วันนี้ข้อเรียกร้องของ พธม. และพวกอำมาตยาธิปไตยที่แฝงตัวในคราบนักวิชาการ หรือในหลายๆ กลุ่ม ก็บรรลุจุดมุ่งหมายแล้วคือ นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้หลุด จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เกิดจากข้อร้องเรียนของ พธม. หรือใคร แต่เป็นไปตามหลักกฎหมาย หลักนิติรัฐทุกประการ
ผมก็ไม่เห็นเค้า หรือแนวโน้มว่า วิกฤตการณ์ความแตกแยกทางความคิดของคนในชาติ มีแนวโน้มที่จะจบลงแต่อย่างใด แต่ผมกลับเห็นว่า มันมีรอยร้าวที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
แม้ผมจะไม่ชอบใจคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะผมเห็นว่าเป็นการพิพากษามีธงนำ แต่เมื่อ “เล่นกันตามเกม เล่นในกติกา” ผมก็พร้อมที่จะยอมรับคำตัดสินนั้น แม้ผมจะเห็นว่ามันไม่เป็นธรรมก็ตาม
เมื่อเล่นกันตามกติกาแล้ว ฝ่ายพลังประชาชน ก็มีทางเลือกให้เล่นได้อีกหลายอย่าง เช่น
การโหวตให้นายสมัคร สุนทรเวช กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายของศรีธนญชัยข้อใดทั้งสิ้น เมื่อตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ แบบศรีธนญชัยได้ ด้วยข้อหาจัดรายการชิมไปบ่นไป ก็กลับมาแบบศรีธนญชัยได้ ไม่ได้ผิดกติกา ขาดความชอบธรรม หรือผิดจริยธรรมแต่อย่างใด
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ เล่นพวก พรรคพลังประชาชนที่คุมเสียงในสภาอยู่ ก็เล่นพวก และเล่นเกมบ้าง ไม่เห็นจะมีอะไร ถือว่าเป็นการสั่งสอนศาลรัฐธรรมนูญ และ ผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญทั้งหลายว่า “การเล่นเกมเด็กเล่นขายของ” แบบนี้มันไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดแก่ประเทศชาติทั้งสิ้น เมื่อประชาชนอยู่ข้างพรรคพลังประชาชน ความชอบธรรมทางการเมือง ย่อมสูงสุด และ Rule out อำนาจทุกอย่างในประเทศไป ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ มีบารมีมากมายแค่ไหนก็ตาม
ผมคิดว่า การเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ คือการตอกหน้า "ศาลรัฐธรรมนูญ" ด้วยครับ เป็นสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้ พวกอำมาตย์รู้ว่า การใช้ศาลตัดสินแบบศรีธนญชัย มันไม่ทำให้ปัญหาจบไปได้ เพราะอำนาจทางการเมืองยังอยู่ที่ฝ่ายเราไม่ได้อยู่ที่ศาล เรื่องการเมือง ต้องการให้ศาลตัดสิน มันไม่มีทางจบลงไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้น หากจะเล่นเกมนี้กันต่อไป ก็ต้องให้มันพังกันทุกฝ่าย ผมจึงสนับสนุนให้พรรคพลังประชาชน เลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ
อย่ายอมแพ้พวกอำมาตยาธิปไตยโดยเด็ดขาด
แนวทางนี้ควรเป็นแนวทางหลักที่พรรคพลังประชาชน ยืนกรานไว้ และไม่เป็นการทำลายน้ำใจของนายสมัคร สุนทรเวช ที่อุตส่าห์ อาสาขึ้นมาถือหางเสือ ยืนซดกับกลุ่มอำมาตยาธิปไตย และอำนาจนอกระบบได้อย่างยาวนาน และไม่ได้ถอดใจไปเสียก่อน
แต่หาก ท่านสมัคร สุนทรเวช ถอดใจ ไม่กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง พรรคพลังประชาชน ก็อาจเสนอ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือคนอื่นๆ ขึ้นมาแทนไปก่อนก็ได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร
อำนาจรัฐยังอยู่ที่พรรคพลังประชาชน เกมยังอยู่ในมือพรรคพลังประชาชน ไม่ได้เสียหายอะไร
ท่านสมัคร สุนทรเวช ก็ยังคงเป็น สส.บัญชีรายชื่อ และเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนอยู่
หาก หมอเลี้ยบโดนเล่น เรื่อง คดีหวยบนดิน หลุดจากตำแหน่งอีก
ท่านสมัคร สุนทรเวช ซึ่งคาดว่าตอนนั้น คดีหมิ่นประมาท ผ่านไปแล้ว อยู่ในชั้นฎีกา ก็กลับมาเป็นนายกฯได้อีก
จะเล่นเกม เวียนเทียนกันก็ได้ ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น
แต่ผมอยากถามปัญหา กับ สังคม และพันธมิตรว่า
วันนี้ สมัคร สุนทรเวช ก็ได้หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว วิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ยุติหรือยัง
ผมเชื่อว่ายังไม่ยุติ
ก็เหมือนกับพวกที่คิดว่า ไล่ทักษิณออกไปจากประเทศไทยแล้ว ปัญหาทุกอย่างก็จบ แต่มันก็ไม่จบอย่างที่คิด วันนี้ไล่สมัครออกไปได้แล้ว ปัญหามันจบหรือไม่ มันก็ไม่ได้จบอย่างที่คิด
ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงมันจึงอยู่ที่ “การไม่ยอมรับกติกา และไม่ยอมรับเสียงข้างมากต่างหาก”
ไม่ต้องมาอ้างเรื่องจริยธรรมทั้งสิ้น เพราะตอนนี้ทักษิณ ก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว สมัครก็ไม่ได้เป็นนายกฯแล้ว
แต่ประชาชนก็ยังเลือกพรรคพลังประชาชนอยู่ ไม่ได้หันไปเลือกพรรคประชาธิปปัตย์
พวกท่านยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแล้วหรือยัง หากยังไม่ยอมรับเสียงข้างมาก คิดว่าประชาชนโง่ ประชาชนโดนซื้อ หรือ คนชั้นล่างไม่มีวิจารณญาณที่ดี ถูกชักจูงได้ง่าย เหมือนกับที่ อธิการบดี หรือ คณบดี ม.เชียงใหม่ บางคนกล่าวหาประชาชน ผมก็คิดว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่จบแน่ ๆ
เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไร กลุ่มอำมาตยาธิปไตย ก็ไม่ได้อำนาจรัฐจากประชาชนแน่นอน
พระอาทิตย์มันตกดินไปแล้ว จะให้มันค้างอยู่บนฟ้าได้อย่างไร มันหมดยุคของอำมาตยาธิปไตยแล้ว จะยื้อยุด ให้มันดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ฝืนกฎไตรลักษณ์ เรื่องอนิจจัง ได้อย่างไรกัน
ตอนนี้ ประเทศไทยมาถึงทางสองแพร่ง (ที่จริงมาถึงนานแล้ว) ว่า จะเอาระบบแต่งตั้ง (70/30) หรือ จะเอาระบบ “เลือกตั้ง”
หากคิดจะใช้ระบบ “แต่งตั้ง” เหมือนที่รณรงค์กันอยู่ สิ่งแรกที่จะต้องทำก่อนคือ การฉีกรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ทิ้งไป ซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยไม่มีรัฐประหารก่อน
ก็คิดดูก็แล้วกันว่าจะทำรัฐประหาร ได้อีกหรือไม่ ท่ามกลางกระแสโลกที่ไม่เป็นมิตร
ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า จะสามารถเอา ระบอบการเมืองที่ล้าหลังไปในยุคศตวรรษที่ 19 มาใช้ในปี 2008 ในศควรรษที่ 21 ไปได้สักกี่น้ำ ไม่ว่าประเทศไหน ก็พังมาแล้วทั้งสิ้น ใน พ.ศ. นี้
หากใช้ระบบเลือกตั้ง "จุดสำคัญ" จะอยู่ที่ "ผู้เลือกตั้ง" ที่ตื่นขึ้นมาแล้ว "หากเปลี่ยนใจผู้เลือกตั้งไม่ได้" การเมืองมันก็ยังเป็นเหมือนเดิม
และผมว่า การที่กลุ่มผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ในรัฐธรรมนูญทั้งหลาย จะใช้วิธี ตุลาการภิวัฒน์ ตุลาการวิบัติ ทั้งหลาย เหมือนที่ทำอยู่ในเวลานี้ ไม่มีทางปลี่ยนใจผู้เลือกตั้งได้อย่างแน่นอน
ไม่ว่า พรรคใดจะมา ก็ต้องใช้นโยบายประชานิยม และระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม อย่างแน่นอน หากทำได้ไม่ดี ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่เป็นชาวรากหญ้า ซึ่งเกิด “จิตสำนึกทางการเมืองระดับชาติ” ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง ก็จะลงคะแนนเป็นกลุ่มก้อน เลือกพรรคการเมืองพรรคเดียว 300 กว่าเสียง ส่งเข้ามารัฐสภา สร้างปัญหาให้ พวกอำมาตยาธิปไตย เหมือนกับขณะนี้อีกอย่างแน่นอน
สุดท้าย ก็จะเกิด “ทักษิณ 2” ขึ้นมาแข่งบารมี กับหลายๆ คนอีก
แล้วต้องหาทาง กำจัด ทักษิณ 2 อีก
ไม่เหนื่อยหรือ แต่ประชาชน เขาเหนื่อย เขาอาจกำจัด “ศักดินาอำมาตยาธิปไตย” ไปก่อนก็ได้นะครับ เมื่อความอดทนมันถึงขีดสุด อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น
เพราะประชาชน ไม่มีวันแพ้หรอกครับ พวกเขาไม่ต้องทำอะไร แค่วันเลือกตั้ง ไปออกคะแนน เลือก “พรรคที่ชอบ” และมีใจตรงกันค่อนประเทศ มันก็เกิดรัฐบาลพรรคเดียว อีกจนได้ ผู้มากบารมีทั้งหลาย ก็ต้องเหนื่อย ไปจนกว่าจะหมดบารมีกันไปนั้นแหละ
จาก thaifreenews