คอลัมน์ : รายงานพิเศษ
ชายหญิงคนอื่นๆ เขามี “เสน่ห์” เป็น “ปลายจวัก”
แต่ “นายกฯ หมัก” สมัคร สุนทรเวช ของพ่อแม่พี่น้อง กลับมี “จวัก-ตะหลิว-กระทะฯลฯ” เป็นอาวุธย้อนกลับมาทำลายตัวเองเสียอย่างนั้น...
จะหาใครซวยซ้ำซวยซ้อนเท่านายกฯ และรัฐบาลบ้านนี้ (และต้อง พ.ศ.นี้) ไม่มีอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าบรรดาคนที่กรี๊ดกร๊าด เฮฮา เป่าปาก กระทืบเท้าด้วยความดีใจทั้งหลายนั้น...มันน่าปลื้มปีติถึงเพียงนั้นกันจริงๆ หรือ ที่สามารถเอานายกฯ คนหนึ่งออกจากเก้าอี้ได้ ด้วยเหตุผลว่า “ทำอาหาร” !?!
เห็นภาพข่าวที่หลายคนตื้นตันแทบน้ำตาไหลแล้วก็พลอยผสมโรงหัวเราะกับเขาไปด้วย...เออหนอ อาการหนักเหมือนกันนะคนประเทศนี้
ที่สำคัญ มีหลายคนรีบออกมา “ตีกัน” ไม่ให้สภาโหวตเลือก สมัคร สุนทรเวช กลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีใหม่
โดยอ้างเหตุแห่งความ “ละอายใจ” หวังให้พรรคพลังประชาชนและอดีตนายกฯ สมัคร พิจารณาตัวเอง...
ทั้งที่ภายใต้หลังคาสภาเดียวกัน มีความผิดร้ายแรงกว่าประเภทเข้าข้างอำนาจรัฐประหาร ไม่เคารพหลักการประชาธิปไตย ฯลฯ ไม่มีใครมาพูดเรื่อง “ความละอาย” สักแอะเดียว
อีกกระแสที่ถูกพูดถึงพอกัน คือความเป็นไปได้ในการ “เปลี่ยนขั้ว” การเมือง
ถามถึงความ “เป็นไปได้” ก็ต้องบอกว่า เป็นไปได้ ...
แต่ไม่รับประกันว่าจะไปได้สักกี่น้ำ
รัฐบาลที่รวมกันแล้วมีเสียงนำหน้าฝ่ายค้านไปแค่เส้นยาแดง...ก็ไม่ต้องถามหาคำว่าเสถียรภาพรัฐบาลอีกต่อไป
อย่าว่าแต่จะได้ทำงานบริหารประเทศให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย สภาพการเป็นรัฐบาลที่ต้องรับมือ “การเมือง” ตลอดเวลาโดยไม่มีเวลาทำอย่างอื่นนั้น รัฐบาลนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่
ดังนั้นสำหรับหลายคน ทางเลือกเรื่องเปลี่ยนขั้วจึงพับเก็บไปได้
ปัญหาสำคัญเวลานี้ จึงอยู่ที่ “ปัจจัยภายนอก” อย่างการชุมนุมของกลุ่มมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลมากกว่า
เพราะไม่ว่าการเมืองจะออกไปรูปแบบใด มวลชนกลุ่มนี้จะไม่ยอมรับ ไม่ทำความเข้าใจ และไม่มีวันยอมถอยจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ นั่นคือสถาปนาการเมืองใหม่
ทั้งที่ตอนนี้พวกเขาก็ยังตอบไม่ได้เต็มปากว่า “ใคร” จะเป็นคนเข้ามาจัดการให้เกิด “การเมืองใหม่” และจะจัดการกันอย่างไร
เมื่อทางออกของมวลชนกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ รู้ว่าแพ้แล้วแต่หาบันไดลงไม่ได้... จึงอยู่ที่รัฐและสังคมจะร่วมด้วยช่วยกัน “ยื่นบันได” ให้
ยื่นไปแล้วไม่ยอมลงมาเอง ต้องส่งใครไปกระชากลงมาก็ค่อยว่ากันอีกที ที่สำคัญเวลานั้นอาจต้องใช้มาตรการที่รุนแรงในสายตาใครไปบ้างแต่เพื่อความสงบสุขของส่วนรวมก็จำต้องตัดสินใจกระทำ…
เพราะท่าทีหลังได้ยินคำสั่งศาลปลดนายกฯ โห่ร้องดีใจแต่กลับปิดท้ายว่าจะชุมนุมกันต่อไปนั้น มันบอกชัดแล้วว่าท้ายที่สุดคนพวกนี้ก็คือคนที่มนุษย์ทั่วไปพูดคุยด้วยไม่รู้เรื่อง หนักข้อยิ่งกว่าคำว่าได้คืบจะเอาศอก...
ได้แต่หวังว่า “นายกฯ รักษาการ” หรือกระทั่งผู้มีอำนาจสั่งการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะหาทางลงให้คนพวกนี้โดยเร็วที...
ก่อนที่ “ประชาชน” จะทนไม่ได้แล้วลุกฮือขึ้นมาเอง