คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะเห็นการสร้างกระแสให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มาร่วมสนับสนุนพันธมารธิปไตย ในการไม่เคารพกติกาของบ้านเมือง ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ ทำลายบรรยากาศการลงทุน เดินสายดาวกระจายไปที่ต่างๆ
มีคำถามต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย อาทิ แอบอ้างความเป็นสถาบันโน้นสถาบันนี้กว่า 80 แห่ง ทั้งที่ไม่ได้เป็นตัวแทนนักศึกษาอย่างแท้จริง เขาถามกันว่า ได้รับฉันทามติจากนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยหรือไม่ หรือเป็นเพียงกลุ่มนักศึกษากลุ่มเดียว หรือไม่กี่กลุ่มในมหาวิทยาลัย
สาเหตุที่ต้องหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา หากจะไปดูในเว็บไซต์ต่างๆ ทางวิชาการจะมีกลุ่ม นักศึกษาอีกส่วนหนึ่งซึ่งทำกิจกรรมที่คุ้นเคยบ้าง ไม่คุ้นเคยบ้าง ได้แถลงการณ์แสดงถ้อยแถลงจุดยืนต่างๆ อย่างชัดเจน ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ “พันธมารธิปไตย” ดำเนินการมาตั้งแต่การใช้ความรุนแรงเข้าบุกยึดสถานที่ราชการ เข้าทำลายทรัพย์สินของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และยึดทำเนียบรัฐบาล เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เลยกรอบของคำว่าการเมืองภาคประชาชนไปไกลแล้ว
ปัญหาการแตกแยกทางความคิดลุกลามไปทั่วประเทศ ในเรื่องการกระทำของ พันธมารธิปไตย ภาพการรุมทำร้ายคนไทยด้วยกัน...แม้ไม่มีทางสู้แล้ว ยังกระหน่ำตี...อย่างโหดเหี้ยม!!! ผิดมนุษย์
* สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นการโกหกคำโต “ใช้...ธรรมนำหน้า” หรือ “ใช้...ธรรมบังหน้า” เป็นการสะท้อนให้เห็น สันดานดิบแห่งความป่าเถื่อน!!!
* สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นการโกหกคำโต “กินผักไม่กินเนื้อ” แต่ “หิวกระหายเลือด” ไม่ได้เคารพในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธะ
* สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นการโกหกคำโต “การชุมนุมโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ” ซึ่งชอบอ้าง มาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขณะที่ความจริงได้ถูกพิสูจน์ออกมาแล้วว่ามีทั้ง มีด ไม้ เหล็กแป๊บ ไม้กอล์ฟ ปืน และใบกระท่อม
นี่หรือ...“เทียนแห่งธรรม”…!!!???
นักศึกษาซึ่งอาจจะห่างเหินเวทีการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปนาน ได้ศึกษาข้อเท็จจริงชัดแจ้งหรือยังว่ากรุงเทพมหานครกำลังอยู่ในการ ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมมั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน หากรู้แล้วยังออกมาปฏิบัติการทางการเมือง “เคลื่อนขบวนป่วนบ้านป่วนเมือง” เพียงเพราะแกนนำ 5 + 1 ชอบที่จะมุดหัวอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ออกมาไม่ได้เพราะกลัวถูกจับข้อหา “กบฏ”
น้องๆ นักศึกษาเหล่านี้อาจจะเสียอนาคต เพราะ ต้องเข้าคุก เข้าตะราง อยู่ในเรือนจำ ไม่ได้มีโอกาสทดแทนบุญคุณพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เพราะ การเคลื่อนไหวจะต้องรุนแรง กดดันท้าทายอำนาจรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ หากจะหันกลับไปดูปฏิบัติการของ “พันธมารธิปไตย” เป็นคำตอบได้อย่างดี คดีติดตัวเพราะทำความเสียหายกับบ้านเมือง ที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำมาหากินไม่ได้ ย่อมจะเกิดตามมาเหมือน แกนนำ 8-9 คน และ คนแวดล้อมที่อาจจะโดนออกหมายจับในลักษณะเดียวกัน
มองมุมหนึ่งเป็นเรื่องดีที่วันที่ “นักศึกษา” ซึ่งถือเป็น “ปัญญาชน” ที่ได้เงียบเหงา ปราศจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองไปมากพอสมควร กำลังจะตื่นตัวทางการเมือง แต่อยากให้น้องๆ นักศึกษา ได้ทำความเข้าใจเรื่อง ประชาธิปไตย เรื่อง อนาธิปไตย เรื่อง การเมืองใหม่ 70 : 30 ที่ พันธมารธิปไตย เรียกร้องต้องการในเวลานี้
สื่อต่างประเทศ เขายังว่า...เป็นประชาธิปไตยที่เลวร้ายกว่าการปฏิวัติรัฐประหาร เสียอีก
ผู้นำฝ่ายค้าน ยังต้อง...ใส่เกียร์ถอย
ปัญญาชนอย่าให้คนอื่นหลอกลวง ปลุกระดมปลุกปั่น เป็นเครื่องมือใครต่อใครได้ง่ายๆ การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ การเมืองระบบตัวแทนของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริงจึงมีความสำคัญ อยู่ๆ จะไปเคลื่อนไหวเพื่อยกอำนาจอธิปไตยไปให้ใครต่อใครมันถูกต้องแล้วหรือ?