WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, March 12, 2009

ยัด7ข้อถอดถอนมาร์ค พท.สรุป-ซักฟอก5รมต.

ที่มา ไทยรัฐ

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 11 มี.ค. ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 ส.ส.พรรคเพื่อไทยประมาณ 20 คน นำโดยนายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร ประธานคณะทำงานยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี ได้นำรายชื่อ ส.ส. 158 คนพร้อมคำร้องขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 271 ยื่นต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา โดยนายประสพสุขกล่าวว่า จะรีบดำเนินการและตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.ที่เข้าชื่อยื่นถอดถอนว่าครบ 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ มีเวลา 15 วันในการตรวจสอบ ซึ่งในวันที่ 13 มี.ค. จะแจ้งให้ที่ประชุมวุฒิสภาทราบด้วย ทั้งนี้ ฝ่ายค้านสามารถดำเนินการอภิปรายไม่ไว้ วางใจได้เลยโดยไม่ต้องรอผลการพิจารณาของ ป.ป.ช.

ซัดเข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่สุจริต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือยื่นถอดถอนดังกล่าวระบุพฤติการณ์ของนายอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยื่นถอดถอน 7 ประการดังนี้ 1. การเรียกร้องขอให้พระมหากษัตริย์พระราชทานนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นการตอกย้ำว่านายอภิสิทธิ์ไม่ฝักใฝ่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และเข้าร่วมปฏิบัติการกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องขอคืนพระราชอำนาจ อันเป็นการเรียกร้องทางการเมืองนอกสภาที่เป็นแนวร่วมซึ่งกันและกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรฯ 2. การเข้าสู่ตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ไม่เป็นตามครรลองประชาธิปไตย แต่อยู่ภายใต้การชี้นำของคณะบุคคลชั้นสูง

บางกลุ่มบางคนผลักดันให้พรรคการเมืองเสียงข้างน้อยเข้ามาบริหารประเทศ โดยไม่คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในการเลือกตั้ง อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 และยังเป็นการเข้าสู่ตำแหน่งโดยวิธีไม่สุจริต ไม่ยึดมั่นในหลักความชอบธรรมและกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

มีเอี่ยวเหตุพันธมิตรฯยึดสนามบิน

3. มีพฤติกรรมเป็นตัวการ หรือเป็นผู้ให้ หรือผู้ สนับสนุนหรือสั่งการกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งที่รู้ดีว่ากลุ่มพันธมิตรฯกระทำการขัดต่อกฎหมายและขัดขวางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการเข้ายึดท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งยังแสดงความเห็นชอบและเข้าไปตรวจเยี่ยมผู้ชุมนุมโดยตลอด ท้ายที่สุดยังช่วยเหลือแต่งตั้งแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี รวมทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีอีกหลายตำแหน่ง

ปกปิดเงินอุดหนุนพรรค

4. มีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองจากการมีส่วนปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยการรับเงินสนับสนุนพรรคจากบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ รวมทั้งไม่จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก กกต.ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ 5. นายอภิสิทธิ์มีหน้าที่รักษาไว้ซึ่งดินแดนไทยให้เป็นราชอาณาจักรเดียวกันตามมาตรา 1 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ขณะนี้มีประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีแนวเขตติดต่อกันได้ทำถนนบุกรุกยึดครองใช้พื้นที่ดินแดนของประเทศไทยเป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร

รับบริการฟรีจาก บ. มือถือ

6. นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำเอกสารเท็จแจ้งต่อ กกต.สตูล โดยรับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นสมาชิกพรรคสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.สตูลวันที่ 20 เม.ย. 2551 ทั้งที่นายธานินทร์ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี รายละเอียดปรากฏตามหนังสือลงวันที่ 20 ก.ย. 2548 นายธานินทร์จึงขาดการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับของพรรคข้อ 9 (6)ที่ระบุว่าคุณสมบัติของสมาชิกพรรคต้องไม่อยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 7. กรณีที่นายอภิสิทธิ์ให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และทีมงาน ประสานไปยังบริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ที่เป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรีในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกฯคนใหม่ ซึ่งบริษัทเอกชนเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯจึงยินยอมให้ความช่วยเหลือ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายเป็นเงินหลายล้านบาท แต่ได้บริการให้ฟรีแก่นายอภิสิทธิ์ เท่ากับว่านายอภิสิทธิ์ได้รับ “ประโยชน์อื่นใด” ตามประกาศของ ป.ป.ช. ซึ่งหมายถึงสิ่งที่มีมูลค่าได้แก่ การลดราคา การรับความบันเทิง การรับบริการ การรับการฝึกอบรม หรือสิ่งอื่นใด แต่หากเป็นการให้โดยธรรมจรรยา ถ้ามูลค่าเกิน 3 พันบาทก็ห้ามมิให้รับ ดังนั้น การรับประโยชน์จากการส่งข้อความเป็นมูลค่าหลายล้านบาท จึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103

ยันซักฟอก “อภิสิทธิ์” 14 ประเด็น

นายพีระพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ว่า ในวันที่ 12 มี.ค. คณะทำงานจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยยื่นเหตุผลอภิปรายนายกฯ 14 ประเด็น พร้อมกับแนบชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ลงชื่อมีแค่ 158 คนจากทั้งหมด 187 คนนั้น มีเหตุผลหลายประการ อาทิ ส.ส.บางคนที่อยู่ระหว่างรอฟังผลใบเหลืองหรือใบแดง บางคนติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนี้ พรรคได้จัดทำโพลสำรวจความเห็นของประชาชนทั้งก่อนและหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ โดยในช่วงก่อนการอภิปรายจะสอบถามความต้องการของประชาชนว่าอยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องใดบ้าง และหลังอภิปรายเสร็จสิ้นก็จะมีการทำโพลอีกครั้งเพื่อสอบถามว่ารัฐบาลชี้แจงได้ดีแค่ไหน และประเมินผลการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านด้วย

ขึ้นป้ายอัดรัฐบาลเหลวแก้เศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคกำหนดล้มรัฐบาลให้ได้ภายใน 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. โดยจะเคลื่อนไหวทั้งในสภา โดยเฉพาะการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และการเคลื่อนไหวนอกสภาที่กำชับให้ ส.ส.และผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส.ชี้แจงกับชาวบ้าน เน้นประเด็นรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจล้มเหลว รวมถึงการติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้โฟนอินเข้ามาในเวทีชุมนุมคนเสื้อแดง ล่าสุดแกนนำของพรรคได้สั่งให้ขึ้นป้ายขนาดใหญ่ ที่บริเวณหน้าที่ทำการพรรค ตึกชินวัตรไหมไทย มีข้อความ “สานต่อนโยบายเดิม เป็นมาตรการเร่งด่วน เศรษฐกิจแย่ คนแก้ต้องเพื่อไทย”

นายคณวัฒน์ วศินสังวร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคจะจัดทำป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ติดตั้งในอีกหลายจุด และจะจัดทำแผ่นพับให้ ส.ส.ทุกคนนำไปแจกประชาชน เพื่อจะได้รับรู้แนวนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของพรรค อีกทั้งเป็นการเตรียมพร้อมเลือกตั้งใหม่

หาช่องทางวัดเรตติ้งพรรค

นายกมล บันไดเพชร นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ในที่ประชุม ส.ส.วันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมามีการเน้นย้ำให้ ส.ส.ช่วยแจกสติกเกอร์รณรงค์ให้ประชาชนบริจาคเงินภาษีให้พรรคเพื่อไทย โดยผู้ที่ต้องการสนับสนุนพรรคเพียงกรอกในใบเสียภาษีและใส่รหัส 034 ที่เป็นรหัสของพรรค การกำชับให้ ส.ส.รณรงค์และเผยแพร่เรื่องนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายต้องการเงินที่บริจาค แต่ต้องการวัดความนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรค และต้องการให้ประชาชน มีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรค

สรุปยื่นไม่ไว้วางใจ 5 รัฐมนตรี

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนัดสุดท้าย เพื่อสรุปรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีนายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน เป็นประธานที่ประชุม ภายหลังการประชุม นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทยมีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและถอดถอนรัฐมนตรี 5 คน นอกเหนือจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้ง 5 คนประกอบด้วยนายกษิต ภิมย์ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย เพราะพบการทำผิดรัฐธรรมนูญประเด็นการบริหารที่ผิดพลาดและทุจริตประพฤติมิชอบ โดยวันที่ 12 มี.ค. เวลา 09.30 น. พรรคจะไปยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภา จากนั้นจะไปยื่นญัตติอภิปรายไม้ไว้วางใจต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

เผยประเด็นซักฟอกรายตัว

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุผลที่อภิปราย 5 รัฐมนตรีเพราะมีหลักฐานชัดเจน โดยนายกษิต ภิรมย์ จะโดนอภิปรายเรื่องการยึดสนามบิน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน จะเป็นผู้อภิปรายหลัก นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ จะถูกอภิปรายเรื่องการโยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม และการทุจริตงบประมาณขององค์การปกครองท้องถิ่น มีว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ เป็นผู้อภิปราย ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช จะโดนอภิปรายเรื่องการใช้งบประมาณไม่ถูกต้อง โดยตนและนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน เป็นผู้อภิปราย สำหรับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จะถูกอภิปรายกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการบริจาคเงิน 258 ล้านบาทจากบริษัททีพีไอ ผ่าน บริษัทแมสไซอะฯ และเข้าไปยังแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนั้นนายประดิษฐ์เป็นเลขาธิการพรรค และนายอภิสิทธิ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบงบดุลประจำปีของพรรค

ขู่ลงดาบ 2 เชือด “จุรินทร์-โสภณ”

ว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.ได้ลงชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรี จำนวน 95 คน หรือ 1 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดในสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158-159 การที่ ส.ส.ของพรรคลงชื่อไม่เต็ม 187 คน เพราะต้องกันที่เหลืออีกส่วนเผื่อไว้ลงชื่อขอยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ยังไม่ถูกอภิปรายอีกครั้ง เช่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ นายโสภณ ซารัมย์ รมว. คมนาคม ที่จะต้องมีการประมูลโครงการใหญ่ในช่วง 1-2 เดือนนี้ ซึ่งตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้โดยต้องยื่นในสมัยประชุมสามัญทั่วไปเท่านั้น

“มาร์ค” ลั่นมาโดยชอบชี้แจงได้

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นถอดถอนนายกฯว่า ยังไม่เห็นอะไรเลย เดี๋ยวเห็นเรื่องแล้วจะบอกให้ทราบ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อกล่าวหาว่านายกฯเข้ารับตำแหน่งโดยมิชอบ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “ผมมาโดยชอบ” ส่วนเรื่องการส่งเอสเอ็มเอสนั้น ฝ่ายค้านเคยร้องไปที่ ป.ป.ช.ก็ไม่มีปัญหาอะไร มั่นใจว่าชี้แจงได้ อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายค้านยื่น ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจไปที่ประธานสภาแล้ว ก็จะส่งมาที่รัฐบาลเพื่อเข้าหารือในที่ประชุม ครม.เพื่อกำหนดวันอภิปราย คาดว่าจากนั้นไม่เกิน 15 วัน จะสามารถกำหนดวันได้

เด็ก ปชป.ช่วยแก้ต่าง 7 ข้อกล่าวหา

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธานวิปรัฐบาล แถลงว่า กรณีที่ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนนายกฯ 7 ประเด็นนั้น ไม่มีน้ำหนักที่จะดำเนินการได้ แต่ก็เป็นสิทธิอยู่ที่ ป.ป.ช.จะ วินิจฉัยว่ามีมูลหรือไม่ แต่เมื่อดูข้อกล่าวหาแล้ว 1. กล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านการเลือกตั้งโดยไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 ไม่ถือเป็นพฤติการณ์ที่ขัดขว้างต่อระบอบประชาธิปไตย 2. กรณีการเข้ามาดำรงตำแหน่งยืนยันว่าเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เป็นการแข่งขันกันตามระบอบประชาธิปไตย 3. ข้อกล่าวหาเรื่องไม่พยายามรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมีมาก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารงาน 4. ข้อกล่าวหานำเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น กกต.ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการบริจาคเงินเข้าพรรค รวมถึง กกต.ยังตรวจสอบงบดุลสมัยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรคก็เรียบร้อยดี

ชี้ประเด็นไม่รุนแรงถึงขั้นถอดถอนได้

นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า 5. เรื่องการรักษาดินแดนไทยให้เป็นอาณาจักรเดียว เป็นขั้นตอนที่อยู่ในกระบวนการเจรจาของฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทยกับกัมพูชา เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องรักษาอธิปไตยของชาติเอาไว้อยู่แล้ว 6. การรับรองความเป็นสมาชิกพรรคของนายธานินทร์ ใจสมุทร ที่ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ปี อยู่ระหว่างกระบวนการรอการวินิจฉัยจากศาลฎีกา แต่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีหลายล้านคน นายกฯไม่มีทางรู้ในรายละเอียดได้ ตรงนี้เป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของนายธานินทร์ ไม่ใช่หน้าที่ของนายกฯ 7. เรื่องการส่งเอสเอ็มเอสเป็นการเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมกันแก้ปัญหาวิกฤติชาติ ไม่ได้จงใจจะใช้อำนาจขัดต่อกฎหมาย เมื่อดูข้อกล่าวหาทั้ง 7 ข้อแล้วยังไม่ใช่เรื่องการกระทำผิดขั้นรุนแรงที่จะนำไปสู่การถอดถอนได้

เกทับข้อมูลเก่าไม่ระคายผิว

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อดูข้อกล่าวหาทั้ง 7 ข้อ ในการยื่นถอดถอนนายกฯแล้ว ภาษานักเลงเรียกว่าไม่ระคายผิว เพราะเป็นเรื่องเก่าก่อนที่นายอภิสิทธิ์จะมารับตำแหน่งนายกฯ ถ้าฝ่ายค้านมีปัญญาแค่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องเสาะหาข้อมูลจากประชาชน แค่กลับไปเปิดดูหนังสือพิมพ์ เก่าๆแล้วนำมารวบรวมเป็นประเด็นได้เลย ยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกหวั่นไหวกับคำโฆษณาชวนเชื่อของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง แม่ทัพทีมอภิปรายของพรรคเพื่อไทย ในลักษณะที่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่พอเหลาลงไปกลับเป็นบ้องกัญชา และเชื่อว่านายกฯสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้แน่นอน

“จุรินทร์” โอ่ถือโอกาสโปรโมตผลงาน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสข่าวมีชื่อจะถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่ทราบ คงต้องดูว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ยืนยันว่าไม่มีปัญหา พร้อมที่จะตอบในทุกประเด็น มั่นใจว่าตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการไม่เคยทำอะไรผิด อีกทั้งอาจจะเป็นโอกาสดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์ผลงานที่ได้ทำมาด้วยชงโมเดลปฏิรูปการเมืองถึงนายกฯ

ทางด้านความคืบหน้าในการปฏิรูปการเมือง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับหนังสือตอบรับจากสภาสถาบันพระปกเกล้าอย่างเป็นทางการมาถึงนายกรัฐมนตรีเรื่องข้อเสนอการปฏิรูปการเมืองแล้ว สาระสำคัญคือเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อศึกษารับฟังความเห็นและเสนอแนะการพัฒนาประชาธิปไตยและการเมืองการปกครอง ไม่เกิน 50 คน มีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธาน โดยให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 76 จังหวัด แบ่งเป็น 2 ระยะ มีระยะเวลาดำเนินการ 8 เดือน ส่วนจะทำประชามติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการอิสระฯ และยังได้ทำหนังสือขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการด้วย ทั้งนี้ นายกฯจะสั่งการต่อไป หากตอบรับแล้วคงต้องคุยรายละเอียดกันอีกครั้งว่ารูปแบบจะเป็นอย่างไร ใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ส่วนการที่ฝ่ายค้านอาจไม่เห็นชอบด้วยนั้น คิดว่าน่าจะคุยกันได้ โดยต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง

ลุ้นกล่อม “เติ้ง-นปช.-พธม.” เข้าร่วม

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลจับมือกับสถาบันพระปกเกล้ายื้อเวลาให้รัฐบาลอยู่ต่อยาวถึง 1 ปีครึ่ง เพราะใช้เวลาศึกษา 8 เดือน ยกร่างสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 เดือน และแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 8 เดือน นายสาทิตย์ตอบว่า หนังสือที่สถาบันพระปกเกล้าทำมาใช้เวลาศึกษาเพียง 8 เดือนเท่านั้น เรื่องเงื่อนไขของเวลาคิดว่าไม่ได้เป็นปัญหาอะไร หากทุกฝ่ายตอบรับแล้วกรรมการก็มีเวลาทำงานไป ไม่ได้ผูกพันกับเวลาทำงานของรัฐบาล เมื่อถามว่า นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ไม่เชื่อมือสถาบันพระปกเกล้า ขณะที่กลุ่ม นปช. คนเสื้อแดง และกลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่เอาด้วย นายสาทิตย์ตอบว่า ความเห็นของนายบรรหารถือเป็นความเห็นหนึ่งที่ต้องรับฟัง เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ สถาบันพระปกเกล้าเมื่อรับงานนี้ไปแล้วก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกคน เชื่อว่าท่านจะเข้าใจ และคณะกรรมการอิสระฯน่าจะมีองค์ประกอบ จากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น นปช.หรือพันธมิตรฯขอให้เอาปัญหาของประเทศเป็นตัวตั้ง วันนี้มีเวทีเปิดกว้างให้แล้ว ทุกคนก็ต้องเปิดใจมาคุยกัน ไม่คิดว่าจะมีฝ่ายใดปิดกั้นตัวเอง และไม่เข้ามาร่วมสู่กระบวนการปฏิรูปการเมือง คนที่ทำงานก็ต้องหนักแน่นมากๆ.