น่านำมาเป็น “กรณีศึกษา” มากที่สุดในยามนี้ ก็คือชีวิตและตัวตนของนายพลอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ ที่ชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินบัดนี้...อำนาจทั้งหลายทั้งปวง ได้หลุดออกจากมือ “บิ๊กบัง” ไปเรียบร้อย ตั้งแต่รัฐบาลสุรยุทธ์หมดสภาพหลังการ
เลือกตั้งเขากลายเป็นนินจาหรือขอมดำดินตั้งแต่บัดนั้น!ทำไมผมถึงบอกว่าชีวิตของ พล.อ.สนธิ เป็นชีวิตที่น่าศึกษา?? เพราะ พล.อ.สนธิ เองก็เพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันนี้เองเหมือนกันว่า...“เข้าใจชีวิตมากขึ้นเมื่อหมดอำนาจ” แปลว่า ก่อนหน้านี้เขาแทบไม่รู้จักตัวเอง!!
พล.อ.สนธิ เป็นนายทหารหน่วยรบมาตลอดชีวิต เคยเป็นผู้บัญชาการทหารหน่วยสงครามพิเศษ (พลร่มป่าหวาย) จนมาถึงเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก
“สนธิ บุญยรัตกลิน” รู้และคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่า “อำนาจ” มาตลอดยิ่งหลังการปฏิวัติเมื่อ 19 กันยายน 2549 พล.อ.สนธิ ยิ่งมี อำนาจล้นฟ้า ในฐานะ “หัวหน้าคณะปฏิวัติ”
คนมีอำนาจแล้วบริหารอำนาจที่มีอยู่ไม่เป็น มันทำให้ พล.อ.สนธิ ไม่เคยตัวโตกว่าเดิม!!จะเรียกว่า..เขาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติคนเดียวที่หน่อมแน้มที่สุด หรือมีอำนาจที่จำกัดที่สุดก็ไม่น่าจะผิดบันไดกี่ขั้นก็ตามที่ “สนธิ” ตั้งใจจะล้างเผ่าพันธุ์พรรคไทยรักไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สูญพันธุ์ เอาเข้าจริง “สนธิ”กลับสิ้นพันธุ์เสียเอง
วันนี้ เขาพูดได้แต่เพียงว่า..."ขอใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ทุกอย่างพิสูจน์ได้ตอนที่เราไม่มีอำนาจ ใครรักเราจริงก็มาหาเรา บางคนเคยมาหาตอนเป็นประธาน คมช. แต่ตอนนี้ก็ไม่มาก็มีอยู่มาก ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ได้พิสูจน์ว่า ใครเป็นมิตรแท้ เป็นคนที่รักเราจริง ในช่วงที่เราไม่มีอำนาจ...”
มันเป็นสัจธรรม เป็นความจริงที่ พล.อ.สนธิ เจ็บปวดมาก!! ในการล้างไพ่หลังการเลือกตั้งนั้น พล.อ.สนธิ มี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นกุนซือใหญ่ฝ่ายกฏหมายและสภานิติบัญญัติแห่งชาติในการเตรียมการเลือกตั้งครั้งหลังสุดเอาไว้อย่างแหลมคม เขามี “เพื่อนร่วมรุ่น”หลักสูตร วปอ.ปี 2542-2543 ชื่อ อภิชาต สุขัคคานนท์ (หมายเลข 3999) มาเป็นประธาน กกต. ให้
แต่เพราะความแรงของ “ทักษิณ ชินวัตร” และในความเป็นอดีตพรรคไทยรักไทย ทำให้พรรคพลังประชาชนเข้าสภาแบบ “แลนด์สไลด์” 233 คน
วันนี้ของ “สนธิ บุญยรัตกลิน” (วปอ.รุ่นปี 42-43 หมายเลขประจำตัวนักศึกษา 3975) จึงเป็นชีวิตรันทด จะว่า...ลงไม่สวยก็น่าจะได้!!