WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, September 9, 2008

พลังเงียบนักศึกษาออกโรงต้านชุมนุมย้ำไม่ควรเลือกข้าง


“พลังเงียบนักศึกษา” ออกโรงต้านการชุมนุมหยุดเรียนประท้วงรัฐบาล ตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุอยากเห็นบ้านเมืองยุติความขัดแย้ง และอยากเห็นทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย หนุนรัฐบาลไม่ใช้ความรุนแรงปราบปราม แต่ขณะเดียวกันพันธมิตรฯ ต้องยอมปลดอาวุธ ทำตัวอยู่ใต้กฎหมายและเข้ามอบตัวสู้คดีตามหมายศาล พร้อมทั้งประกาศจุดยืนต้าน “การเมืองใหม่” ชี้ระบบ 70:30 ขัดหลักการประชาธิปไตยและดูถูกประชาชน

จากกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ปลุกระดมเอานักเรียนนักศึกษาออกมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสร้างความปั่นป่วนบ้านเมือง ในนามกลุ่มเยาวชนพันธมิตรฯ หรือ YoungPAD ที่ประกาศให้นักศึกษาร่วมกันหยุดเรียน พร้อมทั้งผุดแผนผึ้งแตกรังจ่อสร้างความวุ่วายนในวันนี้ (9 ก.ย.) นั้น

ได้มีเสียงติติงออกมาจากหลายฝ่าย เพราะเกรงว่านักเรียน นักศึกษาจะถูกหลอกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ด้วยการปลุกระดมว่าให้มาทำหน้าที่แบบเดียวกับวีรชนในอดีต ทั้งที่ในความเป้นจริองแล้งเงื่อนไขแตกต่างกันมาก เนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้มีทิศทางชัดเจร และที่สำคัญยังส่อว่าเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย ไม่การเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างในอดีต

ขณะเดียวกันนักศึกษาจำนวนมากก็ยังออกมาท้วงว่าไม่ควรอ้างชื่อสถาบันการศึกษา เพราะการออกไปชุมนุมเป็นสิทธิส่วนตัว ไม่ใช่ในนามสถาบัน และยังมีนักศึก๋ษ่าอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เห็นกับแนวทางดังกล่าว และนักศึกษาอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่าอยากเห็นความสงบในบ้านเมือง อยากเห็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่คิดเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด

นักศึกษา4สถาบันร้องยุติขัดแย้ง
กลุ่มนิสิต 4 สถาบัน ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง โดยในตอนสายวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา นายธีระยุทธ์ ประมัยพิมพ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลังบริสุทธิ์เพื่อแก้วิกฤติทางสังคม พร้อมนักศึกษาจาก 4 สถาบัน คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย ประมาณ 50 คน เดินทางไปยื่นแถลงการณ์เรื่อง “รวมพลังบริสุทธ์เพื่อยุติความขัดแย้งทางการเมือง” พร้อมผูกริบบิ้นสีเทา เพื่อแสดงสัญลักษณ์ความเป็นกลางให้กับผู้บัญชาการทหารบก ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พ.อ.เอกลักษณ์ นภาสวัสดิ์ นายทหารเวรผู้ใหญ่เป็นผู้รับหนังสือแถลงการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้กลุ่มพลังบริสุทธิ์ได้แสดงละครล้อเลียนสถานการณ์โดยให้รัฐบาลและพันธมิตรหันหน้าเข้าหากันและจับมือกันเพื่อประเทศชาติ

คัดค้านการเมืองใหม่-รบ.แห่งชาติ
นายธีระยุทธ์ กล่าวว่า กลุ่มพลังบริสุทธิ์เป็นการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาที่ต้องการเห็นความขัดแย้งคลี่คลายไปในทางทีดี จึงขอให้รัฐบาลและพันธมิตรหยุดการกระทำต่างๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อประชาชนในสังคม ด้วยการหันหน้าเข้าหากัน เพื่อเจรจาร่วมกันหาทางออกของความขัดแย้ง และขอคัดค้านการกระทำที่ก่อให้เกิดความรุนแรงที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหา

“ขอให้ทุกภาคส่วนของสังคมปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่ ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ และขอคัดค้านการเมืองใหม่ของพันธมิตรที่ใช้ระบบสรรหา 70 และเลือกตั้ง 30 รวมถึงแนวคิดการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพราะไม่ใช่วิธีการตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนนิสิตนักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายใด และอยากเห็นสังคมสงบสุข ปักธงหรือริบบิ้นสีเทา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ความเป็นกลาง”นายธีระยุทธ์ กล่าว

70:30ดูถูกประชาชน-ขัดหลักปชต.
ด้านนายเอกรินทร์ ต่วนศิริ นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวระหว่างการเสวนาในหัวข้อ "วิกฤตการเมืองไทยในมุมมองคนรุ่นใหม่ กับสถานการณ์ 2 ขั้วต่าง" โดยระบุว่า ต้องการให้ขบวนการนิสิตและนักศึกษา เข้าไปมีบทบาทในการเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มคนไม่เลือกข้าง ได้พบปะเรียนรู้ทางการเมือง และร่วมหาทางออก ซึ่งจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งลงได้ โดยในระยะสั้นที่จะสามารถฝ่าวิกฤตได้ ทั้งสองฝ่ายต้องยอมเสียสละ นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา หรือไม่ก็ลาออก ส่วนแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องเข้ามอบตัว ส่วนผู้ที่จะชุมนุมต่อก็ต้องไปใช้พื้นที่ซึ่งไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่น

นอกจากนี้ นายเอกรินทร์ ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ให้ ส.ส.มาจากการเลือกตั้ง 30 คน และมาจากการสรรหา 70 คน เพราะถือเป็นการดูถูกประชาชน และผิดหลักการในระบอบประชาธิปไตย

เรียกร้องทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย
กลุ่มนักศึกษาของสถาบันการศึกษาต่างๆ ใน จ.สงขลา อย่างน้อย 5 สถาบัน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ออกมาประกาศจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจน เป็นอิสระไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยการขึ้นป้ายภายในมหาวิทยาลัย และมีข้อเรียกร้อง ให้รัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมทุกกลุ่มปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รัฐบาลจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องยกเลิกการชุมนุมที่ละเมิดต่อกฎหมาย ขอให้สหภาพแรงงานทุกองค์กร ปฏิบัติงานตามปกติ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนไปมากกว่านี้

ด้านนายกรวิทย์ ไชยสุ นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยืนยันว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้จะไม่ร่วมการหยุดเรียนเพื่อกดดันรัฐบาล เนื่องจากมีนโยบายเดินสายกลาง

ส่วนนายมนตรี สิทธิเขต นักศึกษาภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ คือทำให้ประชาชนมีความสนใจการเมืองมากขึ้น แต่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ไม่มีขอบเขต เช่น การปิดสนามบิน ที่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ

สนนท.เตือนนศ.ชุมนุมอย่างมีสติ
นายเบญจรัตน์ แซ่ฉั่ว สำนักงานสิทธิมนุษยชนศึกษาและการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สิทธิชุมนุมเป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ต้องอยู่บนฐานของการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่ที่ผ่านมา การแสดงออกซึ่งความเห็นเหล่านี้ เป็นความพยายามยั่วยุให้เกิดความรุนแรง เพราะฉะนั้น ข้อเสนอต่อสถานการณ์ปัจจุบันคือ แม้ว่ารัฐบาลควรเคารพสิทธิการชุมนุม แต่ก็ต้องชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ปลดอาวุธทั้งสองฝ่าย เพราะตราบใดที่ยังมีอาวุธอยู่ในมือ ความรุนแรงก็จะมากขึ้น

นายอาเต็ป โซ๊โก เลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) กล่าวว่า ทุกคนอาจมองว่าประเทศชาติเข้าสู่ความเลวร้าย แต่อีกแง่ก็มองว่า เป็นความสวยงามของประชาธิปไตย ที่เห็นกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตาม อยากเตือนสติเพื่อนนักศึกษาไม่ให้ใช้อารมณ์ในการเข้าร่วม ไม่ว่าจะเข้าร่วมกับกลุ่มไหน อยากให้ใช้เหตุผลในการชุมนุม เคารพในสิทธิการแสดงความเห็น แม้จะเห็นต่างกัน และอยู่ในกรอบของประชาธิปไตย

ชี้พันธมิตรฯต้องยอมปลดอาวุธ
นายอุเชนทร์ เชียงเสน นักศึกษาปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนกลุ่มโดมแดง กล่าวว่า ข้อเสนอของเราไม่ได้ยุติความขัดแย้งทางการเมือง แต่ยุติความรุนแรงทางการเมือง ความขัดแย้ง หรือเห็นต่างเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ปัญหาทางการเมืองตอนนี้ คนในความขัดแย้งพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง

เวลาเรามองความรุนแรงเรามักมองไปที่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังมีความรุนแรงอีกแบบคือความรุนแรงจากประชาชน การยึดเอ็นบีทีและทำเนียบของพันธมิตรฯ ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้รัฐบาลใช้กำลังในการปราบปราม เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการโค่นล้มรัฐบาล เพราะคนเหล่านี้รู้ว่าการชุมนุมโดยปกติไม่สามารถล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ จึงต้องดำเนินการให้รัฐผิดพลาดในส่วนนี้

นายอุเชนทร์ กล่าวว่า ความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องยุติ แต่เราต้องการยุติความรุนแรง เพราะฉะนั้น วันนี้พันธมิตรฯ ต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐปลดอาวุธกองกำลังของตัวเอง ตอนนี้แนวโน้มที่ดีคือเจ้าหน้าที่รัฐ ปลดอาวุธแล้วเหลือเพียงโล่และกระบอง

ย้ำอารยขัดขืนก็ต้องพร้อมรับโทษ
ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ อธิบายว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นอารยะขัดขืน โดยอ้าง อ.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เหมือนกัน ทั้งนี้ อารยะขัดขืน คือการกระทำที่มีลักษณะสาธารณะ เปิดเผย สันติวิธี มีมโนธรรมสำนึก ตั้งใจขัดกฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายบางอย่างของรัฐ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นจากกฎหมายนั้นด้วย เพราะอารยะขัดขืนคือการพยายามเรียกร้องมโนธรรมสำนึกของสังคม ให้สงสัยว่า ทำไมคนดีๆ จึงตั้งใจละเมิดกฎหมาย ให้สังคมสงสัยว่า มีสิ่งผิดปกติในสังคมการเมืองแน่ๆ เพราะฉะนั้นอยากเรียกร้องให้ ผู้นำพันธมิตรฯ ที่ตั้งใจละเมิดกฎหมาย เรียกร้องมโนธรรมสำนึกจากสังคมโดยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ไม่ใช่ชอบหรือไม่ชอบนายสมัคร แต่ไม่ควรให้พันธมิตรฯ เอาเงื่อนไขความรุนแรง เอาชีวิตผู้คนเป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้รัฐบาลลาออก

นายอุเชนทร์ กล่าวว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ทางการเมือง คือการโน้มนำให้คนอื่นเห็นด้วยกับตัวเอง โดยการถกเถียงกันอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่การเข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาลแล้วใช้เงื่อนไขความรุนแรงมาบีบบังคับให้คนอื่นยอมรับ