พรรคประชาธิปัตย์ลักไล่เสนอชื่อ “อภิสิทธิ์” ทั้งที่เคยประกาศไม่คิดตั้งรัฐบาลแข่ง แต่ก็ต้องฝันสลายเมื่อสภาไม่ครบองค์ประชุม “จรัล ดิษฐาอภิชัย” ระบุเลื่อนโหวตเป็นเรื่องดี เชื่อ “สมัคร” จตักลับมาอีกครั้งแน่นอน
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีการตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคพลังประชาชน แต่ภายหลังที่ได้มีการประชุมที่รัฐสภา ปรากฏว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เอรับการพิจารณารับโหวะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นายจรัล กล่าวว่า โดยหลักการ พรรคก็จะต้องมีการนำเสนอหัวหน้าพรรคของตนเองอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ไปก็ไม่ได้ วันนี้อาจจะมีปัญหาในเรื่องของการช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองกัน เพราะเขาเห็นว่าวันนี้ ส.ส.ไม่ค่อยเข้าร่วมชุมนุม และส่วนใหญ่ส.ส.ที่เขาร่วมชุมนุมก็เป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ จึงเสนอชื่อหัวหน้าพรรค เพื่อจะได้รับเสียยงโหวตมาก แต่เข้าคงลืมไปว่าคะแนนโหวตที่ได้ต้องมีจำนวนเป็นกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรทั้งหมด นี้โหวตเท่าไรก็ไม่ถึงครึ่งอยู่ดี
“การเสนอชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นการแสดงบทบาทอยากเป็นรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์เอง ถึงรู้ว่าเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ก็ไม่ได้รับโหวตแต่มันเป็นเรื่องของธรรมเนียม เป็นเรื่องของมารยาทที่ลูกพรรคต้องเสนอหัวหย้าพรรคของตัวเอง” นายจรัลกล่าว
นายจรัลได้กล่าวถึงประเด็นที่วันนี้มีการประชุมรัฐสภาไม่บรรลุผล และได้เลื่อนการพิจารณาเลือกนายกฯเป็นวันที่ 17 กันยายน ตนเห็นว่าการเลื่อนออกไปอีก 3-4 วันเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าจะได้มีเวลาไปศึกษาและทบทวนอะไรหลายๆ เรื่องภายในพรรค เพราะตอนนี้ปัญหาใหญ่อยู่ที่พรรคพลังประชาชน ที่ส.ส.ภายในพรรคยังไม่มีความคิดเห็นที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เนื่องด้วยจากสถานการณ์ในตอนนี้ อยู่ในช่วงของวิกฤตทางการเมืองทำให้ความคิดของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน เนื่องจากแต่ละคนก็เป็นกังวลและเป็นห่วงสถานภาพในปัจจุบัน
“ส.ส.บางกลุ่มอาจจะมองว่าถ้าเสนอนายสมัครเป็นนายกฯ อีกครั้งอาจจะทำให้ปัญหาที่มีอยู่บานปลายมากยิ่งขึ้น ปัญหาจะไม่รู้จบ และอาจจะมีส่วนในเรื่องของผลประโยชน์ในแต่ละพรรคด้วยที่เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง” นายจรัลกล่าว
นอกจากนี้นายจรัลยังกังวลว่าถ้าภาย 30 วันแล้วยังไม่สรุปว่าจะเลือกใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามระเบียบของรัฐธรรมนูญ 2550 ระบุให้คนที่ได้มีคะแนนเสียงในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตรงนั้นตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ส.ส.ท่านใดของพรรคใดได้รับเสียงมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าอย่างไรในวันที่ 17 กันยายนนี้น่าจะได้ข้อสรุป และนายสมัคร สุนทรเลชน่าจะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง