WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, September 11, 2008

เพราะนี่คือ พันธมาร ไม่ใช่ องคุลิมาล


คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

การที่มีคณะสงฆ์และแม่ชีออกมาขอบิณฑบาต ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เป็นเจตนาที่ดีต่อบ้านเมือง แต่คงไม่ง่ายเหมือน “องคุลิมาล” กลับใจหรอกครับ เพราะนี่เป็น “พันธมาร”

ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่ กองโจรศรีวิชัย บุกเข้ายึดและทำลายข้าวของในสถานีโทรทัศน์ NBT การฆ่า นายณรงศักดิ์ กรอบไธสง กลุ่มต่อต้านพันธมิตรทำลายประชาธิปไตย การพบอาวุธจำนวนมากในการเคลียร์พื้นที่การชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ รวมทั้งอาวุธที่พบในตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ถือเป็นการคุกคามฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย

เป็นบันทึกอีกหนึ่งหน้าในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ต้องให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากการที่พระสงฆ์องค์เจ้าต้องออกมามีบทบาท เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง

ขออนุญาตบอกให้ทราบว่ามีกลุ่มใด หรือมีใครบ้าง ดังนี้ กลุ่มองค์กรพุทธศาสนาประกอบด้วย องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย เสถียรธรรมสถาน สถาบันวิมุตตยาลัย และเครือข่ายพุทธิกา ร่วมกันแถลงข่าวขอบิณฑบาตอาวุธและความรุนแรงในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ นำโดย พระศรีญาณโสภณ พระไพศาล วิสาโล พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี และ แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

การที่พระสงฆ์จะแจกบัตรขอบิณฑบาตความรุนแรงให้เต็มพื้นที่ของสังคมไทย เพื่อให้บัตรดังกล่าวเป็นสัญญาณให้เกิด “สันติภาพ” หากใครอยากได้บัตรขอรับได้ที่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีการพิมพ์อย่างไม่จำกัดนั้น คงต้องใช้จำนวนมากทีเดียวครับ เพราะประชากรของประเทศ 95% นับถือพุทธศาสนา

กับคำถามที่คาใจพุทธศาสนิกชนที่ว่า พระสงฆ์ที่ชุมนุมอยู่ในกลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชน จะมีความเข้าใจจุดยืนของพุทธศาสนาคลาดเคลื่อนหรือไม่

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี บอกว่า พุทธศาสนิกชนจะเข้าใจจุดยืนของพระสงค์ในนามตัวแทนของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาบทบาทพระสงฆ์และแม่ชีในกลุ่มองค์กรพุทธศาสนานี้ ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง โดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายไหน และไม่มีผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น

พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีประชากร 95% นับถือพุทธศาสนา หลายฝ่ายต้องมีความอดทน ซึ่งการมีสันติไม่มีความรุนแรงถือว่าเป็นธรรมอันยอด อาตมาอยากให้สังคมไทยเป็นแผ่นดินสันติภาพ และรักษาไว้ให้นานที่สุด ถ้าเราทำได้ จะเป็นบทเรียนในเรื่องประชาธิปไตย โดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ และขอให้ทุกภาคส่วนทำความเข้าใจและตระหนักรู้และสถาปนาสันติภาพให้เกิดขึ้น เชื่อว่าจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่คนไทยมอบให้กับประเทศชาติ นอกจากนี้การแถลงข่าววันนี้ถือเป็นก้าวแรกของการขอบิณฑบาตความรุนแรงจากทุกฝ่าย ใครมีความรุนแรงด้านความคิด คำพูด การกระทำ ให้เอามาบิณฑบาตพระสงฆ์ทั่วประเทศ

พระศรีญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า “วันนี้พระสงค์นำฝักดาบมาให้ หลายฝ่ายช่วยกันเก็บดาบที่แหลมคมให้ปลอดภัย เหมือนเรือเจอรูรั่ว หากมีคนถามแต่ว่าใครทำ รอยรั่วก็จะใหญ่ขึ้น วันนี้พระสงฆ์ไม่ขอบิณฑบาตอาหาร แต่ขอบิณฑบาตอาวุธแทน”

พระไพศาล วิสาโล กล่าวว่า "ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียด มีความขัดแย้งกันหลายฝ่าย และนำมาสู่การใช้ความรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา นับจากนี้จะต้องหาทางยุติโดยใช้เหตุผล ไม่ใช้กำลัง เพราะความรุนแรงเกิดจากการใช้อาวุธมาทำร้าย โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องประโยชน์ของตัวเองนั้น ก็จะไปคุกคามเบียดเบียนผู้อื่นด้วย ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นใหม่ จึงขอให้บิณฑบาตอาวุธและความรุนแรงให้กับพระสงฆ์ เพราะที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ประกาศจะไม่ใช้ความรุนแรง และปราศจากอาวุธ จึงถือว่าเป็นจุดแรกที่เริ่มจากกองทัพด้วย"

พระไพศาล วิสาโล บอกว่า “เรามาเสนอทางออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง รวมทั้งความรุนแรงทางวาจา อาตมาขอบิณฑบาตอาวุธ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะทดสอบต้นทุนของสังคมไทย เชื่อว่าจะมีความหวังและผ่านความขัดแย้งไปสู่สันติภาพได้”

ส่วน แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวว่า "เราควรใช้ความต่างให้เป็นเรื่องอิสระ ถ้ามีอำนาจแล้วไม่เกลียดกัน จะเป็นอำนาจอิสรภาพอย่างแท้จริง คณะสงฆ์และแม่ชีออกมาเพื่อเตือนสติไม่ให้เกิดปัญหา แล้วทุกฝ่ายจะอยู่กันอย่างสันติ เป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

ผมว่าสิ่งที่ทางคณะสงฆ์และแม่ชีออกมาเรียกร้องสังคม เป็นสิ่งที่ตรงใจคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ครับ
แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า พระสงฆ์องค์เจ้าที่มั่วสุมอยู่ในม็อบการประท้วง รวมทั้งสาวกของลัทธิสันติอโศก มอง “สันติ”

อย่างไร เนื่องจากเกลือกกลั้วอยู่กับคมหอกคมดาบ อาวุธปืน เครื่องสังหารอย่างไม่เคอะเขิน

ผู้ร่วมประท้วงที่นับถือศาสนาพุทธจะฉุกคิดหรือไม่ว่า คนของพันธมิตรฯ ได้กระทำการผิดศีลผิดข้อห้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุสา กล่าวหาสาดโคลนโจมตีฝ่ายรัฐบาลอย่างเสียๆ หายๆ หยาบคาย ก้าวร้าว มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้ความรุนแรงและพร้อมจะตอบโต้ด้วยความรุนแรงได้ตลอดเวลา การเสพสารเสพติดอย่างใบกระท่อม ที่เป็นข่าวและมีหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อย้อนไปดูเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่มาที่ไปของ พันธมิตรทำลายประชาธิปไตย ซึ่งวันนี้ยังเสียงแข็ง ไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาของบ้านเมือง

แม้ว่าวันนี้...แกนนำได้ตกเป็นผู้ต้องหาของบ้านเมืองแล้วก็ตาม

ซึ่งต่างกับ นายสมัคร สุนทรเวช ที่เราได้เห็นถึงความพยายามใช้ความอดทน อดกลั้น ไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นมา ยืดอกรับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีเพื่อต่อสู้กับข้อกล่าวหา

วันนี้เรามีประชาธิปไตยครับ เรายังมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน การจะทำอะไรก็ต้องเดินไปตามระบบ ตามครรลองประชาธิปไตย เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้

ปัญหาเฉพาะหน้าวันนี้คือ ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้ามาช่วยกันแก้วิกฤติ เพื่อให้ประเทศฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ต้องเรียกความเชื่อมั่นทั้งจากคนไทยและต่างชาติให้กลับมาโดยเร็ว ถ้ายังปล่อยเวลาและให้สถานการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ คนในบ้านเมืองยังมีความแตกแยก จ้องเข่นฆ่าทำลายกัน บ้านเมืองไปไม่รอดแน่ๆ ครับ

การที่พระคุณเจ้า นักศึกษาที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย ออกมาแสดงจุดยืน เป็นเรื่องที่ต้องรับฟังและนำมาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ผมมั่นใจว่าเป็นการแสดงออกที่มีความจริงใจ บริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรแอบแฝง เพียงเพื่อให้สังคมเกิดสันติสุขเท่านั้น

เพราะประเทศชาติจะเดินหน้าไปแข่งกันกับนานาประเทศอย่างมีศักดิ์ศรีและความสง่างามต่อไป

ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้สิ่งดีๆ เกิดกับบ้านเมืองของเราโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญที่คนไทยทั้งชาติได้แสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีกัน

แต่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ครับ...

เรื่องคงไม่จบลงง่ายเหมือนอย่าง “องคุลิมาล” ที่ได้สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ เพราะนี่เป็น “พันธมาร” ที่ตั้งหน้าระราน ขัดขวาง ไม่จบไม่สิ้น

*อัฐศิริ*