบับ “ลูกป๋าคาบไปป์” ที่พ่นพิษจนทำให้เกิดลูกผสมสว.แบบอิหลัก อิเหลื่อหัวใจคนในเวลานี้เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ประชาชนแบบเราๆท่านๆ ก็มีสว.ครบจำนวน 150 คนโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกเพื่อเลือกประธานวุฒิสภาในวันที่ 14 มีนาคม ที่จะถึงนี้
รายงานจากภาคสนาม พากันเสนอข่าวบรรยากาศ การเคลื่อนไหวของบรรดาสว.ที่มาจากหลายก๊ก หลายกลุ่ม หลายมุ้ง ว่าช่วงนี้เป็นช่วงล๊อบบี้ให้พรรคให้พวกของตัวเองได้เป็นประธานวุฒิสภากันฝุ่นตลบ
ท่ามกลางการเสนอข่าวความเคลื่อนไหว สื่อมวลชนส่วนใหญ่พากันพุ่งเป้า มุ่งประเด็นไปที่ ความเกี่ยวโยงและความสัมพันธ์ของกลุ่มการเมืองกับสว. โดยยกชื่อของ “นายเนวิน ชิดชอบ” อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย ว่าให้การสนับสนุนส.ว.เลือกตั้งบางคนเป็นวุฒิสภาสอดคล้องกับการพร่ำบ่นของสว.บางกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวในหน้าข่าวว่า “ประธานสว.ต้องเป็นกลางทางการเมือง”ของกลุ่ม สว.49 นำโดยนายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ สว.นครศรีธรรมราช มีมติไม่สนับสนุนนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง สว.บุรีรัมย์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานวุฒิสภา(ตามข่าว)
นี่เป็นการกล่าวหาเพียงด้านเดียวว่า อำนาจที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการสนับสนุนสว.ให้เป็นประธานวุฒิสภานั้น คือพวกไทยรักไทยเดิม เท่านั้น! ใช่หรือไม่
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ และสื่อมวลชนที่ชี้นำประเด็นนี้เคยตั้งคำถามและตรวจสอบ บรรดาว่าที่สว.ผู้จะลงสนามแข่งขันตำแหน่งประธานวุฒิสภาทั้งหมดด้วยหรือไม่ อย่างไร
เพราะอย่าลืมว่า สว.ปัจจุบันเป็นสว.พันธุ์ผสม ระหว่าง การเลือกตั้งและการลากตั้งด้วยจำนวน 70 คน ต่อ 74 คน ที่มีนักวิชาการทางด้านกฎหมายน้ำดีออกโรงเตือนตั้งแต่ช่วงออกแบบรัฐธรรมนูญแล้วว่า สว.ลากตั้งอาจจะกลายเป็นที่ซ่องสุมของสมุนเผด็จการที่ค้ำจุนระบอบอำมาตยาธิปไตย กลายเป็นการวางยาทางการเมืองของพวกเผด็จการต่อรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ใครเป็นอีแอบเบื้องหลังการชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา?
มีข้อสังเกตุหลายอย่างบ่งชี้ไว้ว่า หลายต่อหลายคนในบรรดาแคนดิแดทประธานวุฒิสภา มีสายใยเชื่อมโยงกับอำนาจนอกระบบคอยสนับสนุนอาทิเช่น
-อำนาจทหาร อดีตบิ๊กคมช. ว่ากันว่า ให้การสนับสนุน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก โดยเสนอสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เสนอชื่อให้มาเป็นสว. พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช กล่าวถึงตัวเองว่าจะได้รับการเลือกให้เป็นประธานด้วยการสนับสนุนจาก ส.ว.สายทหารที่มาจากสรรหาและเลือกตั้งรวม 11 คน
หลายคนตั้งข้อสังเกตุถึงความใกล้ชิดและสนิทสนมกับ พลเอก วินัย ภัททิยกุลอดีต เลขาธิการคมช. และปลัดกระทรวงกลาโหม และวิเคราะห์กันว่า หากพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ได้เป็นประธานส.ว.แล้ว คงไม่พ้นถูกมองว่า เป็นนอมินีของทหารฝั่งคมช.ที่วางยาไว้เพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งของประชาชนใช่หรือไม่ ?
-อำนาจตุลาการภิวัฒน์ (วิบัติ) ที่ถูกประชาชนตั้งข้อสงสัยประนามกันทั่วบ้านทั่วเมือง หลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่กระบวนการยุติธรรม และองค์คณะที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความยุติธรรม ต่างยินยอมพร้อมใจกันมาเป็น “เครื่องมือ” ให้คมช. ยอมรับและสนับสนุนการทำรัฐประหาร และเข้าไปมีตำแหน่งแห่งที่ในองค์กรที่คมช.ตั้งขึ้นอย่างไม่นึกถึงหลักความเป็นกลางและหลักความสุจริต เที่ยงธรรมแต่อย่างใด
หลายคนเรียกร้องให้ผู้ทำหน้าที่พิจารณาคดีความต่าง ไม่ให้มายุ่งหรือเล่นการเมือง แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังออกแบบให้ 7 อรหันต์ แต่งตั้งสว.มาจนได้ เช่น สว.แต่งตั้งสายศาลอย่าง นายประสพสุข บุญเดช ที่ว่ากันว่ากลุ่มเอ็นจีโอ และนักวิชาการฝากฝั่งพันธมิตร และสื่อลิ่วล้อเผด็จการ คอยเป็นแรงใจส่งเสียงเชียร์อย่างเต็มที่ ทั้งยังมีแรงหนุนเป็นนัยยะจากการให้สัมภาษณ์ของคุณหญิงเป็ด ในทำนองที่ว่าเหมาะสมดี แหมใครจะไปกล้าพูดว่าไม่เหมาะ เพราะคุณหญิงเป็นหนึ่งใน 7 อรหันต์ที่เลือกมา แทนที่จะเป็นคนไทยทั้งประเทศ
อย่างนี้ไม่ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นสว.สายศาลก็ดูจะกระไรอยู่ ?
สุดท้ายไปดูกันที่สว.ที่มาจากการเลือกตั้ง
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าบรรดาสื่อ และส.ว.ที่มีอยู่หลายก๊กนั้น แม้ว่าจะออกมาแทงกั๊กว่าจะไม่เลือกส.ว.วสายลากตั้งมาเป็นประธานวุฒิสภา และออกมากล่าวว่าจะไม่เอาส.ว.เลือกตั้งที่อ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากอดีตนักการเมืองไทยรักไทย
แปลกแต่จริง ท่าทีของส.ว.กลุ่มนี้กลับไปเลือกสนับสนุนส.ว.เลือกตั้งอย่าง พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี ที่ว่ากันว่าแจ้งเกิดได้เพราะแรงใจ แรงสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่เป็นป๋าดันอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือ ข้อกล่าวหาที่ว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซงการเลือกประธานวุฒิสภานั้น
หากเป็นจริงตามข้อสังเกตุที่รายงานมาข้างต้น อำนาจการเมืองที่สื่อและส.ว.ที่อ้างว่าตัวเองเป็นน้ำดีนั้น ต้องไม่ดัดจริตว่าเป็นอำนาจที่ข้องเกี่ยวกับกลุ่มการเมืองที่ตัวเองรังเกียจเท่านั้น
แต่ต้องมองให้รอบด้าน เลิกดัดจริต ด้วยการยอมรับความจริงที่ว่า อำนาจที่ร้ายกาจที่สุดที่เขามาแทรกแซงการเมืองของประชาชนก็คือ อำนาจนอกระบบ ที่เป็นเชื้อชั่วเผด็จการไม่ยอมตายที่แฝงมากับรัฐธรรมนูญฉบับปิศาจ ลูกป๋า คาบไปป์นี่เอง !