WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 9, 2008

คุกขังทรมาร 9 ตัว


คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

“27 สิงหาคม 2551 เวลา 16.00 น. วันที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อนุมัติหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 9 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกสัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอมร อมรรัตนานนท์ และ นายเทิดภูมิ ใจดี ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอออกหมายจับ

ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 สะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการ หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี มาตรา 114 มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก ตามมาตรา 215 และ 216

2 กันยายน 2551 เมื่อเวลา 07.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เซ็นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์วุ่นวายที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลแล้วหลังการปะทะกันระหว่าง กลุ่มพันธมิตรฯ กับ นปช. จนฝ่าย นปช. ที่ไม่มีอาวุธ ไปอย่างสันติ ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก”

และแล้วประชาชนผู้รักความสงบและ รักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ร่ำร้อง ว่าทำไมรัฐบาลไม่รีบจัดการกับพวกกบฏขั้นเด็ดขาดเสียที ในเมื่อศาลท่านได้ออกหมายจับให้เรียบร้อยแล้ว และบัดนี้รัฐบาลก็ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบของผู้มีหน้าที่จะต้องเข้าไปแก้ปัญหาทันที มิเช่นนั้นจะเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติหน้าซึ่งก็ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย

ผู้เขียนเห็นว่าปัญหามันต้องแก้ แต่การแก้ปัญหานั้นมีหลายรูปแบบ ต่างแต่เราจะแก้แบบไหนคือแก้ปัญหาหนึ่งเพื่อให้เกิดปัญหาอีกปัญหาหนึ่ง และไม่จบสิ้น หรือแก้ปัญหาเพื่อตัดรากถอนโคนของปัญหา

ปัญหาของสังคมไทยตอนนี้เกิดจาก โมหะ คือความโง่ของคนบางกลุ่มที่ถูกพวก มาร 9 ตัวหลอก โดยมีความศรัทธาแบบหัวปักหัวปำว่า มารพวกนี้คือผู้ รักชาติ รักสถาบัน เมื่อเกิดความเชื่ออันเป็นแกนนำในการตัดสินใจ การสาวหาเหตุและผลอันเป็นภาวะทางปัญญาก็ไม่มี จึงกลายเป็นสังคมศรัทธาวิปริต พร้อมที่จะทำทุกอย่างตามที่คนที่เขาศรัทธาสั่งการ

การแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงกับคนพวกนี้ ด้วยให้ฝ่ายทหารและตำรวจบุกเข้าจับกุมหัวโจกกบฏทั้ง 9 คนตามที่เราต้องการนั้น ต้องมีการต่อต้านแน่นอน และอาจจะจับกุม 9 กบฏได้ในที่สุด แต่ปัญหาจะไม่มีทางจบ เพราะลูกสมุนของพวกเขามีกระจายกันทั่วประเทศ ซึ่งคนพวกนี้พร้อมที่จะก่อจลาจล หรือรวมตัวกันเป็นแก๊งใต้ดินสร้างปัญหาจนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้

ส่วนการแก้ปัญหาอีกแบบหนึ่ง คือแก้ปัญหา เพื่อยุติปัญหานั้น ผู้แก้ปัญหาต้องอาศัยปัญญาและความอดทนคือให้ปัญหาของพวกเขาทำลายพวกเขาเอง ซึ่งพวกมารทั้ง 9 ตัวนั้น ขณะนี้ก็กำลังเผชิญปัญหาของพวกเขาเองอย่างหนัก เช่น

1. ปัญหาเรื่องความขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ ซึ่งไม่มีทางตกลงกันได้เนื่องจากคน
บางคนนำเงินบริจาคไปใช้ในกิจการส่วนตัวและโดยอ้างกิจการ ASTV ทราบว่านำไปฝากที่ประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านบาทแล้ว

2. ปัญหาสุขภาพจิตที่ทั้งผู้นำและผู้ตามต่างเป็นโรคหวาดระแวงกันและกันอย่างหนัก
เพราะกลัวถูกจับ

3. ปัญหาสภาพความเป็นอยู่ที่ทนทุกข์อย่างหนักหนาสาหัส

4. ปัญหาสุขภาพที่กำลังป่วยเป็นโรคต่างๆ เพราะการเป็นอยู่ที่ขาดสุขอนามัย

5. ปัญหาความเสื่อมศีลธรรมที่มีการสมสู่กันจนเป็นข่าวว่ามีถุงยางอนามัยเกลื่อนไปหมด

6. ปัญหาที่ผู้เข้าไปแล้วและได้เห็นพฤติกรรมของผู้นำที่หลอกลวงไม่มีอุดมการณ์ดังที่
โฆษณาและพวกเขาพยายามจะออกมาแต่ก็ออกมาไม่ได้ สุดท้ายพวกผู้ถูกหลอกนั้นแหละจะหันปลายหอกใส่พวกผู้นำเอง

จากปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าคนพวกนี้อยู่จะทำให้เกิดภาวะตรึงเครียด กดดัน และดิ้นรนหาทางออก มารผู้นำทั้ง 9 ตัว จะตกอยู่ในสภาพที่เครียดจัดเมื่อผู้คนเริ่มเข้าใจพฤติกรรมลวงโลกของตัวเอง ผู้คนที่หลงผิดที่อยากออกมาก็ออกไม่ได้จะรุมประณามผู้นำ ความโกลาหลจะเกิดขึ้น เมื่อหาทางออกไม่ได้ อาจจะมีการทำร้ายกันเอง และแล้วภาพแห่งความชั่วร้ายจะปรากฏแก่โลก มวลหมู่สมุนบริวารภายนอกก็เข้าใจเองว่าแท้ที่จริง กลุ่มคนเหล่านี้คือคนลวงโลกนั้นเอง และหลอกพวกเขาเพื่อเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ให้พวกเขาเท่านั้น

ดังนั้นในทรรศนะของผู้เขียน เห็นว่า การแก้ปัญหาโดยให้พวกเขาอยู่ในคุกทำเนียบฯนั้นแหละคือการแก้ ปัญหาที่จะถอนรากเหง้าของคนพวกนี้ เพราะขณะนี้ ทำเนียบรัฐบาลที่เคยโอ่อ่า เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองกลายเป็นคุกขังกบฏ 9 คน สมุนโดยปริยาย สภาพคุกยามนี้เป็นสภาพที่อเนจอนาถสุดที่คนทั่วไปจะทนทาน ยามฝนตกน้ำท่วม พื้นสนามที่เคยมีหญ้าเขียวสดสวย ดุจดังพื้นพรม บัดนี้ได้กลายเป็นปรักโคลนตม และเจิ่งนองด้วยน้ำที่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากอุจจาระ ปัสสาวะ และสิ่งปฏิกูลอื่นๆ ไหลนองเต็มไปหมด ที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านั้นก็คือมีปลอกถุงยางอนามัยเกลื่อนไปทั่ว ทั้งในตัวตึกและบริเวณทำเนียบฯ นี้คือคุกนรกจริงๆ

หน้าที่ผู้นำรัฐบาล อย่างท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช ก็คือย้ำ “สองไม่” ให้ฟังบ่อยๆ คือ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก ควรตั้งวอร์รูม เพื่อให้ข่าวและชี้แจงข้อเท็จจริงแก่สาธารณะอย่างทันต่อเหตุการณ์ ไม่ควรให้เป็นภาระของนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว ส่วนฝ่ายทหารและตำรวจมีหน้าที่ควบคุมให้คนพวกนี้ชุมนุมกันเฉพาะในทำเนียบฯ เท่านั้น หากจะให้ดีควรมีลวดหนามมาขึงล้อม ทำเนียบเอาไว้ ให้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว การส่งเสบียงอาหารก็ให้ส่งตามปกติ ตรวจคนเข้าออกอย่างเข้มงวด และหากมีใครที่อยากจะออกแต่ออกมาไม่ได้ ให้โทร.บอกตำรวจ ตำรวจจะได้นำตัวออกมา ส่วนพวกที่มาใหม่ควรเตือนก่อนว่าเข้าไปแล้วจะออกมาลำบาก และไม่ควรอนุญาตให้รถทุกประเภทเข้าออกแม้รถพยาบาล

นี่เป็นการกดดันที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงใดๆ เจ้าหน้าที่ได้ทำตามกฎหมายผู้ชุมนุมก็ได้อยู่ตามความเชื่อของพวกเขา เมื่อถึงจุดหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่ปัญหาถึงขั้นวิกฤติ พวกเขาจะไม่ต่างอะไรกับพวกคนวิกลจริตที่วิ่งพล่านและหันมาทำร้ายกันเอง และนี่จะเป็นการจบสิ้นของกระบวนการพันธมารตลอดไป

ผศ. ดร.ศิลป์ ราศี